กัญชา ยังไงต่อจั๊ฟ

ถาม AI มาครับ
รถไฟฟ้าในต่างประเทศมีราคาถูกกว่าเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การผลิตในประเทศ ที่ทำให้ต้นทุนถูกลง, การได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ เพื่อส่งเสริมการใช้งาน, การใช้โมเดลธุรกิจแบบ TOD (Transit-Oriented Development) ที่สร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์รอบสถานี, และ การขยายตัวของ Economy of Scale เมื่อมีผู้โดยสารจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูกลง.
ปัจจัยที่ทำให้รถไฟฟ้าในต่างประเทศถูก
การผลิตในประเทศ:
ประเทศอย่างจีนมีผู้ผลิตรถไฟฟ้าภายในประเทศจำนวนมาก เช่น บริษัท CRRC ทำให้สามารถผลิตและส่งมอบรถไฟฟ้าในราคาที่ถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ.
เงินอุดหนุนจากภาครัฐ:
บางประเทศมีนโยบายให้เงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายและส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ.
โมเดลธุรกิจ TOD (Transit-Oriented Development):
เป็นการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าให้เป็นย่านธุรกิจหรือที่พักอาศัย สร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรายได้ส่วนนี้สามารถนำมาช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินรถ ทำให้ค่าโดยสารถูกลงได้.
Economy of Scale:
เมื่อระบบขนส่งมวลชนมีผู้โดยสารจำนวนมาก รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากต้นทุนต่อหน่วยจะลดลงตามปริมาณการใช้งาน ยิ่งมีคนใช้เยอะ ยิ่งคุ้มค่าและสามารถตั้งค่าโดยสารที่ย่อมเยาได้.
การบูรณาการระบบขนส่ง:
บางประเทศมีการคิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายในระยะทางหนึ่ง หรือการรวมค่าโดยสารรถไฟฟ้าและรถเมล์เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้โดยสารประหยัดขึ้น และดึงดูดให้คนเข้ามาใช้บริการมากขึ้น.
เทคโนโลยีและนวัตกรรม:
การพัฒนาเทคโนโลยีที่รวดเร็วและการผลิตจำนวนมาก ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มถูกลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีรถรุ่นใหม่ ๆ ออกมา รถรุ่นเก่าก็จะถูกลงไปอีก.

ไอ้บริหารให้เกิดประโยชน์มันทำไม่ยากหรอกแต่มันไม่ได้แดกแค่นั่นใครอยากโกยคะแนนก็ทำให้มันถูกเดี๋ยวพวกตาสีตาสาก็เข้ามาเป็นแฟนคลับเอง

โครงการนี้อาจเอื้อเอกชนชัดเกินไป กินเงินชดเชยอิ่มๆเลย

ราคาค่าโดยสารถูกลง คนใช้บริการมากขึ้น รัฐจ่ายชดเชยมากขึ้น เอกชนนั่งยิ้มฟันกำไรอิ่มๆ

ไม่ได้ครับช่วงนี้ต้องหล่อไว้ก่อน

บางทีก็น้อยใจอยู่นะ เงินที่เอามาอุดโครงการก็มาจากภาษีมนุษย์เงินเดือนที่ห้อยโหนเบียดเสียดกันบนรถไฟฟ้านั่นแหละ

ก็ต้องมีวิธีการช่วยลดค่าครองชีพหน่อย ไม่งั้นก็คำถามเดียวกันแล้วทำไมถึงเอาเงินไปช่วยอาชีพอื่น จังหวัดอื่นได้ แต่ช่วยคนในกทม.ไม่ได้

ผมว่านิแหละ คนที่อยู่เป็น ระยะเวลาสั้นๆ เหมือนซื้อใจคนแหละยิ่งทำถูกใจคน รอบหน้าคนเค้าก็จำเอง คนบ้างกลุ่มเค้าไม่ได้ใส่ใจอุดมการณ์หรือการเมืองอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าทำตรงใจเค้าก็เลือกครับ รอบหน้าถ้าคนถูกใจ+บ้านใหญ่ ภวท ไม่อยากนึกเลยส้มจะได้เท่าไหร่ครับ

ง่าย ๆ คือ บ้านเขารัฐไม่ได้สัมประทานให้เอกชนเข้ามาทำ ( แสวงหากำไร )

แต่รัฐทำเองเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ( ไม่แสวงหากำไร แต่หน่วยงานดำเนินการเองได้ )

แค่นั้นแหละ

โครงการมันมีประโยชน์นะ เพียงแต่ 20 บาทเชื่อมได้ทุกสายมันเว่อไป เปลี่ยนเป็นตามระยะทางสูงสุดไม่เกิน 40-50 บาทอ่ะผมว่ากำลังดี ทุกวันนี้เปลี่ยนสายทีไปกลับเกือบ 200

ตรระกะแบบนี้ เหมือนตอนไอดร. ท่านนึงบอกว่าเสียงกทม มีคุณภาพกว่าตจว. เลยนะ

ส่วนใหญ่ Infrastructure หลักใน metro จะเป็นรัฐลงทุนครับ หรืออย่างน้อยๆคือเป็นหุ้นส่วนในการบริหารเพื่อลดการแสวงหากำไรจากการบริหาร พวกโครงสร้างการเดินทางพื้นฐานของรัฐเองก็วางระบบกันให้ทั่วถึง เพื่อให้คนมาใช้ให้เยอะขึ้น เพื่อลดราคาลงไปอีก


เมื่อคนใช้เยอะขึ้น ต้นทุนการ operate ต่อชั่วโมงก็ลดลง และถ้าทำกำไรให้เท่าเดิม ราคามันก็จะลดลง


Keyword มีสองอย่างคือการควบคุมราคาของการให้บริการ และการลงทุนของรัฐ เพื่อไม่ให้เอกชนต้องมาแบกรับดอกเบี้ยเป็นต้นทุนการบริหาร หรือง่ายๆก็คือสามารถกำหนดปริมานหรืออัตราการทำกำไรของผู้ให้บริการได้น่ะแหละ

เอาจริงไม่ต้อง 20 บาทตลอดสายหรอก เปลี่ยนเป็นลดราคาลงหน่อยซัก 30-50%
แล้วแต่ความเป็นไปได้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว

คือนโยบายแดงมันสักแต่จะออกมาน่ะแหละครับ ไม่มีแผนงานหรืออะไรที่มันได้เรื่องเลย

ยกเลิกไปน่ะดีแล้ว

แต่ที่เซ็งคือพวกน้ำเงินมีจำนวนมากขึ้นนี่แหละครับ

ใช้แพงๆต่อไป

แล้วทำให้มันถูกเหมือนต่างประเทศได้ไหมละ
เอาแค่ถูกลงกว่าน่าจะสัก 20-40%ก็ได้

บัตรเดียวไปได้ทุกรถไฟฟ้า ทำอันนี้ให้ด้วยครับ
ผมว่าอันนี้จำเป็นก่อน ทำได้ก่อนแน่นอน