ที่มา: https://www.nytimes.com/athletic/6591674/2025/09/03/alexander-isak-liverpool-newcastle-transfer-inside-deal/?source=emp_shared_article

1. อแมนด้า สเตฟลีย์คุยและให้สัญญากับอีซัคเรื่องปรับปรุงสัญญา (ตอนสัญญาเหลือ 4 ปี ค่าเหนื่อย 150,000 ต่อวีค)
2. อแมนด้าออกจากนิว พอล มิตเชลล์เข้ามาเป็นผอ.กีฬา
3. มิตเชลล์ไม่ให้เรื่องปรับปรุงสัญญาอีซัคเป็นเรื่องเร่งด่วน
4. ผู้บริหารคนอื่นเห็นด้วยกับมิตเชลล์
5. เหตุผลคืออยากให้ปลอดภัยจากความเสี่ยงกฎ PSR ก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกที
6. แจ้งเรื่องนี้กับอีซัคแล้ว
7. อีซัคคิดว่าต้องก้าวหน้ากว่านี้แล้ว ทั้งเรื่องแชมป์และค่าเหนื่อย
8. อีซัคตัดสินใจแล้วว่าต้องย้ายทีม
9. อีซัคแจ้งกับนิวว่าจะย้ายทีม ครั้งแรกตอนก่อนจบซีซั่น และย้ำอีกครั้งตอนหลังจบซีซั่น
10. ถึงจะได้แชมป์คาราบาว ได้กลับไป UCL และมิตเชลล์กลับมาคุยเรื่องที่อแมนด้าให้สัญญา แต่อีซัคก็ไม่เปลี่ยนใจแล้ว
11. ลิ้วพูนรู้เรื่องนี้ก็ยื่นข้อเสนอไป 110 ล้านปอนด์
12. นิวปัดตก และมีหนึ่งในบอร์ดคิดว่าข้อเสนอนี้เป็นแค่เกมของลิ้วพูนที่แค่อยากให้สถานการณ์สั่นคลอน
13. ลิ้วพูนงงดิ คิดไงได้ว่าข้อเสนอที่ยื่นไปที่ใกล้เคียงกับสถิติของเกาะอังกฤษถึงเป็นการดูถูก
14. ส่วนดีลของเอกกี้ ลิ้วสนใจและพูดกับเอเยนต์มาตั้งแต่มกรา สล็อตคุยกับเอกกี้ตอนก่อนจบซีซั่น ไม่ได้จะปาดหน้าอะไร
15. ความจริงแล้วลิ้วจะหากองหน้ามาเพิ่มแค่คนเดียว เอามาแทนหนูน แต่ทุกอย่างผิดแผนเพราะโจต้าดันไม่อยู่แล้ว เลยต้องหาเพิ่มอีกคน
16. ย้ำอีกครั้งว่าลิ้วไม่ได้ปาดหรือแก้แค้นนิวที่ไม่ขายอีซัคโดยการซื้อเอกกี้ ลิ้วตั้งใจซื้อกองหน้าสองคนนี้มาเล่นด้วยกันอยู่แล้ว
17. อีซัคโพสต์สตอรี่ว่าโดนบิดเรื่องคำมั่นสัญญา นิวก็สวนกลับว่าไม่เคยมีคำสัญญาอะไรจากจนท.ของสโมสร
18. สตีฟ นิคสัน คือหัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะของนิวและรับผิดชอบเรื่องซื้อตัวในซัมเมอร์นี้ แต่ไม่ได้เป็นคนนำในการเจรจากับอีซัค
19. บอร์ดบริหารของนิวได้ไปคุยกับอีซัคที่บ้านอีซัคจริง แต่ก็กล่อมไม่สำเร็จ
20. นิวได้วอลเดอมอ (ขอเรียกสั้นๆ ง่ายๆนะครับ) ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
21. และสุดท้ายดีลก็มาจบได้หลังเกมที่แมตช์เดย์ที่ลิ้วเจอกับอาน่อล

อันนี้ผมสรุปมาให้แบบคร่าวๆ แบบเร็วๆแล้วครับ สรุปก็คืออแมนด้าให้สัญญากับอีซัค แต่ตัวเองดันออกไปก่อน มิตเชลล์เข้ามา แต่ไม่ได้ให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ไปเน้นเรื่องกฎ PSR ก่อน อีซัคเลยคิดว่าคงต้องไปแล้ว แล้วสถานการณ์ก็แย่ลงเรื่อยๆ

