จุดประสงค์เพื่อลดน้ำหนักหรอครับ​หรืออะไร?


ถ้าลดน้ำหนัก มันคงช่วยได้ครับ เพราะมีเวลากินน้อยลง และก็คงจะยัดได้น้อยลงไปในตัว แต่ไอ้อาการที่ท่านว่าเนี่ย คงไม่ได้ช่วย


อายุใกล้ 40 เหมือนผม คงต้องใช้วิธียืดเยอะๆ เหยียดเยอะๆครับ ยืดให้ถูกท่าน ในเวลาที่เหมาะสม ด้วยความถี่ที่เหมาะสม จะช่วยได้เยอะ


ผมเองก็ปวดหลังเหมือนกัน เลยทำให้ออกกำลังกายได้น้อยลง โดยเฉพาะส่วนขา รู้สึกได้เลยว่าร่างกายฟื้นฟูช้าลงมาก และต้องยืดกล้ามเนื้อบ่อยึ้นเพื่อให้คงลักษณะของความยืดหยุ่นไว้ให้ได้ครับ



การลดน้ำหนักมันก็แค่ลดโหลดของกล้ามเนื้อ แต่มันไม่ได้ช่วยเรื่องความยืดหยุ่นอะไรนะครับ สุดท้ายมันก็ยังตึงที่เดิมๆ รั้งที่เดิมๆ จนอาจจะเรื้อรังได้มากขึ้นไปอีกด้วย



ส่วนตัว ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่อง IF เท่าไหร่ แต่ด้วยหลักการของมันคือลดมื้อ = ลดอาหาร มันก็ลดน้ำหนักได้แหละ แต่มันไม่ใช่ระยะยาว สุดท้ายร่างกายก็ปรับการเผาผลาญมาให้มันรับได้แค่นั้นอยู่ดีอ่ะครับ  

ผมอายุ 36 ละ ทำ 16 8 อยู่โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ (คือผมทำโดยไม่รู้ว่ามันคือ IF) เพราะกินข้าวแค่ เที่ยงกับ 2 ทุ่มละไม่ได้กินไรอีกเลย และ มื้อเช้าจะมีแค่ ไข่ขาว(4-5 ฟอง) อกไก่ แค่นั้น

เรื่องอาการป่วยผมไม่รู้นะครับ แต่เรื่องวิดพื้นหรือทำท่าอื่นแล้วมันปวด ผมว่ามันคือแกนกล่งเราไม่แข็งแรงหรือเปล่าครับ

เวลาผมไปเทรน เทรนเนอร์จะบอกว่า บางท่ามันทำให้เราเจ็บหลังล่างเพราะมันไปดึงกล้ามเนื้อที่ไม่ควรใช้มาใช้อะครับ

เช่นท่า deadlift นี่ผมทำได้ 2 set เอง ทำมากกว่านั้นเจ็บหลังล่าง สุดท้ายต้องไปเทรนแกนกลาง ก่อนจะทำท่าพวกนี้ได้ครบ  

ลองฟังช่องบังบอยดูครับ ผมว่าการลดน้ำหนักปัจจัยที่เกี่ยวที่สุดคือค่า TDEE แค่นั้นเลยครับ ถ้ากินเท่า TDEE ก็เมนเทนน้ำหนัก ถ้ากินน้อยกว่า TDEE ในระดับที่ไม่ทำให้ระบบเผาพลาญพังก็คือการลดไขมัน ผมว่าจริงๆแล้วปัจจัยการลดน้ำหนักมีเท่านี้ และสำคัญท่านต้อง weight training ครับ

จากใจคนที่เคยอ้วนมากๆและกำลังลดครับ ท่านต้องกินให้เยอะ ห้ามอดอาหารครับ แต่ห้ามเกิน TDEE นะ ส่วนเรื่องตารางกินเอาง่ายๆที่ท่านสะดวก จะแบบไหนก็ได้หมดเลยครับ

low carb, keto, high protein เอาจริงๆพอหาข้อมูลลึกเข้าๆ การกินแบบปกติเช่น preotein x 1.5-2 น้ำหนักตัว คาร์บ 50% ไขมันที่เหลือ หรือแนวๆนี้ เป็นวิธีการกินเพื่อรับสารอาหารที่น่าจะดีสุดแล้วท่านจะไม่โยโย่ครับ