คือผมไม่ค่อยสันทัดนะครับ คิดแต่แบบโง่ ๆ เป็น
ผมเข้าใจว่า ถ้าประชากรประเทศแห่งหนึ่ง มี 190 คน
90 คนเลือกพรรค A
ที่เหลือคนเลือก B C D E F อย่างละ 20
แล้วตั้งกฎว่าร้าบาลต้องมี 100 แต้ม
พรรคแต้มน้อยก็รวมหัวกันเพื่อค่ำ A ได้
ผมเข้าใจถูกต้องมั้ยคับ?
แล้วมันคือเจตนารมณ์ของระบบนี้รึป่าว?

ประเทศไทยไม่ได้เขียนไว้ว่าที่ 1 ต้องได้เป็นรัฐบาลครับ ลืมข้อนี้ไปก่อน

ง่ายๆ คือ ใครก็ได้ที่รวมได้ 251 ได้เป็นรัฐบาล

ประเทศไทยไม่ได้เขียนไว้ว่าที่ 1 ต้องได้เป็นรัฐบาลครับ ลืมข้อนี้ไปก่อน

ง่ายๆ คือ ใครก็ได้ที่รวมได้ 251 ได้เป็นรัฐบาล

มันเป็นระบบป้องกันพรรคเสียงส่วนใหญ่ที่สุดมีอำนาจนั่นแหละ ในใจผมอยากให้เป็นแบบ 2 party ไปเลยแบบเมกาคือมีแต่ liberal vs conservative มันจะได้ไม่ต้องมีลิเกจับมือตั้ง coalition ใครแพ้ก็ก้มหน้ายอมรับไป 4 ปี

พรรคเล็กผมสังเกตุมันมักจะไม่อยากจับกับพรรคใหญ่อันดับ 1 เพราะอำนาจต่อรองผลประโยชน์มันน้อย มันเลยเกิดเหตุการณ์ที่พอมีพรรคใหญ่ชนะเยอะแบบ ~200 ที่นั่งต่อรองยากพรรคเล็กเลยไปรวมตัวกันฝนตกขี้หมูไหลแบ่งเค้กกันดีกว่า

เข้าใจถูกครับ แต่นั่นแหละที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะมันคุมงานกันไม่ได้ แค่หายไปพรรคนึงมันก็ล้มแล้ว

งานมันก็ลุ่มๆดอนๆ นโยบายก็ช่างมันละ ขอเอาคืนในระยะสี่ปีพอ

มีเสียงเกินครึ่ง 500 ก็คือ 251 นั่นแหละครับ

จับกับใครก็ได้ให้เกิน 250

เลือกแบบนี้ผมก็โอเค ไม่ต้องมีใครมีเซ็นห่าไรอีก

งั้นกลุ่มอำนาจเดิมคุมได้ 20 แต้มไปเรื่อย ๆ แบ่งกันคุม ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรอยู่ดีใช่รึเปล่าครับ?

เมื่อก่อน ที่1ได้จัดตั้งรัฐบาล

แต่ตอนนี้ ยุครัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่2/3 สามารถจัดตั้งรัฐบาลแข่งได้เลย

ประชาธิปไตย = เสียงส่วนใหญ่คือผู้ชนะครับ
ฝั่งนึง90 อีกฝั่ง100 ฝั่ง100ก็ถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ตามกติกา

จริงๆผมว่าระบบนี้มันโอเคนะถ้า กกต องค์กรณ์อิสระมันเป็นธรรมไม่เอียง เพราะพอองค์กรพวกนี้เอียงมันทำให้ฝ่ายพรรคคะแนนเสียงน้อยมีอาวุธในการทิ่งพรรคมหาชนหากว่าพรรคมหาชนอยู่ตรงข้ามกับอำนาจ

ยกตัวอย่างเช่นที่หลายพรรคมันไม่อยากรวมกับส้มหลักๆเลยคือมันกลัวโดนหางเลขไปด้วยหรือไม่ก็กลัวส้มโดนฟันแล้วหลุดจากอำนาจ ผมเชื่อเลยว่าถ้าไม่มีองค์กรพวกนี้มีคนอยากจับมือส้มเยอะครับไม่มีใครแคร์ 112 จริงๆหรอกครับที่มันแคร์เพราะมันกลัวโดนเชือดเฉยๆ

ดูในจากการที่ทุกพรรคลอกนโยบายส้มมาเรื่อยๆตลอด

สุราก้าวหน้า
แก้ รธน
ยกเลิกบังคับเกณทหาร (ล่าสุดทุกพรรคที่เคยด่าส้มเรื่องนี้หันมาลอกนโยบายส้มเฉย สาวกจะทำไงดีเนี่ยยยมีดิจิม่อนฟุตปริ้นเต็มไปหมด )
จัดการแสกมเมอร์ (นี่ก็อันใหญ่ล่าสุดที่แต่ละตัวลอกไปเรียนคะแนนกันใหญ่ )