อินฟลูนิวยังบอกนักข่าวปั่นอยู่เลย ข่าวมั่วทั้งนั้น

แปลว่าสโมสรโกหกหรอ ว่าไม่มีสัญญาทางใจอะไรกัน
สโมสรตอบกลับแบบรวดเร็วเลยนะวันนั้น

งงว่ะ แต่ช่างเหอะ แกย้ายมาละ

ข้อ 12 นี่ไม่น่าใช่แค่บอร์ดนิวนะคร๊อฟ ที่เห็นว่า "ยื่นเล่นๆ"

ถ้ายึดแบบว่าคนที่อยู่ปัจจุบัน ผมว่านิวก็ไม่ได้โกหก ที่สัญญามันคือคนที่ออกไปแล้วซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมแล้ว

ผมแทบไม่ได้เห็นนิวคาสเซิลออกมาด่า Isak เลยมั้ง ที่นิวคาสเซิลทำส่วนมากคือหาตัวแทนมาแทน Isak ตั้งแต่ปัดข้อเสนอแรกของลิเวอร์พูลย ต่างจากพาเลซเลย

ไม่ได้โกหกครับ เพราะพูดแค่เรื่องสัญญาย้ายทีมไม่มี
แต่ที่สัญญากับอิซัคคือเรื่องค่าเหนื่อย ซึ่งเห็นแต่แรกรู้เลยว่าเลี่ยงบาลี

สรุปง่ายๆ ไม่ว่ายังไง ผู้บริหารชุดนั้นสัญญากับอิซัค
แม้จะไม่อยู่แล้ว แต่ ณ ตอนนั้น ผู้บริหารคือตัวแทนสโมสร

เท่ากับว่า การเพิกเฉยของผู้บริหารชุดใหม่ เป็นการหักหลังของสโมสรหลังอิซัค จะอ้างคนเก่าคนใหม่ไม่ได้เลย
ทำให้อิซัคซึ่งพูดถึงสโมสรในแง่ดีมาตลอด อกหักอย่างแรง

จริงๆมันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย อิซัคน่าสงสารอย่างช่วยไม่ได้
แม้จะดูไม่มืออาชีพ แต่สิ่งที่เค้าให้ใจ เชื่อใจสโมสรก่อนนั้น มันคือความรู้สึกเต็มๆ
ไม่แปลกที่แกจะสิ้นหวัง และหมดศรัทธาที่เคยให้ทีมผู้บริหาร

ลองคิดดูว่า ถ้าคุณทำงาน แล้วหัวหน้าบอกและตกลงกันว่าปลายปีจะขึ้นเงินเดือนให้ 2 เท่า
วันนีงหัวหน้าลาออก คนใหม่มาแทน บอกว่าไม่ขึ้นให้แล้ว
ภาพฝัน แผนการชีวิตคุณจะดับสลายแค่ไหน ในเมื่อก่อนนั้นมีคนมาชวนคุณไปทำงานที่อื่นเรื่อยๆ
แต่คุณเคารพและศรัทธาในองค์กร พร้อมเชื่อสุดใจว่า คุณทำงานดีและจะไเ้ขึ้นเงินตามที่ตกลงกัน

คราวหลังอย่าไปยื่นค่าตัวสถิติลีคกับใครเล่นๆอีกนร๊าาาาาา

เคสนี้ผมแอบมองอีกมุมว่าอีซัคใจร้อนไปนิด

เพราะเหตุผลที่มิตเชลล์ให้มาเรื่องจะทำให้ปลอดภัยจาก PSR ก่อน มันก็สมเหตุสมผลนะ มันคือการจัด priority ก่อนอะ ผมว่าถูกแล้วนะ แล้วอีกอย่างสัญญาอีซัคก็เหลืออยู่อีกตั้ง 4 ปี ระหว่างนี้ก็รออีกแปปนึงก็ได้ ให้ทีมจัดการเรื่องการเงินก่อน แต่ก็นะแปปของแต่ละคนไม่เท่ากัน

พี่คนนั้นเขาจะมาไหมน้าาา
คนที่มั่นใจๆเถียงเก่งๆจะไม่มามู้นี้จริงๆหรออ

เหมือนจะตรงกับที่มีคนเขียนๆเมื่อช่วงต้นๆเดือน สค

ไอ้ที่ว่าเจ๊ย์บอกจะอัพค่าเหนื่อยให้ (ช่วงปลาย 23/24)

ตามิตเชลบอกว่าอาจจะยังน้าาาา (ต้นๆ 24/25)

ปัญหาคือพอตามิตเชลออกไป กค หรือ มิย 25 เห็นว่ามีคนจะพยามเอาข้อเสนอเจ๊ย์มาให้ แต่อิซัคไม่เอาด้วยละ

