ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวของนักกีฬาชื่อดังรายหนึ่งที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการ NFL ได้ไม่น้อย
นั่นคือข่าวที่ Seattle Seahawks ตัดสินใจตัดตัว Richard Sherman ตัวคุมปีกมือหนึ่งของทีมออกไปเพื่อเซฟเพดานค่าจ้างราว 11 ล้านเหรียญฯในดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉาก
แต่คล้อยหลังได้เพียงไม่กี่วัน ยังไม่ทันที่ข่าวลือจะได้ทำงาน Sherman ก็ตัดสินใจเลือกทีมใหม่อย่างรวดเร็ว
San Francisco 49ers คือทีมที่ได้ลายเซ็นของตัวคุมปีกจอมโวไปครอง พร้อมการเปิดเผยตัวเลขสัญญามูลค่ามหาศาลที่ 3 ปี 39 ล้านเหรียญฯ หรือเฉลี่ยปีละ 13 ล้านฯ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่แพงเอาเรื่องสำหรับผู้เล่นที่กำลังจะอายุ 30 ปีและเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเอ็นร้อยหวาย อวัยวะที่ถือเป็นส่วนสำคัญของอาชีพนักกีฬาจุดหนึ่งเลยทีเดียว
หลังปล่อยให้ฮือฮากับตัวเลขดังกล่าวได้ไม่นาน ก็มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดของสัญญาฉบับดังกล่าวออกมาชนิดที่พลิกความรู้สึกกันแทบไม่ทัน
เพราะจากตอนแรกที่มองกันว่า Sherman ได้สัญญาใหม่เป็นเงินก้อนโตในช่วงปลายอาชีพ กลับกลายเป็นสัญญาที่เกือบทุกเสียงฟันธงว่า Sherman โดนเอาเปรียบอย่างหนัก
.
----------------------
.
.
ลองมาดูรายละเอียดของสัญญาที่ถูกเปิดเผยออกมากันก่อน
ค่าจ้างในปี 2018 คือ 2 ล้านเหรียญฯ บวกโบนัสการเซ็นสัญญาที่ 3 ล้านฯ คือส่วนที่ Sherman จะได้แน่ๆ
แล้วส่วนที่เหลืออีก 8 ล้านฯของปีนี้ล่ะ?
เงื่อนไขแรกคือคอร์เนอร์แบ็ครายนี้จะได้อีก 2 ล้านฯต่อเมื่อตรวจร่างกายผ่านในวันแรกก่อนเข้าเทรนนิ่งแค้มป์ (คือถ้าติด PUP list หรือ NFI list ในวันแรกก็ชวดเงินสองล้านไปเลย)
ถัดมาคือโบนัสเวลามีชื่อในแต่ละเกมได้รวม 2 ล้านฯ (เฉลี่ยเกมละ 1.25แสนฯ)
ถ้าตลอดฤดูกาลสามารถลงเล่นได้ 90% ของจำนวนสแน็ปในทีมรับจะได้อีก 1 ล้านฯ
ถ้าติดโปรโบวล์2018 ได้อีก 1 ล้านฯ
สุดท้ายคือติดออล-โปร 2018 ก็จะได้ก้อนสุดท้าย 2 ล้านฯ
.
.
ต่อมาคือปี 2019 ค่าจ้างพื้นฐานที่ได้อยู่ที่ 7 ล้านฯ แต่ถ้าปีก่อนติดโปรโบวล์จะเป็น 8 ล้านฯ
เงื่อนไขอื่นๆคือโบนัสเวลามีชื่อติดทีมแต่ละเกมได้รวม 2 ล้าน แต่ถ้าติดโปรโบวล์ปีก่อนจะเหลือล้านเดียว
ถ้าติดโปรโบวล์ค่าจ้าง 8 ล้านจะการันตีกรณีบาดเจ็บด้วยทันทีในวันที่สามของปฏิทินลีกปี2019 ส่วนจะการันตีทั้งหมดคือวันที่ 1 เมษายน (โดยเงินการันตีกรณีบาดเจ็บยังไม่มีผลจนกว่าจะพ้นกลางเดือนมีคที่ขึ้นปฏิทินลีกใหม่ คือถ้าเจ็บทีมตัดตัวทิ้งได้เลยในช่วงที่ยังอยู่ในปฏิทินลีกปีเก่า ไม่มีเด๊ดมันนี่ใดๆติดไปฤดูกาลใหม่)
ถ้าเล่นได้ 90% ของทีมรับได้อีก 1 ล้าน
ติดโปรโบวล์2018 ได้อีก 1 ล้าน
ติดออลโปร 2018 ได้อีก 2 ล้าน
.
