บทสรุปประเด็นดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ผ่านรายการโหนกระแส วันนี้เป็นประเด็นฝั่งทางออม สุชาร์ออกมาพูดในมุมของตนบ้าง
--------------------
จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ
◼️ออมบอกว่า ตนรู้จักกับพริม ผ่านทางผู้จัดการเก่า คือ ศสา และตนก็มีแนวคิดอยากทำธุรกิจด้วยเช่นกัน
◼️ ยอมรับว่าตลอดช่วงที่ทำธุรกิจร่วมกัน มันมีความสุขมาก มันมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา
◼️ ซึ่งตอนแรกทางฝั่งคุณพริม เป็นคนเจรจาเรื่องหุ้น คือ พริน 51% ออม 45% ศสา 4% ออมบอกว่าตอนนั้นตนยอม เพราะเราอะไรก็ได้ ด้วยความที่เราเป็นดารา ไม่ได้เก่งตัวเลข ดารามันจะคิดอะไรซับซ้อนได้เหรอ
⚠️ แต่เมื่อวานทางฝั่งพริมบอกว่า คนที่มาขอเจรจาปรับหุ้นตลอด คือ ทางฝั่งออม จากตอนแรกที่พริมขอหุ้นมากสุด จนสุดท้ายออมขอให้หุ้นเท่ากัน
◼️ ออมทราบว่า พริมเคยทำแบรนด์ RAD มาก่อน กับดาราท่านหนึ่ง และเราก็คิดว่า เขาเลิกทำไปนานแล้ว เพราะมันไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว และตัวเขาเอง ก็บอกว่า เขาดรอปไว้
◼️ ซึ่งออมบอกว่า ถ้าตอนนั้นรู้ว่าเขาทำ RAD อยู่ตนยืนยันว่า ตนจะไม่ทำธุรกิจร่วมกับพริม
จุดที่ทำให้เกิดรอยร้าวกัน
◼️ วันที่ 10 ม.ค คือน้องสาว เข้าไปใน Google drive แล้วไปเห็น โลโก้ของแบรนด์ RAD ที่เขาเหมือนจะรีแบรนด์ใหม่ออกมา
◼️ซึ่งทางออม ยืนยันว่าตัวเขาเอง ว่าเขาหยุดทำไปแล้วจริงๆ ซึ่งทางรายการ มีภาพที่ทางคุณพริม พูดคุยกันกับทางคุณออม. โดยมีสินค้า RAD ตั้งวางไว้บนโต๊ะ
◼️ เลยเป็นประเด็นสงสัยว่า ก็เห็นว่ามีสินค้าเขาวางบนโต๊ะ แล้วทำไมถึง คิดว่าเขาไม่ได้ทำแล้ว ทางออมก็เลยบอกว่า ถ้าคนเราจะทำ มันก็ต้องมีงบการเงิน เคลื่อนไหว
จากนั้นทางทนายของคุณออม ก็เลยอธิบายเพิ่มว่า
RAD จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ
▪️ RAD 1 ที่ตั้งก่อนจะเกิด Fleen ทำกับน้ำชา เพราะไม่มีการยื่นงบ เลยคิดว่าไม่ทำแล้ว
▪️ RAD 2 มีจดทะเบียน กันยายน 67 หลังจากที่จดทะเบียน Fleen โดยมีพริมกับสามีเป็นกรรมการ
**จึงเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องเรื่องประเด็นคู่ค้าแข่ง แม้ไม่มีสัญญาตกลงกัน แต่ในผลทางกฏหมาย ไม่สามารถทำธุรกิจในไลน์เดียวกันได้**
▪️ RAD 3 ในท้ายรายการ ทางอังถามว่า ทางพริมว่า ได้ขายบริษัท RAD3 ให้ทางพี่สาวของพริมใช่ไหม
◼️ ต่อมามันมีประเด็นคลิปใน Tiktok ที่ทางออมก็ยังใช้สินค้าของทางแบรนด์ RAD ออมบอกว่า มันเป็นสินค้าที่เขาเอามาให้ เหมือนสินค้าค้างสต๊อก ทางทนายแก้วเลยบอกว่า ถ้าเขามีสินค้ามาให้เรา มันก็เหมือนว่าเขายังทำอยู่ไม่ใช่เหรอ แต่ออมย้ำชัด มันเหมือนสินค้าที่เขาเคยทำ
◼️ พอหลังจากที่เห็นโลโก้ ในวันที่ 25 ม.ค ก็ได้มีการพูดคุยกันกับทางพริม โดยทางออม โชว์หลักฐานคลิปเสียงสนทนากับทางพริม ซึ่งออมถามพริมเรื่องประเด็นรีแบรนด์ RAD แล้วพริม ก็ตอบกับออมว่า "จริงๆตั้งใจจะบอก แต่ว่าตัวนั้นมันยังเป็นซากอยู่เลย และตนยังหาไทม์ไลน์บอกไม่ได้"
◼️ ซึ่งมีประเด็นก่อนหน้านั้นที่ทางพริมได้ มาทำเอกสาร ข้อตกลงว่าไม่ให้ออมรับพรีเซนเตอร์ในสายไลน์ความงาม ส่วนพริมสามารถไปทำธุรกิจอื่นได้ ตัวออมมองว่ามันไม่เป็นธรรม ก็เลยไม่เซ็น
◼️แต่ออมมองว่า ตนเป็นดารา มีมูลค่า และ Fleen เพิ่งเริ่มก่อตั้ง ไม่รู้ว่ามันจะออกหัว หรือออกก้อย แล้วสัญญานี้มันมัดเราไปตลอด
◼️แต่ในส่วนคำพูดที่ว่า "ก็ให้ไปทำธุรกิจอื่นได้" คำว่าอื่นๆ หมายถึง ไม่ต้องมาทำสินค้าแข่งกับบริษัท อย่างเช่น ไปทำ ครีม อาหารเสริม
◼️ ออมบอกว่า การทำธุรกิจตนเป็นแบบลักษณะสัญญาใจ และที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้ไปรับพรีเซนเตอร์แบรนด์ความงามอันไหนเลย
ประเด็นวันที่ไปคุยกับทางศสา เรื่องการชื้อหุ้น เป็นวันที่ 24 ม.ค (แต่ก่อนหน้านั้นมีคุยกับสามีพรินไปก่อน)
◼️ ออมยืนยันว่าตนไม่ได้มีการพูดว่า บริษัทขาดทุน หรือไม่ได้กำไร
◼️ ตอนที่คุยกันเป็นการเล่าความจริง ว่าทางคุณพริมแอบไปทำอีกแบรนด์หนึ่ง และอยากจะเข้ามาบริหารเอง แบบไม่ผ่านทางพริม
◼️ ตอนแรกศสาขอราคาค่าหุ้น 3 ล้านบาท แล้วก็มีการเจรจาต่อรอง 2.5 ล้านบาท ซึ่งทางศสาลงทุนไป 1 แสนบาท
◼️ ออมยืนยันด้วยแชทหลักฐานว่า ทางฝั่งศสาทราบดีว่า บริษัทไม่ได้ขาดทุน เพราะทางศสา ก็ยังมีการพูดคุยถึงปันผลบริษัท
◼️ และถ้าหากศสาบอกว่า บริษัทขาดทุน แล้วเหตุใด ออมถึงอยากจะซื้อหุ้น ถ้าขาดทุน ออมก็ต้องขายหุ้นสิ
