จะมาปรึกษาคือเรื่องลูกชายคนโตโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งครับ
ตอนนี้เขาอายุ 4 ขวบครึ่ง เรียนอนุบาล 2 โรงเรียนที่ถือว่าสภาพแวดล้อมดีเลยแหละ
แต่มันจะมีเพื่อนของลูกผมคนหนึ่ง ที่ลูกชอบมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เรียนเตรียมอนุบาลแล้ว
ว่าคนนี้มักถูกครูทำโทษ หรือดุเป็นประจำ ทั้งเรื่องงอแง ไม่เชื่อฟัง
และที่บ่อยที่สุดคือแกล้งเพื่อน แรกๆผมก็ฟังลูกไปปกติ ก็ถามว่าโดนบ้างไหม ลูกก็บอกว่าไม่
จนมาอนุบาล 1 มาอยู่ห้องเดียวกันอีก ลูกก็มาเล่าว่าตอนฉี่เสร็จแล้ว จะดึงกางเกงขึ้น
โดนเพื่อนคนนี้เอาเท้าเหยียบกางเกงไว้ไม่ให้ใส่ แต่ลูกผมก็บอกว่าสุดท้ายครูประจำชั้นมาเห็นก็โดนดุไป
ลูกก็มักกลับมาเล่าบ่อยๆว่า คนนี้มันไปแกล้งเพื่อนคนนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะแกล้งผู้หญิงอยู่เรื่อยๆ
แต่สัมผัสได้ว่าลูกผมไม่ชอบเล่นกับคนนี้ อาจจะคิดว่าคนนี้ดูไม่ปลอดภัยมั้งนะ เพราะเวลาเล่าว่าเล่นกับใคร
ไม่เคยมีชื่อเพื่อนคนนี้อยู่ในสารบบ
พอมาอนุบาล 2 ซวยจริงๆ ลูกผมดันอยู่ห้องเดียวกับเด็กคนนี้อีก
ล่าสุดลูกเล่าว่า เพื่อนบ้วนน้ำลายลงมือตัวเอง แล้วมาป้ายหน้าลูกผม
ลูกผมวิ่งไปฟ้องครูประจำชั้นอนุบาล 2 แต่ครูทำอะไรอยู่ไม่รู้ ไม่ได้ฟัง ผมรู้สึกว่ามันเกินไปหน่อยนะ

วันรุ่งขึ้นเลยไปหาครู ถามถึงเหตุการณ์ ครูทำหน้ามึน แล้วไปคาดคั้นกับลูกผมตรงนั้นเลย
ว่าทำไมไม่บอก โดนยังไง โดนเมื่อไหร่ ลูกผมมันก็ยิ่งไม่กล้าเล่า ครูยังบอกอีกว่าสงสัยคงเล่นกัน
ไม่ได้แกล้งกันหรอก ผมเลยถามครูว่ารู้ใช่มั้ยว่าคนนี้มีประวัติชอบแกล้งเพื่อน ครูบอกว่าไม่ใช่แกล้งค่ะ
แต่เขาเล่นไม่เป็น ณ ตอนนั้นผมรู้ได้ทันทีว่าครูคนนี้ไม่ใช่ที่พึ่งของลูกผมแล้ว

ยังไม่พอ พอระหว่างกลับลูกก็เล่าว่าวันนี้เพื่อนคนนี้เอาสบู่ล้างมือมากดใส่แก้วน้ำแปรงฟันของตัวเองด้วย

ผมฟังแล้วจะทนไม่ไหว จะเข้าไปขอคุยกับครูใหญ่ แต่แฟนก็ห้ามไว้ บอกว่าอย่าเพิ่ง รอดูไปก่อน
พอเราหันไปสอนลูกว่าให้เอาคืน แฟนก็ห้ามอีก ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง
ผมควรทำยังไงดีครับ ไม่มีประสบการณ์แบบนี้เลย ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ปล.ทีแรกก็คิดว่าเด็กคนนี้เล่นกับเพื่อนไม่เป็นจริงๆ เพราะผมเคยไปงานโรงเรียน เห็นเขาชอบไล่ขยำเพื่อน
ดึงแขนเพื่อนแรงๆ เหมือนหมั่นเขี้ยว ตอนนั้นยังแอบเห็นใจ แต่ตอนนี้ผมว่าไอเดียการแกล้งมันบรรเจิดเกินไปแล้ว