.
ขณะที่สัญญาปี 2020 ปีสุดท้ายนี้เงื่อนไขเหมือนปี 2019 ทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีส่วนยิบย่อยอย่างค่า workout ช่วงแคมป์ที่จะได้ปีละ 5 หมื่นฯอีกด้วย
.
-----------------
.
.
สรุปแล้วการที่ Sherman จะได้เงินครบ 39.15 ล้านฯในสัญญานี้ เขาต้องมีชื่อติดทีมครบทั้ง 48 เกมในฤดูกาลปกติตลอดสัญญา ลงเล่นเกิน 90% ของสแน็ปทีมรับทั้งหมด รวมถึงติดโปรโบวล์และออลโปรให้ได้ 3 ปีซ้อน
เงื่อนไขทั้งหลายนี้ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสภาพร่างกายและฝีมือของ Sherman อย่างมาก เพราะต่อให้เจ้าตัวเคยติดทั้งโปรโบวล์และออล-โปรอย่างละ 4 สมัย (ออล-โปรทีมแรก 3 ครั้ง ทีมสอง 1 ครั้ง) แต่การกลับสู่ฟอร์มสุดยอดอีกครั้งบนวัยแตะหลักสามสิบไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเพิ่งผ่านการเจ็บหนักมาแบบนี้ด้วย
คือถ้า Sherman ทำตามเงื่อนไขได้ทุกข้อ จำนวนเงินทั้งหมดนั้นก็เป็นของเขา แต่ถ้ามองในมุมของ 49ers นี่คือสัญญาที่ดีต่อพวกเขามากๆเช่นกัน เพราะค่าจ้างของ Sherman หากไม่นับเงื่อนไขยากๆหลายอย่างก็ถือว่าราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับดีกรีของตัวคุมปีกรายนี้
โดยหากปีแรกตัวผู้เล่นเจ็บบ่อย เงื่อนไขต่างๆก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก ปีถัดไปทีมก็มีสิทธิตัดตัวทิ้งได้โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่เหรียญเดียวเลย
และด้วยประเด็นดังกล่าวนี่เองที่ทำให้มีการวิเคราะห์กันว่าทำไม Sherman ถึงยอมเซ็นสัญญานี้ ซึ่งคำตอบแรกที่ถูกยกขึ้นมาก็คือ เขาไม่มีเอเย่นต์
โดยทั่วไปแล้ว ผู้เล่นส่วนใหญ่จะมีเอเย่นต์คอยเจรจาสัญญาและดูแลผลประโยชน์ให้ ส่วนผู้เล่นมีหน้าที่แค่โฟกัสผลงานในสนาม และรอข้อเสนอที่ดีที่สุดที่เอเย่นต์หามาให้
แต่ตัว Sherman เลือกที่จะดูแลเรื่องนี้เองทั้งหมด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสัญญาฉบับนี้ จนเกิดการถกเถียงว่าหากเขามีเอเย่นต์ดูแลให้ สิ่งที่เขาจะได้ในสัญญาใหม่จะแตกต่างไปเช่นไร
.
---------------------
.
.