◼️ จากนั้นทางศสา ก็ได้มีการโทรหาคุณแอมป์ โดยทางน้องสาวออม บอกว่า มันเป็นลักษณะการเรียกเงินกับทางแอมป์ แล้วตนจะไม่ไปเป็นพยาน แล้วจะเอาตัวเองออกจากบทบาทตรงนี้ไปเลย
จากนั้นทางศสา ก็โทรโฟนอินเข้ามา
▪️บอกว่า พอตอนนั้นที่ตนขาย ตนไม่ทราบ Value บริษัทเลย เพราะเขาบอกว่า เงินเหลือ 3 ล้าน
▪️แต่พอทราบว่า บริษัทมีกำไรถึง 49 ล้าน ก็เลยไปเจรจาต่อรองราคา เพราะมีใบหุ้นตราสารที่ยังอยู่กับตน
▪️ สาเหตุที่ขายหุ้น เพราะเห็นว่าบริษัทไปไม่ได้ แล้วถ้ามันขาดทุน ตนก็กลัวว่าจะต้องลงทุนเพิ่มอีก ก็เลยยอมขาย
▪️ สาเหตุที่โทรหาแอมป์ เพราะ 4% ที่เราขายไป เราไม่รู้มูลค่าจริงๆ บริษัท พอเรารู้ว่า บริษัทขายได้ 49 ล้าน และเดือนมกราคาขายได้ 10 ล้าน เราก็เลยโทรหาแอมป์ เพื่อเจรจาต่อรองเรื่องเงินเพิ่ม
⚠️ ทางฝั่งออมก็ยืนยันว่าตนไม่ทราบรายละเอียดงบการเงินบริษัท เพราะคนที่รู้ คือ พริม
◼️ ถ้ากรณีที่ศสา อยากมาขอชื้อ หุ้นคืน 2.5 ล้านบาท ทางออมบอกไม่โอเค เพราะดูจากพฤติกรรมของศสาแล้ว ไม่เอาดีกว่า
ประเด็นเรื่องค่าตัวพรีเซนเตอร์ 9.5 ล้านบาท
◼️ ก่อนหน้ามีการตกลงกันว่า เราจะไม่เรียกค่าตัว กัน เพราะแต่ละคนมี Value
◼️ แต่เรื่องการเรียกค่าตัวพรีเซนเตอร์ 9.5 ล้านบาท ออมบอกว่าตนไม่ได้ทำจ่ายบริษัท แต่ที่ทำขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่า บริษัทมีต้นทุนแฝงอะไรบ้าง ก่อนที่บริษัทจะไดกำไรมา
◼️ เรื่องพรีเซ็นเตอร์ เป็นเพียงการนำเรื่องเข้าบริษัท ว่ามันเป็นสิ่งที่ออม ทำงานไปแล้ว มันยังไม่มีการทำจ่ายเงิน เป็นเพียงการนำเสนอ
◼️ เพราะที่ผ่านมา ออมไลฟ์สด ขายของ ซึ่งจริงๆ ศิลปินดารา ก็มีค่าพรีเซนเตอร์ แต่พอเราไม่ได้รับความจริงใจ ก็เลยมีจุดตรงนี้เข้ามา
ประเด็นที่ไม่ยอมให้ศสา ไปบอกว่าตนขายหุ้น และทางพริมมาทราบอีกทีตอนที่มีการประชุม (ในรายการมีการเปิดคลิป ที่พริมกำลังโทรหาศสา แต่ออมบอกว่า ไม่ต้องโทรเพราะซื้อมาแล้ว)
◼️ ออมชี้แจงว่า ถ้าหากอีกฝ่ายรู้เรื่อง มันจะมีปัญหาตามมา และมันก็มีปัญหาจริงๆ
◼️ เพราะหลังจากที่เขาทราบเรื่อง ไฟล์ลิปสติก ที่จะเปิดตัว อยู่ๆก็หายไป และคนที่เข้าถึงไฟล์ได้ มันมีแค่ 4 คน (**พริมโทรเข้ามาบอกว่าคนเข้าถึงไฟล์มี 8-9 คน)