อัพเดตครับ ขอบคุณสำหรับทุกข้อเสนอแนะของบรรดาพ่อๆนะครับ
วันนี้ไปรับลูกตอนเย็น เจอครูประจำชั้นลูกตอนอนุบาล 1 ผมเลยถือโอกาสคุยกับเขา
เขาถอนหายใจแล้วบอกกับผมว่า เฉพาะวันนี้มี 3 คนแล้วที่มาฟ้องว่าโดนเด็กคนนี้แกล้ง
ด้วยความที่เคยดูแลกันมาก่อน เขาบอกว่าเด็กคนนี้มีปัญหาเรื่องการควบคุมตัวเอง
ทางครูเองก็แจ้งผู้ปกครองให้ทราบมาโดยตลอด ผู้ปกครองรับรู้ และก็ไม่สบายใจ
ครูให้ความเห็นกับผมว่า เด็กควรได้รับการระบายอารมณ์ที่ถูกที่ถูกเวลา หรือ ไม่งั้นควรไปหาหมอ
ซึ่งครูก็มีการบอกผู้ปกครองไปแล้วครับ ก็หวังว่ามันจะดีขึ้นบ้างนะ

youtube หลายช่อง มีเรื่องพวกนี้อยู่เต็มไปหมด
reels ก็เยอะ ถ้าผู้ปกครองไม่ควบคุม ดูแล
เด็กสมัยนี้ ได้ตัวอย่างมาเยอะ จนอาจจะแยกแยะไม่ถูก ว่าอันไหนดี/ไม่ดี
อันไหนควรทำ/ไม่ควรทำ

ทำไมไม่สอนลูกให้สวนครับ ฝั่งนั้นแกล้งก็สวนด้วยมือหรือตริง เด็กนะมันเจ็บตัวมันก็แหยงไปเอง แต่ต้องสอนลูกท่านดีๆ ให้บาลานดีๆ ถ้าถลำลึกไปลูกท่านจะเป็นนักเลงเอาซะเอง

โรงเรียนเกรดไหนครับนิ ปกติถ้าท่านบอกว่า สภาพแวดล้อมดี ถ้าโรงเรียนดีๆ คุณครูจะไม่ปล่อยปะละเลยแบบนี้นะครับ

ลองคุยกับทางคนที่มีอำนาจมากกว่านี้ดูครับ ว่าทำยังไงได้บ้าง

เรื่องย้ายโรงเรียน ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายนะครับ ย้ายโรงเรียนไม่ใช่ทางแก้

ไม่งั้นก็จะต้องย้ายโรงเรียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ต้องแก้จากต้นเหตุให้ได้ครับ

เริ่มต้นจากครูก่อนเลย เด็กแค่ อนุบาล2 ถ้าครูดุ เขากลัวอยู่แล้ว แล้วไม่เจ้าคิด เจ้าแค้นอะไรลูกท่านแน่นอน

ถ้าครูดูแลดี เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ครับ

คุยกับเมียให้ตกผลึกเรื่องเลี้ยงลูกก่อนเลย

ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีในการใช้แผน "ศัตรูร่วมกัน" นะ

คือถ้าเขาสบายๆเกินไป เขาก็จะไม่มีสัญชาตญาณว่าต้องพยายามพัฒนาตัวเอง

ใช้จังหวะนี้ยุให้ไปเรียนมวย ฝึกวิ่ง ยกเวทเบา เทควันโด คุณเองก็ตื่นแต่เช้าไปวิ่งด้วย อะไรแบบนี้ เป้าหมายคือแข็งแรงขึ้นจะได้ไม่ถูกรังแก เก่งหลายอย่างขึ้นให้เพื่อนยอมรับ

โอเคนะ

ไปคุยกับพ่อแม่เด็กมันที่บ้านเด็กมันเลยจบที่ต้นตอ

คำแนะนำจากผมนะครับ
เรื่องนี้ผมคิดว่าคุณเองพร้อมจะไปโรงเรียนเสมอหากลูกโดนแกล้ง

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือ เมื่อลูกโดนแกล้งต้องให้ถึงมือครูให้ได้ครับ
ผมไม่แน่ใจเด็กสี่ขวบ อนุบาลสอง เขียนหนังสือ ได้แค่ไหนแล้ว
ถ้าไอเดียจากผมคือ ในเมื่อ เรารู้ตัวเด็กที่น่าเป็นปัญหาแล้ว
วันเสาร์อาทิตย์นี้ อยู่บ้านให้เตรียมกระดาษครึ่งเอสี่ครับ สักสิบใบ ไว้เลย
ให้เขียนว่า .... (ชื่อคนแกล้ง)แกล้งผม <พยายาม ให้เค้าเขียนด้วยลายมือเค้านะครับ>

