BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
หน้าแรกบอร์ด >> รวมบทความ Game of Thrones โดย CallMeLight
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: My Biggest Failures are knowing I never tried
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jan 2011
ตอบ: 12368
ที่อยู่: -__________-
โพสเมื่อ: Fri Apr 11, 2014 03:09
รวมบทความ Game of Thrones โดย CallMeLight
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1033631
[Game of Thrones]
ลอร์ดแห่ง Winterfell รึ ? เจ้าไม่มีสิทธิ์หรอก เจ้ามันลูกนอกสมรส !!



ประโยคนี้ฝังลึกลงกลางใจของ ชายหนุ่มที่มีชื่อว่า Jon นามสกุล Snow นามสกุลที่หากเลือกได้ตัวเค้าเองคงไม่อยากใช้มันเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเหมือนตราบาปที่ติดตัวเค้า ให้คนตราหน้าได้ว่าเค้าคือเด็กที่เกิดจากการนอกใจ "ลูกนอกสมรส"


Jon มีพี่ชาย 1 คนคือ Robb

มีน้องสาว 2 คน คือ Sansa กับ Arya และมีน้องชายอีก 2 คนคือ Bran กับ Rickon

Jon มีหมาป่า Dire Wolf สีขาว คู่ใจชื่อว่า Ghost

ขณะอายุแค่ 14 ปี Jon ก็ถูกมองว่ามีบุคลิกที่สง่างาม และมีความเป็น "Stark" มากที่สุดในบรรดาพี่น้อง สายเลือดstarkแท้ๆอีกด้วย

Tyrion "The Imp" Lannister เคยกล่าวเอาไว้ว่า "Jon มีใบหน้าที่คงความเป็น Stark ขนานแท้" และไม่ว่าแม่ของเค้าจะเป็นใคร เรียกได้ว่า ใบหน้าของ Jon ไม่เหลือเค้าโคลงที่ได้จากแม่มาเลยแม้แต่น้อย

และจากการสนทนาของทั้งคู่ นำมาซึ่งประโยคนี้ครับ เป็นประโยคที่ผมชอบที่สุดใน GoT เลย สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้เลย

"Never forget what you are. The rest of the world will not. Wear it like armor, and it can never be used to hurt you.”
"อย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร. เพราะคนทั้งโลกจะไม่ลืม. จงสวมใส่มันเอาไว้ประหนึ่งเสื้อเกราะ และจะไม่มีใครใช้มันมาทำร้ายเจ้าได้"


ในบรรดาพี่น้อง Jonสนิทสนมและรัก Arya มากที่สุดครับ ทั้งคู่เข้ากันได้ดี เพราะ Arya ก็เข้าใจความรู้สึกที่ถูกมองข้ามและตกอยู่ใต้เงาของคนอื่นตลอดเวลา (บอกตรงๆ ผมแอบจิ้นคู่นี้นะครับ >.<" )


Jon ได้รับคำชมว่าเป็นนักขี่ม้าตัวฉกาจ เป็นนักดาบที่มี"พรสวรรค์"
และได้รับการฝึกดาบจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ตั้งแต่ "เค้าเริ่มหัดเดินได้" ในหนังสือยังกล่าวอีกว่าหากเทียบกับ Robb พี่ชายแล้ว Jon จัดได้ว่ามีทักษะทางด้านดาบที่เหนือกว่า


"Longclaw" ดาบคู่ใจของ Jon ทำจากเหล็ก Valyrian โบราณ จุดเด่นของ Longclaw ที่ถูกขนานนามว่า bastard sword หรือ "ดาบหนึ่งเล่มกับอีกครึ่ง" ก็คือ "ความยาว" ของมัน ตามชื่อเลยครับ ได้เปรียบทั้งระยะการฟัน และเหมาะแก่การแทงตรง อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าดาบปกติอีกด้วย
สองพ่อลูกตระกูล Mormont
ดาบเล่มนี้ ตระกูล Mormont ครอบครองมากว่า 500 ปีครับ โดยต้นเรื่องนิยาย ดาบเล่มนี้เป็นของ Jorah Mormont แต่ได้กระทำผิดเรื่องการค้าทาส สร้างความอัปยศแก่ตระกูล และถูกเนรเทศ แต่ก่อนเค้าจะหนีไปได้แอบทิ้งดาบไว้ให้พ่อของเค้า Ser Jeor Mormont
ส่วนดาบจะไปอยู่กับ Jon Snow ได้ยังไงนั้น ให้ลองติดตามดูครับ


Jorah ได้หนีโทษแล้วไปอยู่ Free Cities และได้เข้าร่วมกับ Danerys Targaerian เพื่อกอบกู้บัลลังค์นะครับ เผื่อใครจำหน้าไม่ได้


กลับมาที่ Jon กันต่อครับ เหมือนกับพ่อของเค้า Ned Stark. Jon ยังคงมีศรัทธาแน่วแน่ให้กับพระเจ้าองค์เก่า หรือ The Old God

อันนี้ Spoil นะครับ แต่ไม่หนักหนาอะไร อยากรู้กดได้ครับ เพราะดูหนังไปเรื่อยๆน่าจะเดาได้ เกี่ยวกับความสามารถพิเศษของลูกๆบ้าน Stark

Spoil
Jon เป็นหนึ่งในพวก Warg หรือคนที่มีความสามารถในการถอดจิตเข้าสู่สัตว์เลี้ยง(ที่เป็นสัตว์ที่ผูกพันธ์กันมากๆด้วย) อย่างของ Jon ก็จะเป็น Ghost หมาป่าสีขาวที่เค้าเลี้ยงมันมาตั้งแต่มันเกิด

เหมือนในหนังสือ Jon จะค้นพบความสามารถนี้บางส่วนใน เล่ม 2 กับ เล่ม 3 แต่ในซีรี่ย์ผมหาไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าพลาดตรงไหนไปรึเปล่า  


