ประโยคนี้ฝังลึกลงกลางใจของ ชายหนุ่มที่มีชื่อว่า Jon นามสกุล Snow นามสกุลที่หากเลือกได้ตัวเค้าเองคงไม่อยากใช้มันเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเหมือนตราบาปที่ติดตัวเค้า ให้คนตราหน้าได้ว่าเค้าคือเด็กที่เกิดจากการนอกใจ "ลูกนอกสมรส"
Jon มีพี่ชาย 1 คนคือ Robb
มีน้องสาว 2 คน คือ Sansa กับ Arya และมีน้องชายอีก 2 คนคือ Bran กับ Rickon
Jon มีหมาป่า Dire Wolf สีขาว คู่ใจชื่อว่า Ghost
ขณะอายุแค่ 14 ปี Jon ก็ถูกมองว่ามีบุคลิกที่สง่างาม และมีความเป็น "Stark" มากที่สุดในบรรดาพี่น้อง สายเลือดstarkแท้ๆอีกด้วย
Tyrion "The Imp" Lannister เคยกล่าวเอาไว้ว่า "Jon มีใบหน้าที่คงความเป็น Stark ขนานแท้" และไม่ว่าแม่ของเค้าจะเป็นใคร เรียกได้ว่า ใบหน้าของ Jon ไม่เหลือเค้าโคลงที่ได้จากแม่มาเลยแม้แต่น้อย
และจากการสนทนาของทั้งคู่ นำมาซึ่งประโยคนี้ครับ เป็นประโยคที่ผมชอบที่สุดใน GoT เลย สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้เลย
"Never forget what you are. The rest of the world will not. Wear it like armor, and it can never be used to hurt you.”
"อย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร. เพราะคนทั้งโลกจะไม่ลืม. จงสวมใส่มันเอาไว้ประหนึ่งเสื้อเกราะ และจะไม่มีใครใช้มันมาทำร้ายเจ้าได้"
ซึ่งเป็นเพียงทางเดียวที่พวกเค้าจะไต่เต้าขึ้นไปยังยศสูงๆ จนถึงระดับผู้บัญชาการ(Commander) หรือไม่ก็ต้องภาวนาให้มี Lord เอาพวกเค้าไปเป็นผู้รับใช้ และไต่เต้าจนได้เป็นยศอัศวิน (Knight) ถึงจะทำให้พวกเค้ามีสิทธิ์ที่จะออกไปตั้งตระกูลใหม่เองได้
นามสกุลพิเศษสำหรับ ลูกนอกสมรส ต่างๆใน Westeros
ต่างกันตามดินแดนที่ลูกนอกสมรสเกิดมานะครับ (แต่เฉพาะสำหรับลูกนอกสมรสที่ครอบครัวให้การศึกษาแล้วเท่านั้นนะครับ)
นามสกุล Flowers จาก The Reach
นามสกุล Hill จาก The Westerlands
นามสกุล Pyke จาก Iron Islands
นามสกุล Rivers จาก The Riverlands
นามสกุล Sand จาก Dorne
นามสกุล Snow จาก The North
นามสกุล Stone จาก The Vale of Arryn
นามสกุล Storm จาก The Stormlands
นามสกุล Waters จาก The Crownlands
สังเกตว่าตั้งตามพวก ก้อนหิน ดินทรายทั้งนั้นเลยครับ คาดว่าเป็นการดูถูก แบ่งแยกชนชั้น ในสมัยนั้น
ก็เลย link ไปยัง Jon Snow ว่าเป็นกรณีที่ค่อนข้างผิดปกติมาก เพราะ
1. Jon ไม่ได้เกิดที่ Winterfell
Ned อุ้มกลับมาหลังจากการปฏิวัติของ Robert
2. ตามหลักแล้วตั้งตามบ้านเกิดของพ่อไม่ได้ครับ แต่คาดว่า Ned ไม่อยากเถียงกับภรรยา ก็เลยตัดปัญหาไปด้วยการ ให้ Jon ใช้ นามสกุล Snow ของทางเหนือไป
ส่วนชื่อ Jon นั้น Ned เป็นคนตั้งให้ คาดว่าตั้งตาม Jon Arryn คนที่เลี้ยงดู ให้การศึกษา Ned และ Ned เคารพรักดั่งพ่อคนที่ 2
(Jon Arryn ตายอย่างมีเงื่อนงำในฉากเปิดเรื่องของนิยาย ในขณะดำรงตำแหน่ง King's Hand ทำให้ Ned ต้องเข้าเมืองหลวงมาสืบ)
ชาติกำเนิดของ Jon
ขณะนี้ยังไม่การเปิดเผยใดๆทั้งสิ้นจากผู้เขียน (ยังแต่งไม่จบนะครัช ลุงแกแต่งแค่ 5 เล่มแรกก็ใช้เวลาปาเข้าไป 20 ปีละ) เลยไม่จัดว่าเป็นการสปอยละกัน เพราะเป็นแค่การคาดการณ์
1. แคทรีน เมีย Ned ได้ยินข่าวลือมาว่า แม่ของจอนคือ Ashara Dayne แห่ง Starfall
หญิงสูงศักดิ์แห่งตระกูล Dayne เธอฆ่าตัวตายหลังจาก สงครามปฏิวัติของ Robert ได้ไม่นาน เป็นคนสวยงาม ผมยาวดกดำ มีตาสีม่วง หนุ่มๆพากันลุ่มหลง ซึ่งรวมถึง Ser Selmy Barristan
เรื่องข่าวลือนี้ เมียถามแล้วNed ไม่ยอมตอบนะครัช...
