ในเมื่อถ้าโหวตแล้วยังไงก็แพ้ ก็ชิงยุบสภาเลือกตั้งใหม่หมดเลย

นี่คือข้อต่อรองของเพื่อไทยที่เหลืออยู่ใช่ไหมครับ

ที่เข้าใจคือถ้าไม่มีนายกคนใหม่ รักษาการนายกมันจะยุบสภาไม่ได้นี่สิครับ อันนี้น่าจะคือทางตัน

ปัญหาคือยุบได้จริงรึป่าว ทั้งกฤษฎีกา ทั้งนักกฎหมาย หลายๆคน บอกนายกฯ รักษาการไม่มีอำนาจยุบ เพราะอำนาจยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะการของนายกเท่านั้น

ที่นี้ถ้าดื้อแพ่งจะยุบ โดยที่มีการคัดค้านแล้ว ถ้ามีการส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมา โอกาสจะโดนสูงมาก เพราะถือว่ามีการคัดค้านแล้วแต่ยังดันทุรัง

ต้องเรียกว่าวัดใจภูมิธรรม(ทักษิณ) เลย แต่เชื่อว่า แค่เกริ่นๆพูดขู่ ๆ พรรคร่วมไปงั้น ๆ

สุดท้ายแล้วถ้ายังแบบนี้ ยังไม่มีนายกฯ โอกาสทหารออกมาหรือ นายกคนกลาง สูงมากกว่ายุบสภา

พวกมันไม่กล้ายุบหรอก ถ้ามันกล้ามันยุบไปนานแล้ว

ตอนนี้พรรคที่ไม่อยากเลือกตั้งใหม่มากที่สุดคือเพื่อไทย ยังไงมันก็ไม่ยุบหรอก

อย่าเรียกข้อต่อรอง เรียกคำขู่ดีกว่า

ฮั้วส.ว. เขากระโดง ยุบสภา คือคำขู่จากฝั่งแดงเพื่อให้ส้มยอมทั้งนั้น

หะข้อต่อรองอะไร? ส้มมันอยากยุบสภาอยู่แล้ว ยิ่งดีเลยรีบๆยุบ

ตอนนี้คืออ้วนเป็นนายกฯรักษาการณ์ ประเด็นที่ถกกันตอนนี้คือนายกรักษาการณ์มีอำนาจในการยุบไหม

เพราะในรัฐธรรมนูญเนี่ย อำนาจมันอยู่ที่กษัตริย์ ซึ่งเขาก็มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะยุบหรือไม่ยุบก็ได้
ซึ่งไม่ว่าจะออกทางไหนก็มีเหตุผลรองรับอยู่

Edit: เดี๋ยวเขียนไม่เคลียร์ จริงๆคืออำนาจอยู่ที่นายก แต่เขาต้องถวายฏีกาเพื่อขอยุบสภา ซึ่งอำนาจตรงนี้กษัตริย์มีอำนาจในการลงหรือไม่ลงก็ได้ อันนี้ที่อังกฤษก็เป็น เคยมีเคสที่ว่าถวายควีนแล้วควีนตีกลับไปไม่ลงนามให้ยุบเหมือนกัน แล้วก็ฟีดแบ็คกลับมา

ของไทยมีบวรศักดิ์วิเคราะห์ไว้แล้ว : https://today.line.me/th/v3/article/Vx9VJ22

ถ้ายุบ = มองว่าเป็นรัฐบาลชั่วคราวไม่มีเสถียรภาพก็ควรคืนอำนาจให้ประชาชนไปเลือกกันใหม่
ถ้าไม่ยุบ = มองว่าบ้านเมืองมีเรื่องอยู่ การไม่มีรัฐบาลตัดสินใจเป็นอะไรที่ไม่ควร รวมถึงถ้าในสภาสามารถเลือกคนใหม่กันได้ก็ไม่ควรจะมีการยุบสภาเกิดขึ้น