ใดๆคือผมว่าเหตุผลของมิตเชลค่อนข้างดีเลยแหละ psr ไม่ใช่เรื่องตลก

อันนี้ถ้าให้ผมเดาใจอิซัคนะ

สมมติว่ารอ แล้วไม่ได้ปรับอีก? สมมติว่าถ้าตอนนั้นอยากย้ายแต่ไม่มีทีม position ดีๆแบบลิ้วพูลยื่นมาแล้ว? คือมันกลายเป็นแตกรอบ 2 เพราะเชื่อสัญญาใจอีกรอบอะ

ผมเคยอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆอิซัค ผมก็ตัดสินใจย้าย เคสนี้ผมเข้าใจบางคนมันรอได้ แต่โอกาสแบบลิเวอร์พูล เผลอๆ รอจนแขวนอาจจะไม่มีอีกแล้ว อิซัคเลยอาจจะคิดแล้วว่าถ้าไม่ย้ายตอนนี้ อาจจะไม่ได้โอกาสดีแบบนี้อีกแล้ว เลยย้าย

ที่ผมตามมาก็ตรงกับที่ว่ามาเกือบ 90% เลยครับ ผมขอเสริมรายละเอียดจากที่ผมจำได้ เผื่อใครอยากอ่านต่อ

อ้างอิงจาก:

5. เหตุผลคืออยากให้ปลอดภัยจากความเสี่ยงกฎ PSR ก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกที  

ปีนั้นสถานการณ์ PSR ของทีมน่าเป็นห่วงจริงๆ ถึงขั้นเกือบต้องขาย Gordon เลยด้วยซ้ำ ถ้าจำไม่ผิด สุดท้ายรอดมาได้ด้วยการขาย Minteh กับ Anderson (ซึ่งก็ยังเสียดายอยู่ทุกวันนี้ โดยเฉพาะ Anderson ที่ตอนนี้ติดทีมชาติอังกฤษแล้ว)
ผมมองว่า ถ้าไม่ได้ขายสองดาวรุ่งออกไปเพื่อพยุงบัญชี แล้วดันเลือกต่อสัญญาใหม่พร้อมอัพค่าเหนื่อยให้ Isak ณ เวลานั้น ทีมน่าจะต้องเสีย Gordon ไปแทนแน่ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ Isak เคืองก็คือ ต่อมา Howe สามารถเคลียร์กับ Gordon ได้สำเร็จ แถมยังให้สัญญาฉบับใหม่พร้อมค่าเหนื่อยที่มากกว่า Isak อีก ตรงนี้แหละที่เขาว่ากันว่า Isak ไม่พอใจมาก ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้อัพค่าเหนื่อยบ้าง (แต่ตอนนั้นสัญญาของ Gordon เหลือแค่ราวๆ 2 ปีเท่านั้น ต่างจาก Isak ที่เหลืออยู่ถึง 4 ปี

อ้างอิงจาก:

7. อีซัคคิดว่าต้องก้าวหน้ากว่านี้แล้ว ทั้งเรื่องแชมป์และค่าเหนื่อย  

ตามที่ผมตามข่าวมา เขาผิดหวังเรื่องสนามใหม่กับสนามซ้อมที่ควรยกระดับเป็นพรีเมียม ซึ่งเหมือน Amanda เคยขายฝันไว้ แต่ยังไม่เกิดขึ้นจริง

อ้างอิงจาก:

11. ลิ้วพูนรู้เรื่องนี้ก็ยื่นข้อเสนอไป 110 ล้านปอนด์
12. นิวปัดตก และมีหนึ่งในบอร์ดคิดว่าข้อเสนอนี้เป็นแค่เกมของลิ้วพูนที่แค่อยากให้สถานการณ์สั่นคลอน
13. ลิ้วพูนงงดิ คิดไงได้ว่าข้อเสนอที่ยื่นไปที่ใกล้เคียงกับสถิติของเกาะอังกฤษถึงเป็นการดูถูก  

ผมจำได้ว่าตอนนั้นกระแสแฟนบอลคนละเรื่องเลย Isak ทำท่าว่าไม่มีปัญหาอะไร ฝั่งเจ้าของก็ยืนยันเสียงแข็งว่า "ไม่ขายๆๆ" ตอนนั้นผมเองเหมือนจะเป็นเสียงส่วนน้อยด้วยซ้ำที่โพสว่า ถ้าได้ราคาประมาณ 140–150 ล้านปอนด์ก็มีสิทธิ์ขายได้ แล้วก็โดนด่าเละว่าถ้าขายก็ไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่มีวันเป็นทีมใหญ่ได้หรอก