2. ใน SS1 ตอน Ned ออกเดินทางจาก Winterfell ไปกับ Robert
Robert ถามถึงเรื่องแม่ของ Jon แต่ Ned กลับตอบไปว่า แม่ของ Jon ชื่อว่า Wylla เรื่องนี้มีคนออกมายืนยัน ชื่อว่า Eric Dayne แห่ง Starfall เค้าอ้างว่า Jon กับเค้ามีแม่นมคนเดียวกันคือ Willa
3. Godric Borrell ซึ่งพ่อของเค้าอยู่ในเหตุการณ์ปฏิวัติของRobert ขณะ Ned ต้องเดินทางกลับทางเหนือเพื่อรวบรวมกำลังพล อ้างว่า ลูกสาวของชาวประมงที่ช่วยชีวิตNedไว้ขณะเรือล่ม ได้ให้กำเนิด Jon Snow
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนซื่อๆอย่าง Ned Stark โกหกเมียไม่เก่งนะครัช แหม่..
แต่อย่างไรก็ดีครับ แฟนๆซีรี่ย์นี้ส่วนใหญ่ ได้เทคะแนนไปที่ทฤษฏีความเชื่อที่ว่า Jon นั้นคือลูกของ Lyanna Stark น้องสาว Ned กับ Rhaegar Targeryan เจ้าชายมังกร
แต่ก็ต้องลุ้นต่อไปว่า คนแต่งจะตามใจแฟนๆหรือไม่ แต่จากประสบการณ์ บอกตรงๆ ตาลุงคนแต่งนี่ซาดิสกับแฟนๆมากครัช T_T
หากว่าใครสักคนมาถามว่า Game of Thrones คืออะไร?
สิ่งที่ผมอยากตอบก็คือ นิยายเรื่องนี้มันคือส่วนผสมที่ลงตัวของ
ประวัติศาสตร์อังกฤษ + สามก๊ก + fantasy แถมด้วย 18+ นิดหน่อย
สงครามกุหลาบราชวงศ์อังกฤษ Wars of the Roses
เป็นเกร็ดของประวัติศาสตร์อังกฤษที่ ผู้แต่ง นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายครับ
โดยเป็นเรื่องความขัดแย้งของ สองตระกูลใหญ่ ที่ใช้สัญลักษณ์รูปกุหลาบเหมือนกัน คือ
ตระกูล York กับ ตระกูล Lancaster vs
ตระกูล Stark ได้รับอิทธิพลมาจากตระกูล Percy
ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ดูแลดินแดนทางเหนือมาช้านานทั้งคู่
Tywin Lannister vs Richard Neville
ผู้นำตระกูล Neville ตระกูลขุนนางเก่าแก่ ที่ร่ำรวย และมีบทบาททางการเมือง รวมทั้งเป็นอริกับตระกูล Percy ที่อยู่ทางเหนือ
Red Wedding vs Black Dinner
จริงๆ Black dinner เกิดก่อนนั้นนานพอสมควร แต่ยกตัวอย่างว่า คนแต่งเอาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จริงมาเขียนไว้ในนิยาย
ใครไม่ทราบว่า Black Dinner กับ Red Wedding คืออะไร ลองดู SS3 ให้จบครับ จะได้คำตอบ
คราวนี้มาดูความเป็น สามก๊ก ใน Game of Thrones กันบ้างครับ
เนื่องจากคุณ Martin คนแต่งออกมายอมรับว่าเป็นแฟนตัวยงของ Romance of The 3 Kingdoms หรือสามก๊กเวอร์ชั่นฝรั่ง ผมก็เลยไปลองรวบรวมจุดที่คล้ายคลึง+ได้รับแรงบันดาลใจ จากเรื่อง3ก๊ก มาให้ลองชมกัน มีทั้งซีเรียสและเอาฮา ดังนั้นขำๆอย่าคิดมากนะครับ
vs
- จุดเริ่มต้นของเรื่องคือ การล่มสลายของราชวงศ์ใหญ่ ,
Targaryen vs ราชวงศ์ฮั่น
เมื่อ เน็ด มาถึง บัลลังค์เหล็กก็ต้องมาเห็นภาพที่น่ากังขาในความภักดีและทะเยอทะยานของตระกูล Lannister เมื่อเห็น Jaime Lannister องครักษ์ราชาขณะนั้น นั่งอยู่บนบัลลังค์โดยเบื้องล่างนั้น มีศพของ แอริส ทาแกเรี่ยน The Mad king นอนอยู่ที่บันได
ภาพเจมี่ "The King Slayer" ละเมิดคำสัตย์ขององครักษ์ ลอบสังหารแอริส ทาแกเรียน โดยเน็ดรู้สึกว่าเป็นการทำให้การยึด King's Landing ของ Robert Baratheon นั้นไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี