เกริ่นด้วยมี User นึงที่ด่าผมเรื่องที่ผมชอบยกเรื่องเงินมาด่าต้าร์ว่าใช้เงินเยอะ

เอางี้ในมุมมองของคนจบ Finance และเห็นเรื่องนี้มันสำมะคัญจะเล่าให้ฟังอาจจะยาวนิดหน่อย

การบริหารสโมสรฟุตบอลไม่ต่างจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ถ้าลงลึกในการวิเคราะห์งบการเงินโครงสร้างสโมสร ถ้าใครเล่นFM มาบ้างและสนใจใต้ Club Visions มันจะมี Finance อยู่ถ้าบริหารจริงๆและจบการเงินจริงๆ หรือคนที่ต้องบริหารโครงการ ถืองบองค์กร แบบว่าเงินชาวบ้านต้องใส่ใจนั้นก็จะบอกว่า มันต้องบาลานซ์กระแสเงินสด ความเสี่ยง และเป้าหมายในสนามด้วย การตัดสินใจซื้อผู้เล่นทุกครั้งไม่ใช่แค่เรื่องแท็คติก แต่คือการลงทุนที่ผูกพันงบการเงินของสโมสรไปอีกหลายปี หากบริหารผิดพลาด หนี้ที่สะสมจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่ถ่วงอนาคตในระยะยาว

อ่ะ ว่ากันต่อ

การลงทุนของอาร์เตต้า: พันล้านปอนด์ในหกปี

นับตั้งแต่ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ใช้เงินรวมทั้งค่าตัว, ค่าเหนื่อย, ค่านายหน้า และค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ จนแตะหลัก เกือบพันล้านปอนด์ ตัวเลขนี้ถือเป็นหนึ่งในสโมสรที่ลงทุนหนักที่สุดในยุโรปช่วงเวลาเดียวกัน

ดีลใหญ่อย่าง Declan Rice (105 ล้านปอนด์), Kai Havertz (65 ล้านปอนด์), รวมถึงผู้เล่นที่ค่าตัวสูงแต่ยังไม่ตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ล้วนถูกบันทึกเป็น สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Asset) ที่ต้องตัดบัญชีเป็นค่าเสื่อมราคาตลอดอายุสัญญา ขณะเดียวกันค่าเหนื่อยรวมของทีมก็พุ่งขึ้นติด Top 3 ของพรีเมียร์ลีก ตอนนี้แซงแล้วก็เป็นไปได้ แบบว่าจ่าฝูงอ่ะ

ภาระที่สะสม: ค่าใช้จ่ายคงที่สูงบนรายได้ที่ไม่แน่นอน ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ค่าเหนื่อยนักเตะและสตาฟฟ์ (Wage Bill): เป็นภาระประจำที่เลี่ยงไม่ได้ แม้นักเตะจะเจ็บหรือตกฟอร์ม

ค่าเสื่อมราคานักเตะ (Amortization): เงินค่าตัวที่ซื้อมาเฉลี่ยลงบัญชีทุกปี ยิ่งซื้อมาก ตัวเลขนี้ยิ่งบวม

ดอกเบี้ยจากหนี้ (Debt Servicing): หากมีการกู้เพื่อซื้อนักเตะหรือหมุนกระแสเงินสด ดอกเบี้ยคือค่าใช้จ่ายที่กินงบทุกปี

ค่าใช้จ่ายแฝง (Hidden Costs): โบนัส, ค่านายหน้า, Add-on ที่ทำให้มูลค่าดีลจริงสูงกว่าตัวเลขประกาศ

ความเสี่ยงรายได้ (Revenue Risk): รายได้ของสโมสรขึ้นอยู่กับผลงานในสนาม เช่น การเข้ารอบ UCL หรือการคว้าแชมป์ ซึ่งไม่การันตีทุกปี

ผลลัพธ์คือ “รายจ่ายคงที่สูง แต่รายได้ผันผวน” โครงสร้างนี้ทำให้งบการเงินติดแดงง่าย และกดดันให้สโมสรต้องพึ่งพาการขายนักเตะหลักหรือการก่อหนี้เพิ่ม

ในเชิงลึกของโครงสร้างการเงิน: ผลกระทบจากการทุ่มเงินหกปี
1. รายรับ (Revenue Side) ไม่โตทัน
Broadcasting & Prize Money: ขึ้นกับผลงานในลีกและ UCL แต่ตลอดหกปีที่ผ่านมา อาร์เซน่อลยังไม่ได้แชมป์ใหญ่ รายได้ยังไม่ “บูม” แบบทีมที่ประสบความสำเร็จจริงจัง