แต่จริงๆเพื่อไทยถ้าจะยุบจริงๆก็ยุบได้ตั้งแต่ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ถ้าเป็นจังหวะนั้นผมว่าโอกาสได้ยุบมีสูงกว่ามาก เหมือนนายกฯรับผิดชอบขอออกเองแล้วคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินใจกันใหม่
แต่นี่พอไปลุ้นกับศาลฯก็เลยดูไม่มีความจริงใจจะยุบอะไรมากขนาดนั้น

ถามว่าเพื่อไทยต่อรองเรื่องนี้ได้ไหม ผมว่าไม่คุ้มเสี่ยงหรอก
อย่างที่มีเลขาศาลฯออกมาพูดเป็นนัยๆว่าไม่ควรถวายยุบฯเพื่อเลี่ยงการระคายเบื้องบน (อย่างที่บอกมันเหมือนผลักให้ข้างบนเขาตัดสินใจ = มิบังควรในมุมมองเขา) ฉะนั้นแล้วเพื่อไทยก็เหลือแค่สามทาง คือต้องดันชัยเกษมให้ได้ ไม่งั้นก็ต้องยอมเป็นฝ่ายค้าน หรือไพ่สุดท้ายคือเสนอนายกคนกลางที่พร้อมกับจับมือกับน้ำเงินได้ ก็คือตู่

ผมเดาว่าใช่ แล้วเอาจริงๆถ้ากล้าทำก้อยิ่งดี ผมไม่อยากทำแบบนี้
เพราะมันดูแบบไม่ค่อยถกด้วยเหตุผลเท่าไหร่ แต่เอาแบบคนที่พวกเรา
เชียร์กัน คุณช่อ หรือคนที่พวกเราเชื่อว่าเทพแห่งการยกเว้นแบบอ.วิษณุ
ทุกคนก้อบอกว่าทำได้ ซึ่งผมก้อเชื่อมั่นจากการถกเถียงเรื่องนี้กับอ.กฎหมาย
มหาชนของธรรมศาสตร์ รวมถึงนักกฎหมายป.โทสาขากฎหมายมหาชนที่
ธรรมศาสตร์ผลิตมาเป็นสิบ ซึ่งผมเห็นตรงกันกันนักกฎหมายเหล่านี้ว่า
นายกรักษาการมีอำนาจ พูดง่ายๆเลยว่า อ่านมาตราแล้วให้บอกว่ามีอำนาจ
มันอธิบายง่ายกว่า สมูทกว่า ดูสมเหตุสมผลมากกว่า แค่ผมยกว่าไม่มีคำว่า
ห้ามนายกรักษาการทำ อ่ะจะไปต่อยังไง ที่พวกนั้นจะยกคือ ไม่เคยมี ประเพณี
การปกครอง หรือตีความเอา แต่ทุกอย่างมันดูเลื่อนลอย แถมการจะตีความ
รธน.เอา มันตีความว่านายกมีอำนาจได้ง่ายๆเลย แต่พอมาประเด็นว่านายก
รักษาการ กลับจะบอกว่าไม่มีอำนาจ พอจี้ว่าไหน ดันบอกเรื่องไม่เคยมี ประเพณีฯ
ทิ้งหลักการสำคัญว่านายกมีตลอดเวลาไปดื้อๆ คือรธน.บัญญัติให้ใครมีหน้าที่อะไร
แล้วกรณีรักษาการก้อบัญญัติชัดว่า ห้ามทำอะไร โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องยุบสภาเลย
แม้แต่น้อย คำถาม ตกลงมันสำคัญหรือไม่สำคัญ ถ้าสำคัญทำไมไม่บัญญัติให้ชัด
หรือจะบอกว่ามันไม่สำคัญ สำหรับผม มันสำคัญมาก แต่กฎหมายไม่ได้ห้ามไง
เพราะงั้นผมถึงเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า นายกรักษาการมีอำนาจถวายคำแนะนำ
อ่ะ ไม่เชื่อผม ไปถามอ.บวรศักดิ์ อ.วิษณุก้อได้ ผมไม่ให้ไปถามอย่างตัวตึงๆของ
ธรรมศาสตร์นี่ก้อถือว่าปรานีแค่ไหนแล้ว เทียบง่ายๆเลย ลองเทียบกับอีกฝั่งนี่คือแบบ
เอาเป็นว่าผมเชื่อว่านายกรักษาการมีอำนาจถวายคำแนะนำตามปรมาจารย์ด้าน
กฎหมายมหาชนหลายๆท่านล่ะกัน แถมกล้าท้าเลยว่ามาถกกันแบบหมัดต่อหมัดเลย
เหตุผลที่ว่านายกรักษาการมีอำนาจนี่ เล่นง่ายกว่าเยอะ เผลอๆคุยไปคุยมาจะโดนขู่ว่า
ไล่ชกแบบคุณช่อเอาง่ายๆ เพราะอีกฝั่งนี่คำพูดวนเอาง่ายๆ