ความสัมพันธ์ระหว่าง Jon กับ Robb

สำหรับ Jon แล้ว Robb เป็นทั้ง "พี่ชาย, เพื่อนแท้, และคู่แข่ง" ในเวลาเดียวกัน


ในวัยเด็ก ขณะทั้งคู่กำลังเล่นประลองดาบกันอยู่นั้น ตามประสาเด็ก ทั้งคู่จะเล่นด้วยการ ตะโกนชื่อ Hero ต่างๆ ที่พวกเค้าอยากจะเป็นเมื่อเค้าโตขึ้น แล้ววันหนึ่งขณะเล่นกัน Jon ก็ตะโกนขึ้นมาว่า "ลอร์ดแห่ง Winterfell" ทำให้ Robb ต้องสวนกลับทันทีว่า "เจ้าเป็นไม่ได้หรอก เจ้าไม่มีสิทธิ์ เพราะเจ้าเป็นลูกนอกสมรส "



Bastards of Westeros

Gendry , Ramsay Snow และ Jon Snow ลูกนอกสมรสแห่งWesteros

ลูกนอกสมรสหรือ Bastard เป็นคำเรียกเด็กที่เกิดจากการสมสู่ นอกการแต่งงาน เป็นตราบาปแห่ง อาณาจักรทั้ง 7 ในนิยาย
"ลูกนอกสมรส จะไม่มีสิทธิ์ครอบครอง หรือสืบทอด มรดก ทรัพย์สิน และยศฐาบรรดาศักดิ์ของผู้เป็นพ่อทั้งสิ้น"

แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้เป็นพ่อว่าจะเลี้ยงดูลูกนอกสมรสอย่างไร กรณีที่แย่ที่สุดก็คือ ทอดทิ้งไม่ใยดีและไม่ให้การศึกษา เลี้ยงดูใดๆทั้งสิ้น หรือในกรณีที่โชคดีก็คือพ่อเลี้ยงดู ให้การศึกษา (ลูกนอกสมรสที่ได้รับการศึกษาเท่านั้นถึงจะได้รับ นามสกุลพิเศษ เช่น Snow) แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะส่งไปดินแดนห่างไกล ปลีกแยกออกจากครอบครัวหลักของตน

ในกรณีของ Ned Stark ที่เลี้ยงดู Jon ร่วมกับครอบครัวหลักและลูกๆแท้ของเค้า เลยจัดได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ และหาได้ยากในสมัยนั้น


เนื่องจากหมดสิทธิ์ในการสืบทอดมรดกและยศของครอบครัว ทำให้เด็กๆที่เป็นลูกนอกสมรส จึงมักจะเลือกทางเดินพิเศษ ก็คือ การเข้าร่วม ทีมสำรวจ เอ้ยไม่ใช่! เข้าร่วม Night's Watch หรือที่เรียกกันว่า Crows กลุ่มชายชุดดำนอกกฏหมาย ที่ทำหน้าที่คุ้มครองปกป้องกำแพง


ซึ่งเป็นเพียงทางเดียวที่พวกเค้าจะไต่เต้าขึ้นไปยังยศสูงๆ จนถึงระดับผู้บัญชาการ(Commander) หรือไม่ก็ต้องภาวนาให้มี Lord เอาพวกเค้าไปเป็นผู้รับใช้ และไต่เต้าจนได้เป็นยศอัศวิน (Knight) ถึงจะทำให้พวกเค้ามีสิทธิ์ที่จะออกไปตั้งตระกูลใหม่เองได้

นามสกุลพิเศษสำหรับ ลูกนอกสมรส ต่างๆใน Westeros

ต่างกันตามดินแดนที่ลูกนอกสมรสเกิดมานะครับ (แต่เฉพาะสำหรับลูกนอกสมรสที่ครอบครัวให้การศึกษาแล้วเท่านั้นนะครับ)
นามสกุล Flowers จาก The Reach
นามสกุล Hill จาก The Westerlands
นามสกุล Pyke จาก Iron Islands
นามสกุล Rivers จาก The Riverlands
นามสกุล Sand จาก Dorne
นามสกุล Snow จาก The North
นามสกุล Stone จาก The Vale of Arryn
นามสกุล Storm จาก The Stormlands
นามสกุล Waters จาก The Crownlands
สังเกตว่าตั้งตามพวก ก้อนหิน ดินทรายทั้งนั้นเลยครับ คาดว่าเป็นการดูถูก แบ่งแยกชนชั้น ในสมัยนั้น

ตัวอย่างของ Bastard ที่ไม่ได้รับการศึกษา เลยไม่มี นามสกุลนะครับ

Gendry ลูกนอกสมรสของ Robert Baratheon แต่ไม่ได้รับการเลี้ยงดู และให้การศึกษา

ประเด็นที่น่าสนใจคือ นามสกุลพิเศษ จะตั้งตาม 2 อย่างคือ
1. สถานที่เกิดของทารก
2. ที่มาของ มารดา



ก็เลย link ไปยัง Jon Snow ว่าเป็นกรณีที่ค่อนข้างผิดปกติมาก เพราะ
1. Jon ไม่ได้เกิดที่ Winterfell
Ned อุ้มกลับมาหลังจากการปฏิวัติของ Robert
2. ตามหลักแล้วตั้งตามบ้านเกิดของพ่อไม่ได้ครับ แต่คาดว่า Ned ไม่อยากเถียงกับภรรยา ก็เลยตัดปัญหาไปด้วยการ ให้ Jon ใช้ นามสกุล Snow ของทางเหนือไป


ส่วนชื่อ Jon นั้น Ned เป็นคนตั้งให้ คาดว่าตั้งตาม Jon Arryn คนที่เลี้ยงดู ให้การศึกษา Ned และ Ned เคารพรักดั่งพ่อคนที่ 2
(Jon Arryn ตายอย่างมีเงื่อนงำในฉากเปิดเรื่องของนิยาย ในขณะดำรงตำแหน่ง King's Hand ทำให้ Ned ต้องเข้าเมืองหลวงมาสืบ)


ชาติกำเนิดของ Jon
ขณะนี้ยังไม่การเปิดเผยใดๆทั้งสิ้นจากผู้เขียน (ยังแต่งไม่จบนะครัช ลุงแกแต่งแค่ 5 เล่มแรกก็ใช้เวลาปาเข้าไป 20 ปีละ) เลยไม่จัดว่าเป็นการสปอยละกัน เพราะเป็นแค่การคาดการณ์
1. แคทรีน เมีย Ned ได้ยินข่าวลือมาว่า แม่ของจอนคือ Ashara Dayne แห่ง Starfall

หญิงสูงศักดิ์แห่งตระกูล Dayne เธอฆ่าตัวตายหลังจาก สงครามปฏิวัติของ Robert ได้ไม่นาน เป็นคนสวยงาม ผมยาวดกดำ มีตาสีม่วง หนุ่มๆพากันลุ่มหลง ซึ่งรวมถึง Ser Selmy Barristan

เรื่องข่าวลือนี้ เมียถามแล้วNed ไม่ยอมตอบนะครัช...

