วิธีการขึ้นเกม เปลี่ยนจาก possession play มาเป็น direct มากขึ้นก็จริง แต่เชปการยืนแกไม่เคยเปลี่ยนนะครับ ไปดูสมัยแกมาใหม่ๆได้เลย หาคลิปดูก็ได้ว่าแกสั่งให้ชอว์หรืออีแวนส์ดันขึ้น เดินตามตัวประกบขึ้นไป แต่นักเตะเองอ่ะ เลิ่กลั่กเองว่า ขึ้นดีไม่ขึ้นดี(วะ) เพราะน่าจะถูกสั่งว่าแผนคือ 3-5-2 แล้วกังวลว่าตัวเองต้องยืนตำแหน่งให้ถูกอะไรก็ว่าไป

หรืออย่าง double 10 ที่ก่อนหน้านี้ผู้เล่นมันคือปีก มันไม่ใช่เบอร์ 10 ที่ถนัดเล่นกว้าง พอเวลาต้องถอยมาเล่นรับหรือ mid-block มันไม่ลงมาช่วยกันไล่ กลางมันก็หลวม

คือแผนริมแม่งก็แผนเดิมครับ เฟสในการทรานซิชั่นก็เหมือนเดิม แต่แค่นักเตะมันมีเวลาซ้อมมีเวลาเข้าใจแผนมากขึ้นก็เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีดีบ้างแย่บ้าง แต่สิ่งที่เห็นคือนักเตะมันสลับตำแหน่งได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะทั้งจาก IQ ของนักเตะที่ดีขึ้นเอง ความเข้าใจที่มากขึ้นเอง หรือกระทั่งอาจจะมีรายละเอียดเล็กๆที่เราไม่เห็นอีกน่ะครับ

กระทู้นี้ได้ถูกแคปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จบฤดูกาลค่อยว่ากันครับ ผมคนนึงเเหละ ที่ไม่เชื่อในอโมริม และระบบเท่าไหร่

ต้องดูเกมเยือนครับ นัดเยือนลิเวอร์พูลก็วัดอะไรไม่ได้มากเพราะบอลมันออกได้ทุกหน้า คือถ้าดีขึ้นจริงต้องเก็บแต้มเกมเยือนกับทีมกลางๆเล็กๆได้บ้าง เพราะฤดูกาลที่แล้วชนะเกมเยือนเลสเตอร์กับซิตี้แค่2นัดเอง

ผมเชื่อเรื่อง setup ระบบต้องใช้เวลา

แต่ผมกังขาเรื่องดาโลท์โคตรกาก ไม่เปลี่ยน เปลี่ยนอาหมัด

เป็นแบบนี้ตลอด ระบบคนบ้านเดียวกันชัดๆ

ถ้าไม่มีเรื่องนี้ก็ไม่อยากไล่นะ อยากดูยาวๆ

ดูภาษากายช่วงนั้นของริมมันด้วยคุมทีมเหมือนคนอยากโดนไล่ออกทำหน้าเหมือนคนอยากตาย ผิดก็หน้าล่าสุดเลย แล้วทำไมแฟนบอลจะด่าตอนนั้นไม่ได้ทำดีก็ชมห่วยแตกก็ด่ามันปกติอยู่แล้ว เชียร์ทีมโว้ยไม่ได้เชียร์บุคคล

เอาจริงๆ โชคดีเพราะเปลี่ยนโกลใหม่นี่แหล่ะ

แค่เปลี่ยน โอนาน่า คือ ดีขึ้นทันทีเลย

สำหรับผม แผนรูปแบบการยืน จะเป็นอะไรก็ช่าง 3-5-2,3-4-1,4-4-2 อะไรก็แล้วแต่ ไม่มีผลกับการเแฉ่ง ไม่เคยตำหนิจุดนี้ จะยึด 3-4-1 ก็ทำไปใครจะว่า

แต่วิธีการเอาชนะ ลูกเล่น ลูกพลิกแพลงแต่ละเกมมันต้องมี เช่นเปลี่ยนมาโยนข้ามการเพลส, เก็บบอลจังหวะสอง แทนที่จะเก็บบอลจังหวะแรกอย่างเดียว ซึ่งเมื่อก่อนมันแพทเทิลเดิมๆ ฮอยลุนด์เก็บบอลไม่ได้โดนสวน