ผมเคยอ่านบทวิเคราะห์
ของ นักกฎหมาย มหาชน
หลายท่าน อย่างล่าสุด
คือ อ. ปริญญา
ให้ทรรศนะไปในทาง
เดียวกันว่า

กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมาย
มหาชน+ปกครอง

ต้องอิงอยู่กับระบบการเมือง

ซึ่งของเราคือระบบรัฐสภา
มีการคานอำนาจ ระหว่าง
ฝ่ายบริหาร - นิติบัญญัติ

ดังนั้น ถ้ามีการอภิปราย
ไม่ไว้วางใจ แล้วนายก
โดนโหวต ไม่วางใจ
คือพ้นตำแหน่ง นายกทันที
ที่นั่งอยู่คือตุ๊กตา...

ไม่สามารถ มีอำนาจยุบสภาได้

เพราะถ้ายังมีอำนาจยุบสภา
ได้อีก ก็จะยุบสภา สส เป็น
การตอบโต้

ทีนี้ การเมืองก็จะกลายเป็นเกี้ยเซี้ย
กันไป สภาไม่กล้าอภิปราย
ไม่กล้าโหวตนายกออก
เพราะกลัวโหวตออกแล้วจะโดน
ยุบสภา กลายเป็นว่า
คานอำนาจฝ่ายบริหารไม่ได้

แบบนี้มันก็เข้าใกล้ระบบ
เผด็จการ ฝ่ายบริหารใช้อำนาจ
ไร้ขอบเขต ไม่กลัวโดนตรวจสอบ

หลักการคานอำนาจของประชาธิปไตยก็พังหมด

จากคำอธิบายข้างต้นนี้
นักกฎหมายก็มาเทียบ
เคียงกับศาลตัดสิน
ในผลเดียวกัน ควรใช้
บรรทัดฐานเหมือนกัน
คือ พ้นตำแหน่งนายกไปแล้ว
เพราะแพ้การตรวจสอบ
ไม่ควรจะมีอำนาจยุบระบบ
ตรวจสอบ แม้จะเป็นอีกระบบนึง

ใช่ครับ แต่ถ้าเอากันแบบสมเหตุสมผลนะครับ ไม่มีเหตุผลในแง่กฎหมายที่บัญญัติ
มีแต่เรื่องอื่นที่ยกมาแบบงงๆ อ่ะ พระองค์ท่านทรงไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
ใครเสนออะไรมาพระองค์ท่านสง่างามเลือกจะไม่ยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว มีแต่ไอ้พวกข้างล่าง
นี่แหละตีเรื่องที่กฎหมายชัดอยู่แล้ว แต่ดันไปเอาเรื่องอะไรก้อไม่รู้มาตีรวน แค่เรื่องว่า
ขอข้อกฎหมายที่บัญญัติชัดๆ ก้อหาไม่ได้ กลับไปเอาเรื่องอื่นมาเฉย ผมไม่อยากพูดแบบนี้
แต่ผมสงสัยว่าเผลอๆไอ้พวกข้างล่างนี่แหละทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า ถึงกลัวเหลือเกิน
แถมแม่งทำให้ประเทศเสีหายเพราะเรื่องแบบนี้ ไม่อยากจะด่า