2. ใน SS1 ตอน Ned ออกเดินทางจาก Winterfell ไปกับ Robert

Robert ถามถึงเรื่องแม่ของ Jon แต่ Ned กลับตอบไปว่า แม่ของ Jon ชื่อว่า Wylla เรื่องนี้มีคนออกมายืนยัน ชื่อว่า Eric Dayne แห่ง Starfall เค้าอ้างว่า Jon กับเค้ามีแม่นมคนเดียวกันคือ Willa


3. Godric Borrell ซึ่งพ่อของเค้าอยู่ในเหตุการณ์ปฏิวัติของRobert ขณะ Ned ต้องเดินทางกลับทางเหนือเพื่อรวบรวมกำลังพล อ้างว่า ลูกสาวของชาวประมงที่ช่วยชีวิตNedไว้ขณะเรือล่ม ได้ให้กำเนิด Jon Snow

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนซื่อๆอย่าง Ned Stark โกหกเมียไม่เก่งนะครัช แหม่..


แต่อย่างไรก็ดีครับ แฟนๆซีรี่ย์นี้ส่วนใหญ่ ได้เทคะแนนไปที่ทฤษฏีความเชื่อที่ว่า Jon นั้นคือลูกของ Lyanna Stark น้องสาว Ned กับ Rhaegar Targeryan เจ้าชายมังกร

แต่ก็ต้องลุ้นต่อไปว่า คนแต่งจะตามใจแฟนๆหรือไม่ แต่จากประสบการณ์ บอกตรงๆ ตาลุงคนแต่งนี่ซาดิสกับแฟนๆมากครัช T_T

อ้อมีเรื่องน่าสนใจ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ในซีรี่ย์อีกเรื่องนึงครับ แต่เห็นว่าน่าสนใจ

Hero ในวัยเด็กของ Jon Snow

Daeron Targaryen หรือ The Young Dragon ผู้พิชิตแคว้น Dorne ได้ด้วยอายุเพียง 14 ปี เจ้าของฉายา "มังกรหนุ่ม"
Jon ใฝ่ฝันมาตลอดว่าสักวันนึงจะเป็นอย่าง Daeron เค้าจะนำทัพออกศึก สร้างชื่อเสียงเกียรติยศได้ และเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับ Eddard Stark พ่อที่เค้ารักและอยากทำให้ภาคภูมิใจที่สุด


ชะตากรรมของ Jon จะเป็นอย่างไร


- หากสักวันนึงมี Lord ผู้ยิ่งใหญ่มา เสนอแต่งตั้งให้เค้าเป็นลอร์ดแห่ง Winterfell ที่เค้าใฝ่ฝันไว้ ได้เป็นจริงขึ้นมาจริงๆ เค้าจะยอมรับมันไว้ไหม ?


- หรือเค้าจะเลือกพี่น้องชุดดำ และปฏิบัติหน้าที่ตามคำสาบาน พร้อมทั้งขีดเส้นทางของเค้าเองที่ The Wall และนอกกำแพง



- หรือว่าเค้าจะได้เป็นอัศวินมังกร ดั่ง Daeron ฮีโร่ในวัยเด็กของเค้า


เรื่องนี้ต้องคอยติดตามกันต่อไปครับ เวลานี้ก็ได้แต่จิ้นกันไปก่อน (ฮาๆ)


แต่ผมบอกได้อย่างเดียวครับ






" คนแต่งเรื่องนี้แม่มโรคจิต" !!!










--- ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับเกร็ด Game of Thrones ที่เอามาฝากัน ---
--- พยายามเลี่ยงสปอยหนักให้ละครับ ใครไม่เคยดูก็อ่านได้ ใครกำลังติดตามอยู่ก็น่าจะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวได้ดียิ่งขึ้น ---

แปลเอง เอามายำรวมๆกัน +โม้เองไปด้วย ผิดพลาดตรงไหนขออภัยนะครับ และขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ

พบกันใหม่ตอนหน้า
อันนี้ link เก่าๆสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านครับ

แรงบันดาลใจ ที่มาแห่ง Game of Thrones
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1033172

ชายผู้น่ากลัวที่สุดใน Westeros
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1032284

Eddard Stark ความดีงามไม่ช่วยอะไร
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1032479

พรีวิว Game of Thrones season 4
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1029567

ขอบคุณครับ




ของแถม ยู โนว น๊อตติ้ง จอน สโนว








18+
Spoil
 

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: My Biggest Failures are knowing I never tried
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jan 2011
ตอบ: 12368
ที่อยู่: -__________-
โพสเมื่อ: Fri Apr 11, 2014 03:10
[RE: รวมบทความ Game of Thrones โดย CallMeLight]
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1033172
[Game of Thrones] Romance of the Roses Wars
แรงบันดาลใจแห่งเกมกลบัลลังค์เหล็ก




----- พบกันเช่นเคยครับ หลังจากมีหลายๆท่านกำลังอินกับซีรี่ย์ ก็เลยหาเกร็ดเรื่องราวมาให้อ่านกันอีก -------

----- ใครยังไม่เคยดูก็อ่านได้ครับ พยายามเลี่ยงสปอยหนักๆให้ครับ แต่ตรงไหนที่จำเป็นต้องสปอยจะใส่คำเตือนไว้อย่างชัดเจน---