ประเด็นแรกคือโบนัสการมีชื่อติดทีมในแต่ละเกมที่ Sherman ได้ปีละ 2 ล้านฯ หรือเฉลี่ยเกมละ 1.25 แสนฯ โดยเงื่อนไขส่วนนี้ถือเป็นส่วนที่ปรากฏแทบทุกในสัญญาในปัจจุบัน คือนักกีฬาจะได้เงินนี้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ลงไปโชว์ฝีมือในสนาม ซึ่งถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ดีต่อทีม
แต่ส่วนมากแล้วเงื่อนไขตรงนี้มักต่ำกว่า 1 ล้านฯต่อปี ตัวอย่างจาก Aaron Rodgers ปีที่แล้วโบนัสนี้ของเขาอยู่ที่ปีละ 6 แสนฯ ซึ่งพอเขาเจ็บก็ชวดเงินตรงนี้ไปแค่ 3.3 แสนฯเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าห่างกับสัญญาใหม่ของ Sherman มาก มีผู้เล่นในลีกไม่กี่คนเท่านั้นที่เงื่อนไขตรงนี้สูงกว่าเขา
หรืออย่าง Jimmy Garoppolo ที่ได้สัญญาระดับสถิติ NFL ก็มีโบนัสข้อนี้แค่ 8 แสนฯเท่านั้น ซึ่งหาก Sherman มีเอเย่นต์ดีๆ ก็มีสิทธิสูงที่เขาจะเปลี่ยนตัวเลขโบนัสตรงนี้ให้ไปอยู่ในส่วนของค่าจ้างที่การันตีได้อย่างต่ำ 1 ล้านฯได้เลย
.
-----------------------
.
.
ประเด็นต่อมาคือการเจรจาปิดดีลนี้รวดเร็วมาก โดย Sherman เข้าไปคุยกับทีมงาน 49ers เพียงแค่วันเดียวหลังจากถูกตัดตัวจากเจ้าเหยี่ยวทะเล จากนั้นก็ตรวจร่างกายและเซ็นสัญญาทันที ไม่ได้เดินทางไปคุยกับทีมอื่นเลย
ถ้าหากเขามีเอเย่นต์ก็เชื่อได้เลยว่า เอเย่นต์จะต้องโทรหาแต่ละทีมที่สนใจใช้งาน Sherman ชนิดสายไม่ว่างไปแล้ว และใช้เวลาเจรจาและชั่งน้ำหนักข้อเสนอต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีกว่าหรือเทียบเท่ากับที่ได้รับที่ซานฟรานฯ
หรือต่อให้ตัวผู้เล่นจะเลือกเซ็นกับที่นี่ เอเย่นต์ก็สามารถหยิบยกข้อเสนอที่ทีมอื่นเสนอมาต่อรองเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีขึ้นกับตัวลูกค้าของเขาได้เช่นกัน
ประเด็นนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงเรื่องภาษีด้วย โดย Detroit Lions คือหนึ่งทีมที่แสดงเจตนาชัดเจนว่าอยากได้ Sherman เข้าทีม
เมื่อยกตัวเลขค่าจ้างข้างต้นในปีนี้มาดู หากเลือกทีมหลังนี้จะเสียภาษีที่รัฐมิชิแกนในอัตรา 4.25% หรือ 552,500 เหรียญ ส่วนที่รัฐแคลิฟอร์เนียของซานฟรานฯนั้นอัตราภาษีสูงถึง 13.3% หมายความว่าต้องจ่ายสูงถึง 1.729 ล้านฯ
เอเย่นต์ที่ดีจะพิจารณาและเจรจาเพื่อไม่ให้เกิดส่วนต่างที่เกิน 1 ล้านฯนี้แน่นอน
.
----------------------
.
.