Commercial & Sponsorship: แม้มีดีลเพิ่ม แต่การโตไม่ก้าวกระโดดเหมือนทีมที่คว้า UCL ได้ต่อเนื่อง
Matchday: สนามเอมิเรตส์มีข้อจำกัดด้านความจุ และการขายตั๋วแม้สูง แต่ไม่พอรองรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมหาศาล

สรุป: รายได้โต “คงที่” แต่ไม่กระโดดขึ้นมาสอดรับกับรายจ่าย

2. รายจ่าย (Expense Side) พุ่งแบบไม่สมดุล

Wage Bill: ค่าเหนื่อยรวมขึ้นติด Top ๆ ของพรีเมียร์ลีก แม้นักเตะบางรายไม่ได้ลงเล่น

Amortization: ค่าตัวนักเตะเฉลี่ยตัดบัญชีปีละ ~100 ล้านปอนด์ ทำให้ต้นทุนนี้มันสะสมขึ้นไปเรื่อยๆ

Interest & Debt: หากมีการกู้เพื่อหมุนการเงิน → ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มทุกปี แบบทบเท่าไหร่ หนี้ก็บาน

Hidden Costs: โบนัส, ค่านายหน้า, Add-on จากดีลใหญ่ → ทำให้ “ราคาจริง” สูงกว่าที่ประกาศ

สรุป: รายจ่ายเป็น “Fixed Cost” สูงมาก ตัดลดได้ยาก และกินสัดส่วนรายได้มากกว่า 70%

3. ผลกระทบเชิงโครงสร้าง (Structural Impact)

Cash Flow ติดลบ: เมื่อรายจ่ายเกินรายรับต่อเนื่อง สโมสรต้องกู้หรือขายนักเตะชดเชย

Leverage Ratio สูงขึ้น: หนี้ต่อรายได้สูงขึ้น ทำให้ยืดหยุ่นทางการเงินลดลง

Residual Value Risk: นักเตะบางรายหมดสัญญา/ขายไม่ได้ราคา → สูญเงินต้นทันที

Opportunity Cost: เงินสดที่ควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (สนาม, R&D, การแพทย์) ถูกใช้ไปกับผู้เล่นที่เสื่อมมูลค่าแทบจะทันที

4. ผลในระยะยาว (Long-term Consequences)

สโมสรอาจต้องเข้าสู่ วงจรการขายนักเตะหลัก เพื่อรักษาสภาพคล่อง (คล้ายที่เคยเกิดยุคหลังสร้างสนาม แต่ต่างคือคราวนี้ไม่มี Asset ถาวรเหลือไว้)

ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง: เราจะเจอ “Revenue Gap” ที่ถ่างออกเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

Legacy of Debt: หนี้ที่ก่อไว้ในยุคนี้จะไม่หายไปง่าย ๆ แต่กลายเป็นภาระที่คนมารับช่วงต่อจากอาร์เตต้าต้องมานั่งซ่อม นั่นคือ โครงสร้างทางการเงินที่มันพัง

Negative IRR: ในมุมของนักวิเคราะห์การเงิน การลงทุนมหาศาลครั้งนี้เสี่ยงกลายเป็นโปรเจ็กต์ที่ “ผลตอบแทนสุทธิเป็นลบ” เพราะรายได้ใหม่ไม่โตทันต้นทุน

สรุปแบบคนการเงิน:
หนี้นักเตะของอาร์เตต้าคือหนี้เพื่อสร้างสินทรัพย์เสื่อมค่า ในระยะสั้นอาจทำให้ทีมแข่งขันได้ แต่ในระยะยาวมันคือการ “เผาผลาญโครงสร้างการเงิน” ที่จะทิ้งภาระไปอีกหลายปี และคนที่มาคุมทีมต่ออาจต้องเริ่มจากการแก้โครงสร้างที่เสียหายก่อนจะสร้างทีมใหม่ด้วยซ้ำ


นั่นคือโจทย์ที่ว่าทำไม ปีนี้มันเป็นโจทย์ที่ต้าร์มันต้องเอาแชมป์

ขออภัยที่เว้นวรรค และไม่ย่อหน้า เพราะเคาะแล้วมันแปลกๆชอบกล

เอาเป็นว่าที่ผมด่าเรื่องการใช้เงินมันมีเหตุมีผลที่ผมด่าอยู่ และสิ่งในวันนี้มันส่งผลระยะยาวในวันหน้า