หากว่าใครสักคนมาถามว่า Game of Thrones คืออะไร?
สิ่งที่ผมอยากตอบก็คือ นิยายเรื่องนี้มันคือส่วนผสมที่ลงตัวของ

ประวัติศาสตร์อังกฤษ + สามก๊ก + fantasy แถมด้วย 18+ นิดหน่อย




สงครามกุหลาบราชวงศ์อังกฤษ Wars of the Roses

เป็นเกร็ดของประวัติศาสตร์อังกฤษที่ ผู้แต่ง นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายครับ
โดยเป็นเรื่องความขัดแย้งของ สองตระกูลใหญ่ ที่ใช้สัญลักษณ์รูปกุหลาบเหมือนกัน คือ
ตระกูล York กับ ตระกูล Lancaster
vs

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์กับนิยายจะไม่ตรงกันแบบเป๊ะๆ แต่ก็พบว่ามีความละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่เยอะพอสมควร รวมทั้งตัวละครหลายๆตัวก็ราวกับได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์อังกฤษ ซึ่งผมไม่ค่อยมีความชำนาญด้านนี้ ขอไม่ลงรายละเอียดลึกละกัน

มาลองดูตัวอย่างคร่าวๆกันครับ

Cersei Lannister vs มาร์กาเรตแห่งอ็องฌู

คล้ายในเรื่องนิสัย รวมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ลับเชิงชู้สาว
Spoil
และชาติกำเนิดของลูกของนาง  


ชะตากรรมของ Bran และ Rickon สองเด็กน้อย ลูกชายคนเล็กของ Starkได้รับแรงบันดาบใจมากจากเหตุการณ์ Princes in the Tower

Spoil
ที่ถูกขังไว้ในหอคอย แต่จู่ๆก็ได้หายตัวไป ต่อมามีคนพบโครงกระดูก จนพากันคิดว่าทั้งคู่ตายแล้ว แต่ภายหลังมีคนเอาโครกระดูกไปตรวจก็พบว่ามีทั้งของมนุษย์และสัตว์และไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของเจ้าชายทั้งสอง จึงไม่มีใครทราบชะตากรรมที่แท้จริงของทั้งคู่จนถึงบัดนี้  


ตระกูล Stark ได้รับอิทธิพลมาจากตระกูล Percy

ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ดูแลดินแดนทางเหนือมาช้านานทั้งคู่

Tywin Lannister vs Richard Neville

ผู้นำตระกูล Neville ตระกูลขุนนางเก่าแก่ ที่ร่ำรวย และมีบทบาททางการเมือง รวมทั้งเป็นอริกับตระกูล Percy ที่อยู่ทางเหนือ

Red Wedding vs Black Dinner

จริงๆ Black dinner เกิดก่อนนั้นนานพอสมควร แต่ยกตัวอย่างว่า คนแต่งเอาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จริงมาเขียนไว้ในนิยาย
ใครไม่ทราบว่า Black Dinner กับ Red Wedding คืออะไร ลองดู SS3 ให้จบครับ จะได้คำตอบ

กำแพง The Wall ในเรื่องมีอยู่จริงครับ แต่ไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับในนิยาย


มันคือ Hadrian's Wall หรือ “กำแพงเฮเดรียน” นั่นเอง
เป็นกำแพงหินบางส่วนและกำแพงหญ้าบางส่วนที่สร้างโดยจักรวรรดิโรมันขวางตลอดแนวตอนเหนือของเกาะอังกฤษใต้แนวพรมแดนอังกฤษและสกอตแลนด์ในปัจจุบัน
-เหตุผลหนึ่งซึ่งตรงกับในนิยายก็คือ ป้องกันพวกคนเถื่อน ไม่ให้รุกราน

ซึ่งคนเถื่อนในนิยายก็หมายถึง ชนเผ่าท้องถิ่นของพวก Scottish นั่นเองครับ


กบฏ Greyjoy แห่ง Iron Island นั้นก็คือพวก ไอริช นั่นเองครับ ที่เคยพยายามก่อกบฏยามอังกฤษวุ่นวาย แต่สุดท้ายก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นอิสระได้


ส่วนพวก Dothraki นั้นคาดว่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ชนเผ่าโบราณทางฝั่งมองโกล เนื่องจากแข็งแรง และเป็นราชาแห่งทุ่งกว้าง



----------------------------------


คราวนี้มาดูความเป็น สามก๊ก ใน Game of Thrones กันบ้างครับ

เนื่องจากคุณ Martin คนแต่งออกมายอมรับว่าเป็นแฟนตัวยงของ Romance of The 3 Kingdoms หรือสามก๊กเวอร์ชั่นฝรั่ง ผมก็เลยไปลองรวบรวมจุดที่คล้ายคลึง+ได้รับแรงบันดาลใจ จากเรื่อง3ก๊ก มาให้ลองชมกัน มีทั้งซีเรียสและเอาฮา ดังนั้นขำๆอย่าคิดมากนะครับ

vs

- จุดเริ่มต้นของเรื่องคือ การล่มสลายของราชวงศ์ใหญ่ ,
Targaryen vs ราชวงศ์ฮั่น


- อาณาจักรแตกเป็นเสี่ยงๆ ก๊กน้อยใหญ่หมายครอบครองแผ่นดิน


- มีฉากการรบที่ยิ่งใหญ่ และใช้กลยุทธเข้าห้ำหั่นกัน
vs
Battle of BlackWater vs มหายุทธนาวีที่ผาแดง

โดยสถานที่ทำศึกกันก็คือ
vs
ป้อม Red Keep vs ผาแดง (Red Cliffs)

- มีตัวละครที่เป็นนักรบที่เก่งกาจ แต่หยิ่งยะโส และได้ทำการลอบสังหารเจ้านายตัวเอง รวมทั้งทำได้ทุกอย่างเพื่อความรัก