เคารพอาจารย์ปริญญานะครับ แม้จะเคยเรียนกับท่านอาจารย์แค่วิชาเดียว
แต่เอาเป็นว่าผมให้น้ำหนักกับความเห็นอ.อีกท่านมากกว่านะครับ

งั้นถามกลับ อะไรคือเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการคานอำนาจกับฝ่าย
นิติบัญญัติครับ

อันนี้ ผมไม่ได้ตอบแทน
อาจารย์นะ

แต่ส่วนตัวมองว่า
อำนาจยุบสภาของนายก
ใช้เพื่อคานอำนาจ ในกรณี
ที่กฎหมายเข้าสภาแล้ว
เกิดความขัดแย้ง
จนไม่สามารถหาข้อสรุปได้
และอาจจะเป็นกฎหมายสำคัญ

ดังนั้นนายกจึงคืนอำนาจ
ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
ในความขัดแย้งนั้น

ส่วนฉากทัศน์ ที่อาจารย์นำเสนอ
ผมมองตามแบบสายตา
ชาวบ้านเลยนะ...

ถ้านายกโดนโหวตออก
แล้ว ตัวเองไปปลดคนที่
โหวตตัวเองออกให้พ้น
ตำแหน่งไปด้วย

ดูเหมือนการแก้แค้นกันมากกว่า

ต่อยอดจาก อ. ปริญญา
มานิดหนึ่ง ด้วยความคารพครับ

งั้นต่อครับ แล้วผมขอหลักกฎหมายที่บัญญัติในรธน.ครับ
คือผมยกเรื่องเครื่องมือในการคานอำนาจ ซึ่งไม่มีการแย้ง
ว่าการยุบสภาคือเครื่องมือของฝ่ายบริหารนะครับ

ผมจึงถามต่อครับว่า แล้วเงื่อนไขของการใช้เครื่องมือนี้ของ
ฝ่ายบริหารมีว่าอะไร ผมจึงถามถึงที่มาของอำนาจนั่นคือ
กฎหมาย กฎหมายมีว่าอย่างไรครับ

ขอโทษด้วยผมอาจจะใจร้อนอยากเร่งให้ไวๆ
เอาเป็นว่าอำนาจในการยุบสภาเป็นพระราชอำนาจ
นายกเป็นผู้ถวายคำแนะนำ ซึ่งรธน.บัญญัติแค่นี้

ผมถือเรื่องหลักการสำคัญๆว่า ถ้าจะมีอะไรแปลกๆ
ต้องบัญญัติไว้ให้ชัด เพื่อกันไม่ใช้ผู้ถืออำนาจใช้อำนาจ
ตามอำเภอใจ ซึ่งผมหมายถึงทุกส่วนที่ใช้อำนาจรัฐ

ในกรณีนี้ถ้าจะถือตามความเห็นของแต่ละฝ่ายที่เห็น
ต่างกัน มันไม่สามารถทำได้ มันต้องถือตามตัวกฎหมาย
ซึ่งอาจจะต้องมีการตีความกัน เพราะจะเห็นได้ว่า สมมติ
จะเอาชื่อเสียงมาข่มกัน ด้วยความเคารพอาจารย์ปริญญา
ผมเห็นว่าชื่อเสียงในแง่ความชำนาญกฎหมายมหาชน
สู้อ.วิษณุไม่ได้ พวกผมจะเรียกว่าความคมในการใช้กม.
อาจารย์ปริญญายังไม่ใช่เบอร์ต้นๆ แต่ผมก้อไม่อยากเอา
เรื่องพวกนี้มาข่มเพราะมันดูแปลกๆ ผมเลยถามถึงตัวบท
กฎหมาย แล้วตีความจากตรงนั้นเอา เราควรจะถือตาม
ฝ่ายไหนควรจะเอาจากตรงนั้น ผมว่ามันน่าจะทำให้แต่ละฝ่าย
ยอมรับได้มากกว่านะครับ