สาบานได้ว่า คนจะอ่านแล้วด่าว่า เงินเมิงเหรอ ดูบอลคิดมากขนาดนี้หาไรทำเถอะ

เอาเป็นว่า ผมรักอาร์เซนอลมากพอที่จะเขียนและอธิบายอะไรแบบนี้ออกมา และมาวันนี้กับวันเวลาที่ผ่านมา

ก็ต้องบอกว่า เวนเกอร์โคตรจะเก่งและเก่งมาก

เงินไม่มีขนาดนั้นยังพาทีมติดอันดับสี่ตลอดหลายปีผ่านมาได้

และผมพยายามใช้ความรู้ ที่มี อย่างน้อย ก็จับโปรเจคใหญ่มาและ ปโท การเงินที่ไม่ได้จับฉลากจบมา

แมร่ง วิเคราะห์งบกันบานเหมือนกัน


และด้วยเวลาเล่น FM จะบริหารหนี้ระยะยาวเสมอ ผมอาจจะมองการเชียร์ฟุตบอลด้วยมุุมที่ต่างออกไป


และยังรักสโมสรนี้เสมอ และเชื่อว่าสามนัดที่จะถึงผมก็ยังเชื่อว่าเราชนะรวด


แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสิ่งนี้ ปีนี้อย่าให้เค้ามาด่าเราว่าเป็นกาลาติกอสแห่งเกาะอังกฤษ แล้วยังไม่มีถ้วย Major เถอะ


จบละ ยาวไปหน่อย

อันนี้ผมสงสัย (และเห็นต่าง)นิดนึงนะฮะ..พอดีถ้าพูดถึง term การเงิน

อ่านๆจากที่จขม.พิมพ์มาเหมือนกับสถานการณ์จะ critical ถ้าต้าไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ซักที (จน จขม.บอก"ต้องเสี่ยง"เล่นเกมส์รุก)

ซึ่งในความเป็นจริง ในส่วนของรายได้ การได้แชมป์กับการได้อันดับ 2 มันไม่ได้ต่างกันขนาด winner takes all ส่วนที่ 2 ไม่ได้อะไรเลย

ลำดับที่ต่างกันแค่อันดับเดียว ไม่ว่าจะเงินรางวัล หรือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด มันก็ลดหลั่นกันเป็นสัดส่วนโดยที่ไม่ได้ต่างกันขนาดครึ่งๆ

แม้แต่ในบอลยุโรปก็เช่นกัน ยิ่งเข้ารอบได้ลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งมีรายรับมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอไม่ได้แชมป์แล้วสูญเสียรายได้มหาศาล

(น่อลปีที่ผ่านมา รายได้จาก UCL น่าจะมากกว่าหงส์ด้วยซ้ำ เพราะหงส์ไปพลาดท่าตกตั้งแต่รอบ 16 ทีม ส่วนน่อลไปไกลถึงรอบรอง)

ถ้าเป็นสถานการณ์แมนฯยูฯ อันนี้จะเข้าใจเพราะลงทุนไปเยอะ แต่ผลงานดิ่งเหว ป้วนเปี้ยนจบที่กลางตาราง เงินรายได้หายเกินครึ่ง

ยิ่งในส่วนรายได้นอกสนาม พวกสปอนเซอร์หรือค่า commercial ทั้งหลาย ยิ่งไม่ได้แปรผันตรงกับอันดับในสนามเข้าไปอีก..

แน่นอนว่าเป็นแชมป์อาจจะดึงดูดได้มากกว่า แต่การบริหารจัดการนอกสนามที่ดีก็ช่วยได้มากเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่มีแชมป์แล้วจะอดอยาก

ขนาดแมนฯยูฯที่ผลงานไม่ดี ไม่ได้แชมป์ลีค/แชมป์ UCL มาเกิน 10 ปี แต่รายได้ตรงนี้ก็ยังยืนหนึ่งอยู่ เพราะจัดการแบรนด์มาดี

โดยสรุป สำหรับผมในมุมการเงิน ผลงานของต้าตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้แย่ขนาดจะทำให้การเงินของสโมสรพังพินาศในอนาคต

ถ้าผลงานยังมาตรฐานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จบอันดับต้นๆของลีค เข้ารอบลึกๆใน UCL ผมก็ยังมองว่าการเงินของทีมยังแข็งแกร่งอยู่ดี

แต่สิ่งที่ต้ากำลังโดนวิจารณ์นั่นคือความพึงพอใจของแฟนบอลมากกว่า แฟนบอลไม่ได้สนเรื่องรายได้ตรงนี้ เพราะไม่ได้เป็นหุ้นส่วน

ไม่ใช่นักลงทุนที่เห็นเลขเขียวแล้วโอเค พอใจ ปีหน้าเอาใหม่..แต่แฟนบอลมองว่าลงทุนขนาดนี้ก็อยากเห็นแชมป์บ้าง แค่นั้นเองฮะ

โอเคงั้นเดี๋ยวผมตอบให้

โอเคครับ อันนี้เป็น งบการเงิน ผมสรุปให้อ่านง่าย ๆ และชี้ตัวเลขที่ “แย่จัด” พร้อมอัตราส่วนทางการเงินหลัก ๆ ที่ใช้วิเคราะห์


Turnover (รายได้รวม):
2024: £616.6m
2023: £466.7m
→ รายได้โตแรงเกือบ +32%

Operating Expenses (ค่าใช้จ่ายรวม):
2024: £664.9m
2023: £521.9m
→ ค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นมากกว่า +27%

Operating Profit/Loss (กำไร/ขาดทุนจากการดำเนินงาน):
2024: ขาดทุนจาก Player trading £(48.4m)
2023: ขาดทุน £(55.2m)
→ ยังติดลบ แม้รายได้จะโต

Net Finance Charges (ดอกเบี้ยสุทธิ):
2024: £18.4m
2023: £6.2m
→ ภาระดอกเบี้ย “พุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่า” ในแค่ปีเดียว

Net Loss (ขาดทุนสุทธิ):
2024: £(17.7m)
2023: £(52.1m)
→ ยังขาดทุนต่อเนื่อง แม้จะลดลงจากปีก่อน

Balance Sheet:
Intangible assets (นักเตะ): 2024 = £486.6m (โตจาก £417m)
Net current liabilities: £(244m) → แปลว่า “หนี้สินหมุนเวียนเกินกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน”
Long-term creditors (หนี้สินระยะยาว): 2024 = £455.8m (เพิ่มจาก £374.3m)
Net assets (ส่วนผู้ถือหุ้น): ลดลงจาก £145.5m → £127.9m

จุดที่ “แย่จัด”
Net Current Liabilities = £244m
แปลว่า หนี้สินหมุนเวียนที่ต้องจ่ายในปีหน้าสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีอยู่
บ่งชี้ว่ากระแสเงินสดสั้น ๆ ตึงตัว → ต้องพึ่งการกู้หรือรายได้ล่วงหน้า => และเราถมตัวเลขปีนี้ ผมประมาณบวกไม่ได้จริงๆว่าเท่าไหร่ จนกว่างบปลายปีนี้จะออกซึ่งอีกนาน

Net Finance Charges (ดอกเบี้ย) = £18.4m
กระโดดจาก 6.2m → 18.4m แสดงว่าหนี้ระยะยาวโตไว และเริ่มกินสัดส่วนรายได้

ถ้าแนวโน้มนี้ต่อเนื่อง จะกัดกินกำไรแม้รายได้โต นั่นหมายความว่า "ตึง"

Wage Bill + Operating Expenses รวม > Turnover

Operating expenses 2024 = £664.9m

Turnover 2024 = £616.6m

หมายถึง “จ่ายมากกว่ารับ” → โครงสร้างต้นทุนไม่สมดุล => และเนี่ยแหล่ะปัญหา

Net Assets ลดลง

2023: £145.5m → 2024: £127.9m

ทุนของผู้ถือหุ้นหดลง สะท้อนว่าขาดทุนสะสมเริ่มกัดกินฐานะการเงิน => แอบน่ากลัว ถ้าจะดึงกระแสกลับ ปีนี้มันต้องมีถ้วย Major จริงๆ

อัตราส่วนทางการเงิน (Key Ratios)