บรรทัดต่อมาให้คุณพ่อเขียน เบอร์โทรคุณพ่อไว้ พร้อมระบุว่า ผมรอการติดต่อจากคุณครูอยู่นะครับ

แล้วสอนลูกว่าถ้าโดนคนนี้แกล้งอีกให้เอากระดาษใบนี้ไปให้ครูครับ
แล้วสอนลูกว่านี้คือการรักษาสิทธิของเรา เราไม่ใช่พวกขี้ฟ้อง
อย่าให้เค้ารู้สึกไม่มีใคร ให้เค้ารู้สึกให้ได้ว่าคุณพร้อมจะไปโรงเรียนเสมอ หากเกิดเรื่อง

แต่เน้นย้ำด้วยนะครับ ว่าถ้าเค้าไม่แกล้ง อย่าเอาไปให้คุณครู

ปล. ที่ท่านบอกว่าสิ่งแวดล้อมดี ผมว่าไม่น่าใช่แล้ว Mindset คุณครูไม่ดีเลย

เป้นผมจะไปหา ไอ้เด็กนั้น แล้วพูดกับเด็กตรงๆ สี่ขวบ มันกลัวแน่ๆ

แต่ออกแนว เชิงถามว่า ได้ข่าวชอบแกล้งลูกลุงหรอ อย่าให้ลุงได้ยินอีกนะ ว่าทำ

ลุงไม่ยอมนะ ในเมื่อครูไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เราก็ทำเอง

แล้วก็เลิกอ้างได้แล้ว ว่าเด็กเล่นกัน เด็กมันไม่ได้สนุกกับการถูกบูลลี่นะ

วันไหนไปรับลูก ก็ลองดักเจอเลย เจอพ่อแม่ด้วยยิ่งดี ได้รู้พฤติกรรมลูกตัวเองด้วย

ยากเลยเคสนี้ ถ้าเป็นนักเลงมาผลักๆ ต่อยๆ ยังสอนให้เอาคืนได้ แต่แกล้งแบบนั้นไม่รู้จะสอนให้เอาคืนยังไง ลองขอย้ายห้องแยกกับเด็กเปตรนั้นก่อน

อื่นใดคงต้องแจ้งครูให้ช่วยดูแลเด็กก่อนครับ เรื่องที่ รร คงต้องพึ่งครูก่อน
ถ้ามีกลุ่มผู้ปกครองท่านอื่นในห้อง ลองถามลูกว่าเด็กคนไหนโดนบ้าง ลองถามส่วนตัวไปที่พ่อแม่คนอื่นดูก่อน ถ้ามีแนวร่วมก็ถามเข้าไปในกลุ่มเลยครับ ว่าลูกใครมีเจอน้องคนนี้แกล้งบ้าง พ่อแม่มันจะได้มาสนใจดูแลลูกตัวเองบ้าง
อย่าลืมสอนให้ลูกเลี่ยงเด็กนิสัยไม่ดีครับ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ให้เค้ามั่นใจว่าเราอยู่ข้างเขาถ้าเค้าจะสวน

คุนครูส้นตีนจัด

ครูห่วยจัด ถ้าไม่ไหวแล้วก็ไปหาครูใหญ่เลยครับ แต่ให้ลูกสวนกลับผมว่าไม่ใช่แนวทางที่ดีนะ

แต่ยังไม่จบก็ต้องคุยกับผู้ปกครองแล้วล่ะ

* ผมมายกตัวผมเอง ที่สมัยอนุบาลชอบแกล้งเพื่อนละกัน เท่าที่ผมจะจำความได้สมัยอนุบาล 1-3 นะ โดยพื้นฐานด้านร่างกายผมเป็นคนตัวใหญ่กว่าคนอื่นๆ ในระดับชั้นเดียวกันครับ เปรียบให้เห็นภาพคือรองเท้าที่เด็กอนุบาลใส่ โดยทั่วไปจะเป็นตีนตุ๊กแก/เทปหนามเตยสักอย่าง แต่ผมคือใช้รองเท้าผูกเชือกละ