แต่ตอนนี้ โยนไปเอมโบโม่หรือเชสโก้ ก็ไม่ได้เก็บบอลได้ทุกจังหวะ แต่มันมีการขย้ำเอาบอลสองมาได้บ่อย นี่แหละที่บอกว่าเปลี่ยน ที่เฉ่งกันยับๆคือให้เปลี่ยนวิธีการเล่น ไม่ใช่เฉ่งยับๆให้เปลี่ยนรูปแบบ

เป็นโค้ชจังหวะมันมีขึ้นมีลง ตามอารมณ์ของแฟนบอลและผลงานแหละครับ


โค้ชที่ดีไม่ใช่แค่ต้องฟอร์มดีต่อเนื่องตลอดอาชีพการคุม แต่มันคือการเอาตัวรอดและปรับตัวในช่วงวิกฤตยังไง บางทีดวงก็มีส่วน บางทีจังหวะมันไม่เป็นใจทำอะไรก็ผิดหมด

ในเคสขอริมผมว่ามันเลยจุดแพนิคไปแล้ว คือบอร์ดมีผลมากๆ ถ้าแบ็คโค้ชเต็มที่ คือให้เวลาทั้งปีเต็มๆจริงๆ เสียงด่าแฟนบอลก็ไม่กระทบโค้ชมากเท่าไหร่ สมาธิก็จะอยู่กับเกม 100%

แต่สุดท้ายโค้ชก็คนเหมือนกัน ริมก้เคยออกอาการถอดใจไปหลายรอบแล้วเหมือนกัน จนเหมือนมันชินและผลงานก็ค่อยๆกลบคำวิจารณ์ไป


ดูอย่างพี่สล็อทที่ตอนนี้กลายร่างเป็นไอ้โหน่งเต็มตัวไปแล้ว ตอนนี้กำลังเข้าช่วงตกต่ำสุดอย่างแท้จริงก็ต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้โดยเสียหายน้อยที่สุด ความกดดันและเสียงด่าตอนนี้ถาโถมหนัก แฟนหงส์เสียงยังแตกเลย บ้างก็ให้ไล่ออกเลย อีกฝั่งบอกจะรีบไล่ไปทำไม

บางทีถึงบอกถ้าบอร์ดฟังเสียงแฟนบอลเยอะเกินก็ไม่ดี มันจะกลายเป็นไม่มีหลักการ เพราะแฟนบอลเรียกร้องจากอารมณ์ล้วนๆ มันจะแกว่งไปมา เดี๋ยวดีโคตรๆ เดี๋ยวห่วยสุดๆ เดี๋ยวต้องต่อสัญญาเลยนะ เดี๋ยวต้องไล่ออกไปเลย ซึ่งอารมาณ์พวกนี้สามารถเปลี่ยนจากฟ้าเป็นเหวได้ในเวลาไม่กี่เดือน 5555

ผมเป็นคนนึงที่ตัดสินริมไปแล้วตอนแพ้กริมบี้ คิดว่าเค้าหมดแล้วจริงๆ

แต่ก็เอะใจกับ Stat บางอย่างที่มันดีขึ้นจริงๆ ถึงแม้จะยังไม่เห็นผลชัดเจน พวกเรื่อง โอกาสยิง xG , xGA อะไรพวกนี้ที่มันดีขึ้น เลยไม่ได้แบบจะไล่เป็นหมูเป็นหมา น่าจะออกแนว ไม่ปกป้อง ค่อนข้างเห็นด้วยถ้าจะปลด อะไรแบบนั้น

ซึ่งพอไอ้เรื่อง Stat ที่ผ่านมา มันบอกว่าดีขึ้นจริงๆ และปัญหาที่เราเห็นนั้นได้ค่อยๆแก้ไปทีละเปลาะ ถึงแม้จะยังไม่หมดปัญหา แต่ปัญหาที่เหลืออยู่มันเป็นปัญหาที่เรารู้แล้วไงว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ดังนั้นมันแก้ได้ง่ายกว่าปัญหาที่มียุบยับเต็มไปหมดทุกตำแหน่งเหมือนตอนปีที่แล้วแน่ๆ

รูปแบบการเล่น ก็เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่า บอลของอโมริมต้องการให้เล่นแบบไหน แนวทางการเล่นชัดเจนมากขึ้น และมีการ Counter Meta การ Build up จากแดนหลังได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ

แมนยูตอนนี้เป็นทีมกำลังสร้าง ดังนั้นถ้าเกิดว่าจะมีสะดุดอีก ก็ไม่แปลก

เป้าหมายปีนี้ ยังไงก็คือการกลับไปเล่นบอลยุโรป ยูโรป้าเป็นอย่างน้อย UCL คือความคาดหวังที่น่าจะได้ ส่วน FA cup ถ้าได้คือโบนัส (จริงๆควรคาดหวังคาราบาวมากกว่า...แต่มันหลุดไปแล้วก็คือหลุดไป)

ดังนั้น ปีนี้ ก็เป็นปีที่ดูบอลอย่าไปซีเรียส แนวทางมันมาแล้ว เหลือแค่ต่อยอดให้มันสำเร็จให้ได้แค่นั้นแหละ

แค่ชนะ 3 นัดติดนี่มันโคตจะธรรมดาเลยนะสำหรับทีมใหญ่อะ เริ่มจะมาอวยกันแล้วหรอถามจริ๊งงงงงง ไปอยู่กะไอ้ช่องสู้ตายไรนั่นเลยครับ Target เค้าเลย

ส่วนตัวให้มันผ่านช่วงปีใหม่แล้วผมจะรอดูอีกทีว่าริมมันเอาตัวรอดได้จริงมั้ย

หืมไม่นะ อโมริมเค้ายึด 352 การยืนเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ระหว่างการเล่นเปลี่ยนการเล่นตลอด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ sporting แล้วครับ คุณอย่าโทษแต่ริม นักเตะก็พึ่งเข้าแผน พึ่งทำได้ด้วยรึเปล่า คือมันไม่แฟร์ที่คุณโทษแต่ริม นักเตะก็ต้องปรับตัว ไหนจะนักเตะใหม่อีก ริมมันก็ยืนยันคำเดิมมาตั้งนานแล้วว่า ไม่ได้อยู่ที่แผน แต่อยู่ที่นักเตะมันทำไม่ได้อย่างที่ริมพยายาม ก่อนหน้านี้ก็พูดตลอด นักเตะเองมันยังพูดเลย ว่าเล่นได้ไม่ดี

แล้วถ้าพูดถึงเรื่องอีโก้ จากที่คุณเม้นมา ผมว่าคุณเองก็ไม่แพ้ริมนะครับ

คุณไม่เข้าใจที่ผมสื่อรึเปล่า ประเด็นมันคือเรื่องการตัดสินใจไล่ออกช่วงไม่ชนะช่วงก่อนหน้านั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับต้องรอดูหลังจากปีใหม่เลย ทรงนี้ดูไม่ออกจริงๆหรอว่าถ้าได้รับโอกาสแล้ว ผลงานชนะ 3 นัด แต่ถ้ากลับมาแย่อีก ก็ไม่มีใครมาไล่กลางฤดูกาลหรอก(ไอผ่านช่วงปีใหม่ที่คุณว่าหนะ) ถ้ามันจะไปมันไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวหนักๆแล้ว

ผมว่าริมคงสื่อสารและยืนยันในความคิดไอเดียของตัวเองตลอดจริงๆ และบอร์ดก็เชื่อว่าปัญหาที่แท้จริง มันไม่ได้เกิดจากโค้ช ตอนนี้มันเป็นที่นักเตะที่ทำกันไม่ได้มากกว่า ซึ่งริมก็เก่งเรื่องการสื่อสารอยู่แล้วด้วย ก็เลยรอด

ผมเห็นด้วย ผมว่ามันก็เล่นแบบนี้มาตั้งแต่แรกๆ ละ (อยู่ ๆ ก็มาบอก ยืดหยุ่น เอาฮาไปใหน) ตอนไม่ชนะก็ด่าชนะ นี่พึ่งจะชนะ 3 นัดติด เอง รีบอวยกันแล้ว

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดเหมือน จขกท.เลย ทีมมันพัฒนาขึ้น ดูจาก 3 นัดหลัง และนัดไบร์ทตัน เล่นกันดี ดูไม่มั่ว เหมือนแรกๆ

แต่รอดูกันยาวๆ ว่าจะยืนระยะได้ไหม กลัวแม่งเล่นดีแค่ตอนนี้ แล้วหัวปักเหมือนเดิม