- มีตัวละครที่เป็นหัวหน้าครอบครัว และจงรักภักดี
ดูไม่ถึง ss2 อย่ากดนะครับ
Spoil
แต่ต้องมาตายเร็ว ทำให้ลูกชายต้องมาทำหน้าที่แทน  
Spoil
(ซุนเกี๋ยน)  


- มี Young Wolf vs พยัคฆ์หนุ่ม


ดูไม่จบ ss3 อย่ากดนะครัช
Spoil
"ซุนเซ็ก" ขึ้นมาทำหน้าที่แทนบิดาตั้งแต่ยังเด็ก รบเก่งไม่เคยพ่ายแพ้ แต่ต้องมาตายตั้งแต่หนุ่มเพราะถูกลอบสังหารเหมือนกันทั้งคู่ T T  


- ทั้งสองเรื่องมีกำแพงใหญ่คอยป้องกันผู้รุกรานเหมือนกัน (ฮาๆ)


- มีขันทีคอยกุมอำนาจในวังหลวง


-ทายาทราชวงศ์เก่าต้องเร่ร่อน รวบรวมกำลังพลมากอบกู้บัลลังค์ อีกทั้งยังเป็นคนดีมีจิตใจเมตตาต่อปวงประชา




ของจีนฝ่ายราชวงศ์ฮั่นก็มีมังกรนะครัช...




มังกร(หลับ)


ปิดท้ายด้วยการเปรียบเทียบเล็กๆ จากความคิดส่วนตัวของผมนะครับ ว่า ตระกูลไหน เหมือนกับ ฝ่ายไหนใน 3ก๊ก บ้าง

Stark - Wu (ง่อ) เหมือนที่ชะตากรรมช่วงแรกๆของตระกูลครับ โดยเฉพาะเสาหลักของครอบครัว

Targaeryen - Shu (ฮั่น) เชื้อพระวงศ์ต้องผจญความยากลำบากในตอนต้น เพื่อที่จะกลับมาทวงบัลลังค์ แต่ถึงลำบากก็มีคนดีๆคอยช่วยเหลือครับ แถมมีมังกรเป็นหมัดเด็ดเลย ถ้าเทียบกับสามก๊กก็ประมาณว่าได้ ขงเบ้ง(ฉายามังกรหลับ) มาช่วยเหลืออะครับ

Lannister - Wei (วุย) เกิดมาเพื่อเป็นตัวร้ายเลยครับบ้านนี้ เปรียบได้กับวุยก๊ก ของ โจโฉ ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดก็ต้องเป็นคนนี้เลย Tywin Lannister ทำได้ทุกอย่างเพื่อชัยชนะ แต่ก็แล้วแต่มุมมองครับ อย่าง3ก๊กคนอาจมองโจโฉร้าย แต่ผมกลับชอบในความฉลาด เช่นเดียวกับลุง Tywin

Petyr Baelish - Jin (จิ้น) คนนี้ผมเคยเขียนถึงไว้ใน ตอนที่แล้วว่า เค้านี่แหละ สุมาอี้ แห่ง Game of Thrones เยือกเย็น เดินเกมฉลาดมาก แถมแสบสุดๆ ปล่อยให้คนอื่นตีกันวุ่นวาย สุดท้ายตัวเองโผล่มายึดอำนาจไปในท้ายที่สุด





ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ ยาวไปหน่อย แต่ก็ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ ไว้คราวหน้าจะหาเกร็ดที่น่าสนใจมาให้อ่านกันอีก

แปลจากเวปนอก ยำรวมๆกัน+โม้เองไปด้วย ผิดพลาดตรงไหนขออภัยนะครับ


อันนี้ link เก่าๆสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านครับ

ชายผู้น่ากลัวที่สุดใน Westeros
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1032284

Eddard Stark ความดีงามไม่ช่วยอะไร
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1032479

พรีวิว Game of Thrones season 4
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1029567

ขอบคุณครับ

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: My Biggest Failures are knowing I never tried
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jan 2011
ตอบ: 12368
ที่อยู่: -__________-
โพสเมื่อ: Fri Apr 11, 2014 03:10
[RE: รวมบทความ Game of Thrones โดย CallMeLight]
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1032479
[Game of Thrones] ความดีงามเป็นเพียงภาพลวงตา.. Eddard Stark (โนสปอย)

--- ไม่มีสปอยหนักเช่นเดิมครับ สามารถอ่านได้ทั้งท่านที่ยังไม่เคยดูและท่านที่กำลังติดตามอยู่ เพื่อช่วยให้เข้าใจเรื่องราวได้ดียิ่งขึ้น ----




Eddard Stark
เอ็ดดาร์ด สตาร์ค หรือที่เรียกกันว่า Ned (เน็ด) เป็นเสาหลักแห่งตระกูลสตาร์ค , ลอร์ดแห่ง Winterfell และ เป็นผู้ดูแลดินแดนทางเหนือ ( Warden of the North)
ในหนังสือบรรยายถึง เน็ด ไว้ว่า เป็นชายวัยกลางคน มีใบหน้ายาว ผมดกดำ และมีดวงตาสีเทา ไว้หนวดเคราที่ดกและเป็นสีเทาจนทำให้เค้านั้นดูแก่กว่าอายุจริง



ดวงตาของเค้าสามารถสื่ออารมณ์ได้ดี อ่อนไหวดั่งสายหมอกหรือแข็งกร้าวดั่งหิน เมื่ออยู่ท่ามกลางศัตรู ดวงตาของเค้าจะดูเย็นชาจนศัตรูคิดว่ามันสื่อออกมาจากจิตใจที่เยือกเย็นของเค้า
<-- รูปวาดของ Brandon พี่ชายของ Ned

แม้ว่าเน็ดนั้นไม่อาจยิ่งใหญ่ได้เท่าพี่ชายของเค้า แบรนดอน สตาร์ค รวมทั้งเรื่องรูปลักษณ์ก็ไม่อาจเทียบพี่ชายได้ อย่างไรก็ดี แคทรีน ผู้เป็นภรรยาก็ได้ค้นพบถึง "จิตใจอันดีงาม ภายใต้หน้าตาอันเคร่งขรึม" ของเขา
เน็ดเป็นหัวหน้าครอบครัวที่พร้อมจะปกป้องลูกๆ และยังคงศรัทธาใน Old God หรือพระเจ้าองค์เก่า