ซึ่งผมจะใช้คำว่าแกล้งได้ไหม ผมก็บอกไม่ถูก แต่ด้วยความที่เราตัวใหญ่กว่าคนอื่น พอเวลาไปเล่นหรือไปทำกิจกรรมกับใคร มันเลยกลายเป็น "พละกำลัง" ของเรามันเยอะกว่าชาวบ้านครับ


อย่างผมจะนึกออกถึงเพื่อนอยู่คนนึง มันชื่อการ์ตูน ตอนนั้นผมเรียนโรงเรียนสวนเด็กในกรุงเทพนี่ละ โรงเรียนมันละแวกไหนจำไม่ได้ละ มันจะต้องเข้าไปในซอย ติดถนนใหญ่ เพื่อนผมคนนี้ตัวเล็กกว่าผม แต่ชอบมาเล่นกับผม ซึ่งก็ตามที่ผมบอกไว้ด้านบน มันก็จะกลายเป็นรับมวลพลังจากเด็กยักษ์แบบผมไป


ทีนี่ผมก็ไม่รู้ในมุมที่ว่าการ์ตูนเนี้ย ไปเล่าให้พ่อแม่เขาฟังว่ายังไงบ้างนะ แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ผมโดนตำหนิหรืออะไร


ขยับขึ้นมาหน่อยช่วงประมาณผมอยู่สักชั้น ป.3 ได้ ก็รูปแบบเดิมด้วยความที่ตัวใหญ่ ก็จะชอบเล่นแบบเล่นแรงๆ ตอนนั้นคือนั่งรถตู้ไปเรียนแล้วอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับคนที่ผมกำลังจะกล่าวถึง (ผมจำดีเทลไม่ได้ว่าเล่นกันแรงบนรถตู้หรือที่โรงเรียนนะ) แต่ครั้งนี้ต่างออกไปครับ คนที่โดนผมเล่นแรงไปบอกพ่อแม่เขามั้ง แล้วเหมือนเขายกทีมงานมาบุกหน้าบ้านผมเต็มไปหมดเลย โชคดีที่ตอนนั้นผมอยู่กับย่า พ่อกับแม่ผมยังกลับไม่ถึงบ้าน แต่ผมนี่ร้องไห้น้ำตาแตกไปละ 555555555555555


คือผมก็ยืนร้องไห้ กอดย่าแน่นเลยนะ แล้วย่าแกก็บอกกับพ่อแม่อีกฝั่งว่า "อย่าไปถือสาเด็กมันเล่นกันเลย เด็กมันไม่รู้เรื่องหรอก มันก็เล่นกันไปตามประสา เดี๋ยวย่าจะช่วยตักเตือนให้" อีกฝั่งเขาก็ยกมือไหว้ขอโทษย่าผมแบบที่อยู่ๆ บุกมา แล้วเขาก็กลับไป


เห้อออ พิมพ์ไปพิมพ์มา คิดถึงย่า

1.ถ้ารู้จักพ่อแม่ เด็กที่มาแกล้ง ให้ลองบอกพ่อแม่เขา ให้ทราบถึงปัญหาของลูกตัวเอง จะได้รีบแก้แต่เนิ่นๆ
2.ถ้าเจอเด็กที่แกล้ง ก็ตามเม้นบน ลองดุแกมๆ ไป
3.ส่วนลูกตัวเอง ต้องชี้ให้เห็นว่า การป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่น อาจจะโวยวายเสียงดังๆ เวลาโดนแกล้ง (คือ ตอบโต้ อย่าได้เกินเบอร์ แบบใช้ความรุนแรงงี้)
หรือ พอเด็กที่แกล้งจะมาใกล้ๆ ให้ปล่อยฮาคิราชันย์ แบบ หยุด แบบเสียงดังๆ เป็นการประกาศให้อีกฝ่ายรู้ว่า ลูกมีตัวตน ไม่ใช่หมูรอเชือดนะเฟ่ย
4.สอนให้ลูกเลี่ยงคบกับเพื่อนที่รุนแรง

เจอปัญหานี้บ่อย ทำตามข้างบน มักจะได้ผล