ประชาธิปไตย = ประชาชน + การปกครอง = การปกครองโดยประชาชน

ถามว่าไอที่ท่านบอกมันเป็นการค้ำยันระหว่างพรรคเล็ก vs พรรคใหญ่ไหมก็ส่วนนึง ตามหลักการของระบบประชาธิปไตยแบบตัวแทน (มันมีสองแบบแหละ แต่ไอแบบแรกอย่างเข้าไปเองนี่มันหมดตั้งแต่ยุคกรีกละ) ที่ประชาชนออกเสียงแล้วให้สมาชิกของพรรคเข้าสภาไปในฐานะของ "ตัวแทน" ของประชาชนนั้นๆ

ถามว่าแบบเมกาที่เป็น Duopoly สองพรรคมันดีกว่าไหม มันก็ดีคือเป็นขั้วแตกต่างชัดเจนแหละ เพียงแต่ของเมกามันเป็นรูปแบบที่โดน Simplified มามากเกินไปจากระบบของอังกฤษที่มี Whigs กับ Tories (ปัจจุบันมันกลายร่างมาเป็น Liberal/Labour & Conservative/Union ตามลำดับ) ผลคือถ้าไม่ชอบสองพรรคนี้ก็แทบไม่มีช้อยส์อื่นให้เข้าสภาได้เลย แล้วด้วยความที่มันใช้ระบบ Electoral College ที่ Winner takes all งี้ มันยิ่งบีบให้คนโหวตพรรคใหญ่ไปเลยมากกว่า

ประเด็นคือระบบพรรคเล็กยันพรรคใหญ่แบบนี้เวิร์คได้ ถ้ามีจุดยืนของนโยบายชัดเจนอะครับ
ถ้าจำไม่ผิดเยอรมันหรือซักประเทศนึงในยุโรปนี่แหละที่พรรคอันดับ 2 ไปจับมือกับพรรคอันดับรองๆลงมาแล้วก็งัดพรรคเบอร์ 1 ได้ แต่อันนั้นเป็นเพราะเรามีจุดยืนร่วมกันก็เลยอยู่ได้แบบมีเสถียรภาพ บางประเด็นที่พรรคเล็กไม่เห็นด้วยก็งดออกเสียง/โหวตสวนเลยก็มี แต่อยู่เป็นรัฐบาลกันได้ไม่มีประเด็นเรื่องขับออกจากรัฐบาลเหมือนสารขัณฑ์

เมื่อก่อนก็แบบนี้แหล่ะครับ แค่ที่1มักจะตั้งรบ.ได้สำเร็จ

ถ้ามีแต่พรรคคงไม่เป็นปัญหา แต่ปัญหาคือมันดันมีคะแนนกรรมการโผล่มาด้วยนี่สิ แล้วสัดส่วนไม่ใช่น้อยๆ ด้วยนะ

พรรคอันดับ 1 ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล/หัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นนายก ไม่ได้เพิ่งเคยเกิดขึ้นป่ะฮะ มีเหตุการณืแบบนี้มาตั้งนานแล้ว (ตปท.ก็มี)

ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการมีแค่ 2 parties นะ..ประสบการณ์ส่วนตัวคือสมัยที่ประเทศแข่งกันอยุ่ 2 ขั้วคือไทยรักไทย กับ ประชาธิปัตย์

(ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีขั้วนึงที่มัน dominate เสียงข้างมากได้แบบแลนด์สไลด์ แต่หลักๆก็ถือว่ามันมีเสียงจำนวนมากอยู่แค่ 2 พรรคนี้อยู่ดี)

ปัญหาคือ ผมไม่ได้ชอบไทยรักไทย แต่ก็ไม่ชอบแมงสาป ผลก็คือหมดความสนใจการเมืองโดยปริยายเพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น

การมีหลายพรรคอาจจะเกิดปัญหารวมหัวกันโค่นพรรคอันดับ 1 ก็จริง แต่เดี๋ยวมันก็เป้นไปตาม dynamic ของมันเอง

คือถ้าพรรคเล็กมันมีเสียงมากพอขนาดนั้น แปลว่ามันมีจุดเด่นทางเลือกอื่นๆที่ทำให้คนจำนวนนึง ตัดสินใจลงคะแนนเลือกมันเข้ามา

เมื่อมันเข้ามา มันก็ต้องพิสูจน์ความเชื่อ/ความไว้วางใจนั้นๆ ถ้ามันแสวงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว กลวง ไม่ได้ทำอย่างตอนหาเสียง

เดี๋ยวครั้งต่อๆไป คนก็จะไม่เลือกมันเอง หรือไม่พรรคมันก็สลายตัวเองไปรวมกับพรรคใหญ่ (โดนดูด) แค่นั้นแหละ

ทุกอย่างมีที่มาที่ไปของมัน และเวลาก็จะทำให้มัน balance จนระบบสมดุลเอง..ถ้าไม่มีปัจจัย hereๆภายนอกเข้ามายุ่ง เช่น รปห.

ท่านก็เลือกพรรคอื่นได้ครับถ้าไม่ชอบ 2 พรรคใหญ่ไม่มีใครห้าม

ส่วนพรรคเล็กรวมกันมีเสียงมากพอ 9 ใน 10 รอบคือรวมหัวกันมีผลประโยชน์รวมกันด้านหนึ่งเสมอ ไม่เคยเป็นประโยชน์ต่อคนเลือกเลย