วัยเด็ก

เน็ดถูกชุบเลี้ยงโดย จอน แอริน (Jon Arryn) ที่ The Eyrie ตั้งแต่ 8 ขวบ
Jon Arryn
(จอน แอริน คนที่ตายในตอนแรกของ Game of Thrones โดยตายขณะทำหน้าที่เป็น King's Hand)


โดยเติบโตขึ้นมาเคียงข้าง Robert Baratheon จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน รวมทั้งยังนับถือ จอน แอริน ดั่งพ่อคนที่ 2


ภาพ fanart จินตนาการ Robert และ Eddard วัยหนุ่ม

แต่หลังจากเหตุไม่คาดฝัน ที่ เรก้า ทาแกเรี่ยน เจ้าชายมังกร(ลุงของแดนนี่ และบุตรของแอริส ทาแกเรี่ยน The Mad King) ได้ทำการลักพาตัว ลีอันนา สตาร์ค น้องสาวของเน็ดไป


ทำให้ Rickard พ่อของเน็ดและ Brandon พี่ชาย บุกเข้าวังไปช่วย แต่ล้มเหลว จนถูกประหาร ตามบัญชาของ Mad king แอริส ที่2

ราชาผู้บ้าคลั่งได้สั่งให้ จอน แอริน ตัดหัวของเน็ดส่งมาให้ แต่ จอน ปฏิเสธ และได้เริ่มต้นการก่อกบฏขึ้นทันที

ภาพ จอน แอริน ก่อกบฎในจินตนาการของแฟนหนังสือ (นึกภาพ Liam Neeson ไว้)


Robert's Rebellion การปฏิวัติของโรเบิร์ต

หลังจากพ่อและพี่ชายตาย เน็ดจึงกลายเป็นลอร์ดแห่ง winterfell โดยเน็ดต้องการรวบรวมกองกำลังเพื่อการปฏิวัติ แต่การเดินทางกลับทางเหนือมีอุปสรรคเมื่อ เส้นทางหลักถูกควบคุมโดยพวกที่ภักดีต่อราชา ทำให้เน็ดเดินทางอ้อม ข้ามเขา และจ้างชาวประมงเพื่อพายเรือไปส่งที่ white harbour แต่ดันไปเจอพายุเข้าทำให้เรือล่ม เคราะห์ดีที่เน็ดถูกช่วยเหลือไว้โดยลูกสาวของชาวประมงคนนั้น

เน็ดจึงรอดตายกลับไปรวบรวมกำลังพลได้สำเร็จ และได้ยกทัพเข้าร่วมกับ Robert ทางใต้ทำศึกที่ชื่อว่า "สงครามแห่ง Bells" หลังจากนั้นเน็ดก็ได้เดินทางไป Riverrun เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับ แคทรีน อดีตคู่หมั้นของพี่ชายตัวเอง โดย จอน แอริน ก็ได้เข้าพิธีกับ ลิซ่า พี่สาวแคทรีนด้วยเช่นกัน โดยทั้งสองคู่จัดงานเดียวกัน และทำให้ ตระกูล Tully กลายเป็นพวกกบฏไปโดยปริยาย



ต่อมาในศึก Battle of Trident ฝ่ายกบฏได้รับชัยชนะอย่างงดงาม


โดย Robert Baratheon ได้เอาชนะ และ สังหาร เรก้า ทาแกเรี่ยน เจ้าชายมังกรลงได้ในการท้าดวลเดี่ยว 1 ต่อ 1 (Kingอ้วนโคตรเท่ห์อะ 555+)

แต่ Robert ก็ได้รับบาดเจ็บจากการดวลไม่น้อย จึงเป็นหน้าที่ของเน็ดที่จะต้องนำทัพมุ่งหน้าสู่ King's Landing ต่อไป

เมื่อมาถึง King's Landing เน็ดก็ต้องมาพบกับเรื่องประหลาดใจ เมื่อกองกำลังของ ลอร์ด Tywin Lannister ได้เข้ายึดเมืองไว้หมดแล้ว (โดยไทวินนั้นวางตัวเป็นกลางมาตลอด จนสุดท้ายเห็นว่าฝ่ายNed กำลังได้เปรียบ จึงตัดสินใจเข้าร่วมฝ่ายชนะสงครามทันที แหม่ นิสัยโคตรไทยเลยลุง >.< )

โดยกองกำลังของไทวินนั้น เข่นฆ่า ข่มขืน เด็กและผู้หญิง อย่างเหี้ยมโหด ซึ่งทำให้ Ned เกิดความไม่พอใจ


เมื่อ เน็ด มาถึง บัลลังค์เหล็กก็ต้องมาเห็นภาพที่น่ากังขาในความภักดีและทะเยอทะยานของตระกูล Lannister เมื่อเห็น Jaime Lannister องครักษ์ราชาขณะนั้น นั่งอยู่บนบัลลังค์โดยเบื้องล่างนั้น มีศพของ แอริส ทาแกเรี่ยน The Mad king นอนอยู่ที่บันได


ภาพเจมี่ "The King Slayer" ละเมิดคำสัตย์ขององครักษ์ ลอบสังหารแอริส ทาแกเรียน โดยเน็ดรู้สึกว่าเป็นการทำให้การยึด King's Landing ของ Robert Baratheon นั้นไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี


ความขัดแย้งของ เน็ด และ โรเบิร์ต

เน็ดรู้สึกผิดหวังเมื่อ โรเบิร์ตมาถึง King's Landing แล้วไม่สนใจเรื่องที่เน็ดฟ้องว่า กองกำลังของ lannister ทำผิดศีลธรรม ฆ่าและข่มขืนเด็ก ในการเข้ายึดเมือง
และยังเพิกเฉยต่อคำขอร้องของเน็ดที่ ต้องการให้ Jaime Lannister ต้องโทษ ส่งตัวไปที่กำแพง The Wall เพื่อไปเป็น Night Watch
หลังจากละเมิดคำสัตย์ของการเป็น Kingguard (ลอบสังหารราชาซะเอง)