ขณะที่เงื่อนไขในข้อสัญญาที่ว่า ถ้าติดโปรโบวล์สองปีถัดไปจะได้เงินการันตี 16 ล้านฯ(ปีละ 8 ล้านฯ) ซึ่งอาจมองว่าดูดีนั้น แต่เอเย่นต์ที่เขี้ยวๆจะพยายามเจรจาให้เงื่อนไขนี้ตกไป
เพราะการที่ผู้เล่นผลงานดีจนถึงขั้นติดทีมโปรโบวล์นั้น เชื่อได้เลยว่ามูลค่าของตัวคุมปีกที่กำลังท๊อปฟอร์มสามารถเรียกเงินในสัญญาใหม่ได้สูงกว่าแค่เงินการันตีปีละ 8 ล้านฯ
นอกจากนี้การใช้เอเย่นต์ที่มีประสบการณ์ในวงการนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเจรจากับ 49ers
เนื่องจาก Paraag Marathe ผู้บริหารของทีมขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักเจรจาเล่ห์เหลี่ยมสูงคนหนึ่ง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เอเย่นต์จะรู้กันดี แต่ผู้เล่นส่วนมากจะไม่รู้
และไม่ว่า Sherman จะรู้ถึงเรื่องนี้หรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วดีลที่ปรากฏออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่านี่คือสัญญาที่ 49ers ต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นแน่
.
-----------------------
.
.
ส่วนสาเหตุที่ผู้เล่นอยากเจรจาสัญญาใหม่เองก็หนีไม่พ้นเรื่องที่พวกเขาไม่อยากจ่ายเช็คให้แก่เหล่าเอเย่นต์ เพราะเช็คในแต่ละเกมที่ถูกจ่ายไปต้องโดนหักค่าธรรมเนียมแก่เอเย่นต์
แต่เมื่อมองดีๆ ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเสียเงินของผู้เล่น แต่มันคือเรื่องการได้เงินของเขาต่างหาก
กรณีของ Sherman เขาจะเสียค่าธรรมเนียม 3% จากเงินการันตี 7 ล้านฯ ตกอยู่ที่ 2.1แสนฯ ซึ่งเอเย่นต์ฝีมือดีจะเรียกเงินในสัญญาให้ได้มากกว่าหรือเทียบเท่า 7.21 ล้านฯเพื่อให้ใส่ค่าธรรมเนียมตรงนี้รวมไว้ในส่วนเงินการันตีตั้งแต่ต้นเลย
.
------------------------
.
.
ด้วยเหตุผลต่างๆ ข้างต้นทำให้หลายๆคนมองว่า Sherman ควรมีเอเย่นต์มาทำหน้าที่เจรจาสัญญาให้ ทว่าเมื่อการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้ว คนภายนอกอย่างเราๆ ก็ต้องเคารพการตัดสินใจนั้น
"ผมใช้เวลา 10-12 ชั่วโมงเพื่ออ่านสัญญาและศึกษาถ้อยคำในสัญญาทั้งหมด เมื่อผมเป็นตัวแทนของตัวเองผมก็ต้องค้นคว้ามัน" Sherman กล่าว
ทั้งนี้หลังจากที่เขาได้รับตัวเลขทั้งหมดจาก 49ersแล้ว เขาก็ติดต่อไปยังอีก 3 ทีมที่สนใจเขา คือ Seahawks, Lions และ Oakland Raiders แล้วได้รับคำตอบว่าพวกเขาไม่สู้ตัวเลขในเงื่อนไขโบนัสเหล่านั้น ทำให้ Sherman ตัดสินใจได้ทันที
"ผมไม่คิดว่าจะมีเอเย่นต์คนไหนเจรจาสัญญานี้ได้ดีกว่านี้แล้ว ตราบเท่าที่ผมพอใจกับสิ่งที่ผมกำลังทำ อย่างอื่นก็ไม่สำคัญอะไร"
"เมื่อผมติดโปรโบวล์ ปีหน้าผมจะการันตีเงิน 8 ล้านฯ ผมสามารถควบคุมชะตาตัวเองได้ ซึ่ง49ersเสี่ยง ผมเสี่ยง แต่ในสัญญาเก่าของผม ไม่ว่าปีนี้อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่มีอะไรการันตีสำหรับปีหน้าเลย ผมไม่รู้สึกปลอดภัยกับสัญญานั้น"
"ส่วนตอนนี้ผมรู้ว่าผมจะได้เงินแน่ๆ ถ้าผมลงเล่นแบบที่ผมรู้ว่าผมสามารถเล่นได้"
------------------------
via:
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1647735398646946&id=343195735767592