อ้างอิงจาก:

14. ส่วนดีลของเอกกี้ ลิ้วสนใจและพูดกับเอเยนต์มาตั้งแต่มกรา สล็อตคุยกับเอกกี้ตอนก่อนจบซีซั่น ไม่ได้จะปาดหน้าอะไร  

เรื่อง Newcastle จะเอา Ekitike แล้วเก็บ Isak ไว้ ผมว่ามันไม่ make sense เลย เพราะ Howe ไม่ค่อยเล่นหน้าคู่ ยิ่งจะถ่าง Ekitike ไปเล่นซ้ายยิ่งยาก เนื่องจากฝั่งนั้นมี Gordon, Barnes, Ramsey อยู่แล้ว
ต่างกับกรณี Joao Pedro ที่เล่นเบอร์ 10 ได้ แบบนั้นยังพอเป็นไปได้ แต่เขาไม่มาเอง
หรืออย่าง Delap ที่ Howe คงประเมินผิดว่า Maresca จะไว้ใจให้ยืนหน้าเป้าเลย เดิมทีน่าจะหวังจีบมาเหมือนกรณี Livramento คือมานิวก่อน แล้วค่อยๆสลับกับ Isak และปั้นจนติดทีมชาติอังกฤษยาวๆ
ดังนั้น ถ้าจะซื้อ Ekitike ผมคิดว่ามีเหตุผลเดียวคือ ซื้อมาเพื่อกันความเสี่ยงไว้ก่อน เพราะตั้งใจจะขาย Isak อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องทำให้ดูเหมือนจะเก็บไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดดัน

อ้างอิงจาก:

19. บอร์ดบริหารของนิวได้ไปคุยกับอีซัคที่บ้านอีซัคจริง แต่ก็กล่อมไม่สำเร็จ  

Jamie Reuben ถึงขั้นไปง้อถึงบ้าน ขอให้อยู่ต่ออีก 1 ฤดูกาล พร้อมเสนอเพิ่มค่าเหนื่อยและใส่ Release Clause ให้ แต่ Isak เหมือนตอบกลับแบบเศร้าๆว่า “ผมทำไม่ได้” แล้วเรื่องก็จบลงแค่นั้น

ล่าสุด ในการประชุมทีมเพื่อเคลียร์เรื่องนี้ มีข่าวว่ามีคนในทีมอารมณ์หลุดจนต้องถูกล็อคตัวไว้ให้สงบ ข่าวลือว่าอาจเป็น Joelinton หรือไม่ก็ Lascelles (ซึ่งก็เป็นคนที่ส่งข้อความถึงบอร์ดว่า “ขายๆไปเถอะ 110+ ล้าน”)

ใจความสำคัญคือข้อ 12 ยื่นเล่นๆ ขำๆ

เจ้าของเก่ารับปาก มันก็เหมือนคำสัญญานะ

ส่วนที่ติด PSR ผมว่าฝั่งนักเตะควรเข้าใจสโมสร

แต่วิธีการสื่อสารในข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญ
ถ้าบอกว่าเลื่อนไปก่อน แล้วจบแค่นั้น
หรือขอเลื่อน แต่มีระยะเวลาให้ (หลังจบฤดูกาล) หรือมีเงื่อนไขให้ (ได้ไป UCL) จะต่อให้แน่นอน แบบนี้โอเค
ข้อนี้อย่าว่าแต่สโมสรใหญ่เลย
บริหารลูกน้องในบริษัท คนเป็นหัวหน้าก็ควรมีศิลป์ในการเจรจา
พนักงานหวังได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือน แล้วเราต้องเป็นคนไปบอกเขาว่าไม่ได้เลื่อนนะ

เคสกอร์ดอนก็มีผล
คือเจ้าตัวจะโดนจับขาย สุดท้ายสโมสรรั้งไว้ ก็ต้องให้สัญญาใหม่ อันนี้ไม่แปลก
แต่อิซัคอาจจะรู้สึกไปว่าผมควรได้ก่อนไหม หรืออาจจะพร้อมๆกัน
แต่หลังกอร์ดอนจบ ทุกอย่างมันเงียบหรือเปล่า เจ้าตัวเลยรู้สึกว่าไม่รักษาสัญญา

ปล.แต่ไม่เล่น ไม่ซ้อม อันนี้ยังไงก็ไม่ถูก
ปล.2 ตอร์เรสตอนย้าย ก็พูดแบบนี้ (มีคำสัญญามากมายที่ไม่รักษา) ทุกวันนี้ก็ยังอยากรู้