จึงเป็นเหตุให้เน็ดได้ตัดสินลาจากโรเบิร์ตไป แต่ก่อนกลับ Winterfell เน็ดต้องไปช่วยเหลือ ลีอันนา น้องสาวก่อน จึงเดินทางไปที่ Storm's End ที่น้องสาวถูกขังอยู่


แต่ เน็ด มาช้าไป ลีอันนานั้นกำลังจะตาย แต่ก่อนตายเธอได้บอกความลับแก่เน็ด และให้เน็ดรักษาสัญญาไว้เรื่องนึง ซึ่งเน็ดไม่เคยเปิดเผยให้ใครรับรู้ทั้งสิ้น

Lord of Winterfell

เน็ดเดินทางกลับสู่ Winterfell โดยได้นำลูกนอกสมรส ทารกเด็กชายคนนึงกลับมาด้วย ซึ่งมีชื่อว่า Jon Snow


อันนำมาซึ่งปัญหาครอบครัวระหว่างเค้ากับ แคทรีน ภรรยา ซึ่งให้กำเนิดบุตรชาย Robb ในเวลาเดียวกัน


เน็ดปฏิเสธที่จะเปิดเผยชาติกำเนิดของจอนให้ภรรยารู้ เมื่อนางเค้นหนักๆ เค้าก็ได้แต่บอกว่า จอนเป็นสายเลือดของเค้า นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอจำเป็นต้องรับรู้

เน็ด ใช้เวลากว่า 15 ปีในการเป็น ลอร์ดแห่ง Winterfell ตำแหน่งที่เค้าไม่คิดฝันจะเป็นและไม่คู่ควร


เน็ดได้จัดการกับปัญหาต่างๆมากมาย เช่น การเนรเทศ Jorah Mormont เนื่องจากผิดกฏหมายละเมิดเรื่องการค้ามนุษย์


และครั้งเดียวที่ เน็ด นั้นได้เดินทางออกจาก Winterfell ก็คือการไปช่วย King Robert ปราบปรามกบฏ Greyjoy


โดยหลังจากกบฏ Greyjoy นั้นยอมจำนน


เน็ดก็ได้นำตัวลูกชายของ ลอร์ด Balon Greyjoy มาเลี้ยงดูและเป็นตัวประกันไปด้วย นั่นก็คือ Theon Greyjoy นั่นเอง




ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้นะครับ สำหรับที่มาที่ไปของตัวละครที่ผมชอบที่สุดตัวนึง ของซีรี่ย์นี้ (ไม่น่าชอบเลย T T)

เนื้อเรื่องหลังจากนี้สามารถติดตามได้ในซีรี่ย์เลยครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับแฟนๆ GoT นะครับ จะได้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้บอกไว้ในหนังหรือที่กล่าวไว้แล้วก็เป็นการทบทวนไปในตัวครับ






ขอบคุณที่ติดตามครับ




ลิงค์เก่าๆนะครัช

[Game of Thrones] ชายผู้น่ากลัวที่สุดแห่ง Westeros
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1032284

Game of Thrones SS4 พรีวิว ปูทางเข้าสู่ซีซันใหม่
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1029567


3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: My Biggest Failures are knowing I never tried
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jan 2011
ตอบ: 12368
ที่อยู่: -__________-
โพสเมื่อ: Fri Apr 11, 2014 03:12
[RE: รวมบทความ Game of Thrones โดย CallMeLight]
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1032284
[Game of Thrones] ชายผู้น่ากลัวที่สุดแห่ง Westeros

--- ไม่มีสปอยหนักครับ ใครพึ่งเริ่มดู หรือยังไม่เคยดูก็อ่านได้ จะได้เข้าใจเรื่องราวง่ายขึ้น -----



Petyr " Littlefinger" Baelish



ลอร์ด ปีเตอร์ เบลิช ฉายา "เจ้านิ้วก้อย"

มีตำแหน่งเป็น Master of Coin (หัวหน้าผู้ดูแลเรื่องการเงิน)


ในสภาเล็ก สมัยของ King Robert Baratheon


ปีเตอร์จะสวมใส่รูป นก "mockingbird" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบ้าน Baelish


ในหนังสือบรรยายถึงลอร์ดเบลิชไว้ว่า เป็นชายร่างเล็ก รูปร่างผอม หน้าตาหล่อเหลา มีดวงตาสีเขียวอมเทา ผมสีดำ-เทา และมีเคราอยู่ใต้คาง



เกิดในตระกูลที่ต่ำต้อยและไม่มีชื่อเสียง
ลอร์ดเบลิชทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตในช่วงวัยผู้ใหญ่เพื่อยกระดับฐานะทางสังคมที่ต้อยต่ำแต่กำเนิดของตน สั่งสมอำนาจ และ เงินตรา



ลอร์ดเบลิช มีทักษะทางด้านการค้า มีความทะเยอทะยาน รวมทั้งมีพรสวรรค์ทางด้านความเฉลียวฉลาด และด้านการเมือง
โดยเค้ามักจะถูกบรรดาลอร์ดต่างๆมองข้าม และประเมินค่าไว้ต่ำมาก เนื่องมาจากชาติกำเนิดของเค้า (ซึ่งความผิดพลาดนี้มักจะย้อนกลับไปทำร้ายตัวผู้ประเมินในท้ายที่สุด)



วัยเด็ก

พ่อของลอร์ดเบลิช เป็นลอร์ดที่มียศต่ำต้อยที่สุดในบรรดาลอร์ดของ Fingers (พื้นที่ๆหนึ่ง ที่อยู่ริมทะเล และเต็มไปด้วยหิน อยู่ในเขตของ Vale of Arryn)

โดยพ่อของเค้าเป็นเพื่อนกับตระกูล Tully (ตระกูลของแคทรีน เมีย Ned Stark)

ทำให้ตอนเด็กลอร์ดเบลิชต้องถูกส่งตัวไปเลี้ยงดูที่ Riverrun กับบรรดาลูกๆของบ้าน Tully