◼️ ซึ่งเรื่องนี้ ทางฝั่งออมก็ได้มีการแจ้งความกับทางตำรวจเรียบร้อย และมันก็เป็นเหตุที่ทำให้เราไม่ไว้ใจแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นคนลบไฟล์
◼️ เลยเป็นเหตุให้เราต้องเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท และปลดเขาออกจากคณะกรรมการ
◼️ ออมชี้แจงว่า ถ้าสังคมมองว่า ออมร้ายไปฮุบบริษัทเขามา คือ อยากให้มองว่า ถ้าวันนั้นเขามาบอกออมตรงๆ ว่าจะทำสิ่งนี้ เรื่องราวก็จะไม่เป็นแบบนี้
ประเด็นเรื่องการชื้อขายหุ้น
◼️ เรื่องเกิดจากทางพี่ศสา มองว่า การชื้อหุ้น 4% ในราคา 2.5 ล้านบาท มันถูกไป แต่เรามองว่าแพงไปด้วยซ้ำ
◼️ส่วนประเด็นที่เรา ขายหุ้นให้เขา 52% เป็นเงิน 32.5 ล้าน เพราะเขาบอกว่า 4% ของเขามันถูก เราก็เอา 4% ที่เราชื้อ มาเทียบกับหุ้นเรา เลยเป็นราคา 52% =32.5 ล้านบาท
◼️ ซึ่งถ้าทางคุณศสา หรือคุณพริม เห็น 4% ได้ 2.5 ล้านบาทมันถูก แล้ว 52% =32.5 ล้านบาท ทำไมไม่มาชื้อ เพราะนี้คือ การบัญญัติไตรยางศ์เทียบเท่ากัน
◼️ ส่วนเรื่องที่เราจะชื้อหุ้นเขา 48% ในราคา 10 ล้านบาท เพราะก่อนหน้านั้น เขาไม่รู้ว่าเรามีหุ้น 52% เขาคิดว่ามี 48% เขาเลยเสนอชื้อเราที่ 10 ล้านบาท
◼️ ส่วนทางฝั่งออม ก็มีการเสนอเขาที่ราคา 11 ล้านและก็มีการบิดกันไปมา
จากนั้นทางรายการ ก็ได้มีการฝั่งโฟนอินกับพริม
( ซึ่งช่วงโฟนอิน มันค่อนข้างงง เพราะคนนั้นก็พูด คนนี้ก็พูด เอาตรงๆ รสงง ขอข้ามได้ไหม )
ธงของออม คือ ออมรัก Fleen และอยากทำต่อ ก็ได้มีการเสนอราคา โดยให้บริษัทกลาง เขามาตีราคา ยืนยันอยากซื้อบริษัทมาเป็นของตน
▪️ ส่วนที่ออมไม่พอใจ เพราะไปทราบว่า ทางพริมไปแอบเปิดอีกแบรนด์ มันเลยเกิดความไม่ไว้วางใจ ส่วนที่ไม่คุยกับเขาก่อน เพราะตอนนั้นมันมีปัญหากันแล้ว
ธงของพริม คือ แยกย้ายกันไปเติบโต ไม่ต้องทำร้ายกัน ปิดแบรนด์ ปิดบริษัทไปเลย ไม่ไปต่อ
▪️ สิ่งที่พริมไม่พอใจ คือ การที่ออม แอบไปซื้อขายหุ้นจากทางศสา 4% โดยไม่มีการมาพูดคุยกันก่อน เพราะบางอย่างมันคุยกันได้ ไม่อยากให้เขาคิดไปเอง
https://www.facebook.com/share/p/19zToAU8SV/
ต่างคนต่างเหลี่ยม แต่ผมว่าไปศาลยังไง ฝั่งดาราชนะแน่นอน
ฝั่งดาราน่าจะเสียกว่าเรื่องไปซื้่อหุ้นแล้วปลดอีกฝั่งนี่ละ
มีปัญหาแต่ไม่คุยกันทั้งที่ตอนเริ่้มทำคุยกันอย่างดี