Operating Expense Ratio = Expenses / Revenue

2024: 664.9 / 616.6 ≈ 108%

100% หมายถึง รายได้ไม่พอจ่ายต้นทุน => แล้วอย่าบ่นกันนะครับ อนาคตบอร์ดไม่ให้ซื้อใคร แม้จะอยากได้ แม้เค้าจะอยากมา เมื่อบอร์ดเงินมันก็ตึงเหมือนกัน อย่าลืมปัจจัยปัญหาในเมกานะครับ มันเปิด War กันเมื่อไหร่ เงินจอร์จมีปัญหาแน่ๆ

Debt-to-Asset Ratio = Long-term Debt / Total Assets

Long-term creditors: 455.8m

Total assets: 1,049.6m (875.5 + 174.1)

Ratio ≈ 43% → หนี้ระยะยาวเริ่มกดดันโครงสร้าง และนี่คือสิ่งที่ผมจะสื่อ ว่ามันลงทุนไปมหาศาลเท่าใด

Net Margin = Net Profit / Revenue

2024: -17.7 / 616.6 ≈ -2.9%

2023: -52.1 / 466.7 ≈ -11.2%

ยังติดลบ แต่ดีขึ้นนิดหน่อย

Current Ratio = Current Assets / Current Liabilities

2024: 174.1 / 418.0 ≈ 0.42

ต่ำกว่า 1 มาก → หมายถึงสภาพคล่องสั้น ๆ แย่มาก สองดาวเต็มห้าอ่ะ

✅ สรุปแบบสั้น ๆ

สิ่งที่ดี: รายได้โตแรงในปี 2024 (+32%), ขาดทุนลดลงจากปี 2023

สิ่งที่น่ากังวล:

ค่าใช้จ่ายรวมยังมากกว่ารายได้ (Expense Ratio > 100%)

หนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้นเกือบ £80m ในปีเดียว

ดอกเบี้ยโต 3 เท่า → สัญญาณชัดว่าภาระหนี้เริ่มกัดเงินสด

Current Ratio 0.42 = สภาพคล่องสั้น ๆ “วิกฤติ”


เข้าใจยังครับกับตัวเลข

https://www.arsenal.com/the-club/corporate-info/arsenal-holdings-financial-results?utm_source=chatgpt.com

ผมได้ A Corperate Finance ป โท ด้วยการวิเคราะห์งบน่อลนะครับ

Link ที่ผมส่งให้

ลองแกะงบดูครับ มีย้อนหลังยาวไป 2005 ครับท่าน ว่าแล้วยาวท่านไม่อ่าน


ถ้าดูปีล่าสุดก็ได้ Balance Sheet สโมสร ไม่ใช่ว่าจะดีเลยนะครับ ถ้าเรียนบริหารความเสี่ยงการเงิน

บอกเรยว่า Financial Ratio บางตัวมันก็หมิ่นเหม่

แต่บอร์ดกล้าเสี่ยง กับอาร์เตต้ามากขนาดนี้

จบคำตอบได้ก็คือ แชมป์เป็นอันจบปัญหา

ประมาณนั้นแหล่ะครับ[/img]

ยาวมากครับ

สรุปคือถ่าต้าได้แชมป์ ทุกอย่างก็จบ

ที่พูดมานี่มีเปเปอร์ประกอบ หรือมาอ้างอิงไหมครับ
ยุคก่อนต้ามา - ยุคหลังต้าร์มาอะไรดีอะไรแย่กว่ากัน
ไม่ได้กวนนะ อยากรู้จริงๆ พิมมาลอยๆยาวๆแบบนี้ ผมนึกว่าถาม Chatgpt มา

ลงทุนโครงสร้างไปเยอะ แถมโครงสร้างที่ว่ามันเสื่อมตามวัยของนักเตะ ถ้าระหว่างที่โครงสร้างที่เสริมยังหนุ่มแน่นดี ก็ควรเป็นช่วงที่ต้องหาผลประโยช์นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แฟนบอลและนักวิจาร์ณอาจมีคำถามว่า หากเป็นโค้ชคนอื่นจะเป็นอย่างไรกับทรัพยากรทีมระดับนี้ คำตอบที่อยากรู้ไม่มีใครการันตีให้ได้ว่าจะดีกว่า

ฉนั้นหากมองในมุมการบริหารแบบแอตมาดริดกับซิโมเน่ บอร์ดอาจพอใจกับมาตรฐานอาเต้ตาที่ทำทีมอยู่ในระดับสูง ส่วนแชมป์เป็นเพียงโบนัสที่รอให้ดวงเข้าทาง

เราต่างก็เห็นว่า ผลงานทีมไม่ได้หัวตกหรือถ้ามันตกก็มีเหตุผลรองรับที่เข้าใจได้ว่า นักเตะตัวหลักเจ็บ เหมือนบางปีของคล็อปที่ต้องลุ้นหนักเพื่อไป UCL แต่ละคนต่างเข้าใจสถานะการ์ณทีมและไม่ได้โทษว่าคล็อปล้มเหลวต้องรับผิดชอบทั้งหมด

ผมคิดว่า ต้าจะโดนเบลมหนักขึ้นถ้ามีทีมที่ลงทุนน้อยกว่า ปาดหน้าจบในตารางสูงกว่า หรือปาดคว้าแชมป์อยู่เรื่อยๆ แต่เราก็เห็นว่ามันยังไม่ถึงจุดนั้น

https://www.arsenal.com/the-club/corporate-info/arsenal-holdings-financial-results?utm_source=chatgpt.com

ผมได้ A Corperate Finance ป โท ด้วยการวิเคราะห์งบน่อลนะครับ

Link ที่ผมส่งให้

ลองแกะงบดูครับ มีย้อนหลังยาวไป 2005 ครับท่าน ว่าแล้วยาวท่านไม่อ่าน


ถ้าดูปีล่าสุดก็ได้ Balance Sheet สโมสร ไม่ใช่ว่าจะดีเลยนะครับ ถ้าเรียนบริหารความเสี่ยงการเงิน

บอกเรยว่า Financial Ratio บางตัวมันก็หมิ่นเหม่

แต่บอร์ดกล้าเสี่ยง กับอาร์เตต้ามากขนาดนี้

จบคำตอบได้ก็คือ แชมป์เป็นอันจบปัญหา

ประมาณนั้นแหล่ะครับ[/img]

ปีนี้ยังไงต้องแชมป์ เมเจอร์อ่ะครับ บอกได้แค่นี้ จริงๆ คาราบาวไม่ได้ผมก็ว่าล้มเหลวแล้ว ขุมกำลังเราดีมาก

แต่อาการบาดเจ็บมันก็เยอะไปเพราะการซ้อมหรือปล่าว

เข้ อิคาปิเย้ นอรการด ไวท์ ไรซ์ ไค พวกนี้แทบไม่เจ็บมาปืนเจ็บเลย

ยังไงต้องแชมป์ส่วนผมว่าเรื่องการเงินน่าจะประมาณนี้

เชื่อเถอะถ้าค้าได้แชมป์เมเจอร์ ทุกสิ่งที่ลงทุนไปก็จะคุ้มทุนเอง

แต่! ถ้าภายใน 1-2 ปีนี้ยังไม่ได้ด้วยหรือความสำเร็จที่จับต้องได้ การเงินจะมีปัญหาแน่นอน

นั่นคือภายใน 6 ปีนี้อ่ะ ไม่เคยลงทุนในการ R&D Research and Development ในการค้นหาสาเหตุอาการบาดเจ็บของนักเตะเลย

และเมื่อนักเตะเจ็บเราจะแบกกับค่าอะไรหลายอย่าง เอางี้แค่ เฆซุสเจ็บ ไค เจ็บเราแบกอะไรกับอาการบาดเจ็บนี้

ภาระการเงินครับ นักเตะไม่ได้ลงตอบแทนค่าเหนื่อยนั้น ค่ารักษาพยาบาล และอีกหลายๆอย่าง คือ Cost ที่เพิ่มพูน

เราถามกันมาตั้งแต่ยุคเวนเกอร์ทำไมนักเตะเรามันเจ็บเยอะกันจังวะ

และมันไม่เคยถูกแก้ ให้ตายเถอะ และ R&D คือการลงทุนในโครงสร้างระยะยาวในการแก้ปัญหานี้

และถูกแก้โดยการซื้อมาเติม ซื้อมาทดแทน และหกปีแล้วนะครับ ไม่น้อยเลย

ใครบอกว่าเราเป็นคันเบรก ไม่เลย เราคือคันเร่งในการลงทุนมากมายเลยนะ


แต่ฟอร์มด้วยความหวังมันจะเป็นรถเฟอรารี่ร้อนแรง ดุจไฟเผา

ดันเป็นเจอแซวเป็นรถแตะเบรคทุก 4 แยกแบบนี้



ถ้าจะบอกว่าต้าไม่กล้าเสี่ยง ตอนนี้อ่ะ เสี่ยงสุดแล้ว จะเสี่ยงก็เสี่ยงให้สุด ทุกคนเอาใจช่วยอยู่

ไม่ใช่เกมส์ในสนาม Open Play ที่มันชวนหลับแบบนี้

ผมอ่านสิ่ครับ แต่ปกติผมคุยกับการเงิน เขาจะยกตัวเลข ไม่ใช่หัวข้อมา
ถ้าพูดว่าลงทุนขนาดนี้ แชมป์ไม่ได้ ก็เสียหายอยู่แล้ว แค่นี้ก็จบ
ผมเลยอยากรู้ไง ว่าตอนนี้มันไม่บาลานซ์ขนาดไหน จุดไหนที่จะเป็นปัญหาในอนาคต
ผมหาไม่ละเอียดเท่าคุณอยู่แล้ว ไหนๆ คุณพิมพ์มาขนาดนี้ก็กระจ่างให้เพื่อนบอร์ดดูแบบง่ายๆเลยครับ
รายรับ รายจ่าย หนี้เท่าไรสั้น หนี้ยาว หากต้ามันทำพัง คุณพิมมายาวขนาดนี้ ผมยังไม่เห็นตัวเลขเลย
คำว่ารายรับผันผวนนี่มันกำกวมมากครับ ยกตัวอย่างหน่อยสิ่ มันผันผวนจากอะไร
การเข้ารอบ? ลำดับในลีค ขั้นต่ำเท่าไรถึงวิกฤต ผมจะได้รู้ว่าต้ามันทำชิบหายแค่ไหน ถ้าไม่แชมป์
ตอนนี้ไม่มีตัวเลขผมจะด่ายังไงหล่ะ

โอเคงั้นเดี๋ยวผมตอบให้

โอเคครับ อันนี้เป็น งบการเงิน ผมสรุปให้อ่านง่าย ๆ และชี้ตัวเลขที่ “แย่จัด” พร้อมอัตราส่วนทางการเงินหลัก ๆ ที่ใช้วิเคราะห์


Turnover (รายได้รวม):
2024: £616.6m
2023: £466.7m
→ รายได้โตแรงเกือบ +32%

Operating Expenses (ค่าใช้จ่ายรวม):
2024: £664.9m
2023: £521.9m
→ ค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นมากกว่า +27%

Operating Profit/Loss (กำไร/ขาดทุนจากการดำเนินงาน):
2024: ขาดทุนจาก Player trading £(48.4m)
2023: ขาดทุน £(55.2m)
→ ยังติดลบ แม้รายได้จะโต

Net Finance Charges (ดอกเบี้ยสุทธิ):
2024: £18.4m
2023: £6.2m
→ ภาระดอกเบี้ย “พุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่า” ในแค่ปีเดียว

Net Loss (ขาดทุนสุทธิ):
2024: £(17.7m)
2023: £(52.1m)
→ ยังขาดทุนต่อเนื่อง แม้จะลดลงจากปีก่อน

Balance Sheet:
Intangible assets (นักเตะ): 2024 = £486.6m (โตจาก £417m)
Net current liabilities: £(244m) → แปลว่า “หนี้สินหมุนเวียนเกินกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน”
Long-term creditors (หนี้สินระยะยาว): 2024 = £455.8m (เพิ่มจาก £374.3m)
Net assets (ส่วนผู้ถือหุ้น): ลดลงจาก £145.5m → £127.9m

จุดที่ “แย่จัด”
Net Current Liabilities = £244m
แปลว่า หนี้สินหมุนเวียนที่ต้องจ่ายในปีหน้าสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีอยู่
บ่งชี้ว่ากระแสเงินสดสั้น ๆ ตึงตัว → ต้องพึ่งการกู้หรือรายได้ล่วงหน้า => และเราถมตัวเลขปีนี้ ผมประมาณบวกไม่ได้จริงๆว่าเท่าไหร่ จนกว่างบปลายปีนี้จะออกซึ่งอีกนาน

Net Finance Charges (ดอกเบี้ย) = £18.4m
กระโดดจาก 6.2m → 18.4m แสดงว่าหนี้ระยะยาวโตไว และเริ่มกินสัดส่วนรายได้

ถ้าแนวโน้มนี้ต่อเนื่อง จะกัดกินกำไรแม้รายได้โต นั่นหมายความว่า "ตึง"

Wage Bill + Operating Expenses รวม > Turnover

Operating expenses 2024 = £664.9m

Turnover 2024 = £616.6m

หมายถึง “จ่ายมากกว่ารับ” → โครงสร้างต้นทุนไม่สมดุล => และเนี่ยแหล่ะปัญหา

Net Assets ลดลง

2023: £145.5m → 2024: £127.9m

ทุนของผู้ถือหุ้นหดลง สะท้อนว่าขาดทุนสะสมเริ่มกัดกินฐานะการเงิน => แอบน่ากลัว ถ้าจะดึงกระแสกลับ ปีนี้มันต้องมีถ้วย Major จริงๆ

อัตราส่วนทางการเงิน (Key Ratios)

Operating Expense Ratio = Expenses / Revenue

2024: 664.9 / 616.6 ≈ 108%

100% หมายถึง รายได้ไม่พอจ่ายต้นทุน => แล้วอย่าบ่นกันนะครับ อนาคตบอร์ดไม่ให้ซื้อใคร แม้จะอยากได้ แม้เค้าจะอยากมา เมื่อบอร์ดเงินมันก็ตึงเหมือนกัน อย่าลืมปัจจัยปัญหาในเมกานะครับ มันเปิด War กันเมื่อไหร่ เงินจอร์จมีปัญหาแน่ๆ

Debt-to-Asset Ratio = Long-term Debt / Total Assets

Long-term creditors: 455.8m

Total assets: 1,049.6m (875.5 + 174.1)

Ratio ≈ 43% → หนี้ระยะยาวเริ่มกดดันโครงสร้าง และนี่คือสิ่งที่ผมจะสื่อ ว่ามันลงทุนไปมหาศาลเท่าใด

Net Margin = Net Profit / Revenue

2024: -17.7 / 616.6 ≈ -2.9%

2023: -52.1 / 466.7 ≈ -11.2%

ยังติดลบ แต่ดีขึ้นนิดหน่อย

Current Ratio = Current Assets / Current Liabilities

2024: 174.1 / 418.0 ≈ 0.42

ต่ำกว่า 1 มาก → หมายถึงสภาพคล่องสั้น ๆ แย่มาก สองดาวเต็มห้าอ่ะ

✅ สรุปแบบสั้น ๆ

สิ่งที่ดี: รายได้โตแรงในปี 2024 (+32%), ขาดทุนลดลงจากปี 2023

สิ่งที่น่ากังวล:

ค่าใช้จ่ายรวมยังมากกว่ารายได้ (Expense Ratio > 100%)

หนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้นเกือบ £80m ในปีเดียว

ดอกเบี้ยโต 3 เท่า → สัญญาณชัดว่าภาระหนี้เริ่มกัดเงินสด

Current Ratio 0.42 = สภาพคล่องสั้น ๆ “วิกฤติ”


เข้าใจยังครับกับตัวเลข

ไม่ผ่าน AI Detector สักตัว

อยากจะเขียนบทความแต่ไม่มีปัญญาเขียนเอง

แล้วมันจะไม่ยาวได้ไงอ่ะ คุณภาพอยู่ตรงไหน

ต้าพาทีมจากจะลุ้นไปบอลยุโรปยังยาก กลายเป็นทีมขาประจำ ucl ถือว่ามีเครดิตพอที่จะได้ใช้เงินมั้ย

chatgpt ไม่ได้บอกหรอว่า เป็นทีมฟุตบอลก็จริง แต่เค้าบริหารแบบบริษัทคือมีฝ่ายต่างๆ มีผู้บริหาร แล้วต้าเป็นแค่เฮดโค้ช แล้ว KSE ที่เป็นเจ้าของ นี่บริหารทีมจนมีความเสี่ยงจากหนี้หลักสิบล้านนี่หรอ


ปีนี้ไม่ได้แชมป์ ปีหน้าไม่มีแล้วมั้งอาเซน่อลเนี่ย

ทำไมชีวิตต้องมาจริงจังมาเครียดขนาดนี้ มานั่งคำนวนดาต้าสนใจไรเยอะและ ดูบอลแค่ชนะ เสมอ แพ้ แล้วจบ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นให้ชีวิตมีความสุขดีกว่า

ก็ไม่แปลกใจว่ามีไรแบบนี้ ตั้งแต่ตั้งใจจะเขียนละ

อือ ด่าผมก็ได้เรื่องนี้ เยาะเย้ย ถากถางเอาตามใจเลยครัช