ลอร์ดเบลิชเติบโตขึ้นมากับ แคทรีน , ลิซ่า และ เอ็ดมัวร์ สามพี่น้อง


ซึ่งพวกเค้าได้ตั้งฉายาให้กับเค้าว่า "Littlefinger" หรือ "เจ้านิ้วก้อย"
โดยไม่ได้ตั้งตามรูปร่างของเค้า แม้ว่าเค้าจะตัวเล็กก็ตาม
แต่มีที่มาจากครอบครัวของเขา ที่มีความต่ำต้อยที่สุดในเขต Finger ต่างหาก

พอเริ่มโตขึ้น ลอร์ดเบลิชก็ได้ตกหลุมรัก กับ แคทรีน

แต่ แคทรีน กลับเห็นเค้าเป็นแค่น้องชาย ไม่เกินเลยไปกว่านั้น และเลือกที่จะไปเข้าพิธีหมั้นกับ แบรนดอน สตาร์ค (พี่ชายของเนด)

ปีเตอร์ประกาศขอท้าดวลดาบกับ แบรนดอน สตาร์ค เพื่อชิงตัวแคทรีน

ผลปรากฏว่า แบรนดอน สามารถเอาชนะเบลิชไปได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับฝากแผลเป็นไว้ให้กับเบลิชอีกด้วย
แคทรีนไม่ได้พูดกับเค้าอีกเลย และยังฉีก(หรือเผาหว่า ไม่แน่ใจ - -*)จดหมายฉบับเดียวที่เบลิชส่งให้ หลังจาก แบรนดอนตาย


--- แบรนดอน ถูกประหารชีวิตโดย แอริส ทาแกเรี่ยน "Mad King" ---
้เนื่องจาก เรก้า ทาแกเรี่ยน เจ้าชายขณะนั้นได้ลักพาตัว ลีอันนา สตาร์ค (น้องสาว)ทำให้แบรนดอนและพวก ต้องบุกเข้าวัง เป็นเหตุให้ถูกจับและถูกประหารในที่สุด นำมาซึ่งความตายแก่ ริคการ์ด สตาร์ค ผู้เป็นพ่อต้องถูกประหารไปด้วย
ปล. เนด สตาร์ค ตั้งชื่อลูกชายคนเล็กสองคน ตามชื่อของพี่ชาย และ พ่อของเค้าครับ เพื่อเป็นการระลึกถึง
(แบรนดอน - แบรน , ริคการ์ด - ริคคอน)

แคทรีน เลือกที่จะแต่งงานกับ เอ็ดดาร์ด สตาร์ค (เนด)ผู้เป็นน้องชายของแบรนดอนแทน และใช้ชีวิตที่ Winterfell ต่อไป


กลับมาที่ Riverrun
ลิซ่า (Lysa) พี่สาวของแคทรีน ได้แอบหลงรัก เบลิช มาโดยตลอด ได้ตัดสินใจที่จะไม่สนใจความรักของเบลิช ที่มีต่อน้องสาวของเธอ

ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง (ร่วมหลับนอน) กับเบลิช ในขณะที่เมามาย โดยในคืนนั้นขณะมีความสัมพันธ์กัน เบลิชก็ได้เผลอเรียกชื่อ "แคทรีน" ออกมาอีกด้วย - -"
หลังจากนั้นก็เป็น ลิซ่า ที่คอยดูแล รักษาอาการบาดเจ็บของ เบลิช ที่เกิดจากการประลองกับแบรนดอน จนเกิดเป็นความรัก และได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กันอีกหลายครั้ง จนพ่อของลิซ่ารู้เรื่องเค้า ทำให้เบลิชถูกเนรเทศออกจาก Riverrun
ส่วนลิซ่าได้เปิดเผยกับผู้เป็นพ่อว่าเธอนั้นได้ตั้งท้องลูกของเบลิช เพื่อหวังว่าพ่อจะยอมให้พวกเค้าได้แต่งงานกัน
แต่พ่อของลิซ่ากลับให้ลิซ่าดื่ม moon tea เพื่อเป็นการทำแท้ง และส่งไปแต่งงานกับลอร์ด จอห์น แอริน แทน (Jon Arryn คนที่ตายตั้งแต่ฉากแรกของ Game of Thrones ตอนแรกเลย โดยตายขณะดำรงตำแหน่ง King's Hand หรือมือขวาของราชา)



ด้วยความสามารถของเบลิช ทำให้เค้ามีชื่อเสียง และสามารถไต่เต้าขึ้นมา จนได้รับตำแหน่ง Master of Coin ภายใต้กษัตริย์ Robert Baratheon ในที่สุด






ความเป็นมาของลอร์ดเบลิช ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ ต่อจากนี้ก็ลองติดตามจากซีรี่ย์หรืออ่านในหนังสือเอา ไม่อยากสปอย จะได้ลุ้นกันมันส์ๆ


ความจริงแล้วเจ้านิ้วก้อยเนี่ย จัดว่าเป็นตัวละครที่ผมเกลียดตัวนึงเลยนะ แต่ใครที่ติดตามซีรี่ย์นี้จะรู้ดีว่า ใครที่เราเกลียดมักจะได้อยู่นาน ตรงกันข้ามกับคนที่่เราชอบมักจะไปได้ไม่ไกล

ผมอยากให้ท่านที่ติดตามจับตาตัวละครนี้ไว้ครับ แกเดินเกมได้ฉลาดและใจเย็นมาก ประกอบกับพอได้อ่านภูมิหลังแกแล้ว เรียกได้ว่าคนแต่ง built มาค่อนข้างดีทีเดียว

ถ้าให้ผมเทียบกับวรรณกรรมเรื่องอื่น ผมขอยกให้ลอร์ดเบลิช เป็นสุมาอี้แห่ง Iron Throne ละกัน

ไม่แน่อาจมี surpirse นะครับ






ขอบคุณที่ติดตามครับ




2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกบอร์ด >> รวมบทความ Game of Thrones โดย CallMeLight
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel