Boy_Wit_Luv พิมพ์ว่า:
Vachira พิมพ์ว่า:
เอาเป็นว่า อย่าไปยึดถือความเห็นส่วนตัวของกฤษฎีกาบางท่านว่านั่นคือข้อยุติ
ถ้าผมจะต้องหาข้ออ้างอิง ผมคงอ้างได้แค่ว่า ลองไปหาอ่านบทความเกี่ยวกับ
กฤษฎีกาของท่านอาจารย์ธรรมศาสตร์ท่านนึงที่เมื่อก่อนออกสื่อเยอะ แต่ปัจจุบัน
ท่านไปเน้นวิชาการจ๋าๆแล้ว บทความไม่ได้บอกว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่จะสื่อ
ถึงประวัดิความเป็นมา สภาพปัจจุบัน และปัญหาบางจุดที่เกิดขึ้น รวมถึง บทบาท
ของกฤษฎีกาว่าเป็นอย่าไรบ้าง อ้อ อยู่ในประชาไทนะครับ แล้วก้อ ความเห็นของ
ผมมันอาจจะผิดก้อได้ แต่ผมยอมรับได้ต่อเมื่อเหตุผลของเรื่องมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ถ้าไม่น่าเชื่อถือ ให้ตายผมก้อคงยอมรับไม่ได้หรอกครับ อันนี้หมายถึงในทาง
วิชาการนะครับ
เข้าใจครับ
ผมตอบกลับ แล้วท่านถามมาต่อ
ดังนั้นผมขอใช้สิทธิถามกลับบ้าง
พร้อมกับตอบบางข้อย่อย
... คือท่านเข้าใจคำว่า
การคานอำนาจระหว่าง
ฝ่ายองคาพยพ ในระบบ
ประชาธิปไตย ว่าอย่างไรครับ?
แต่ถ้าหากท่านอยากจะตัดจบ
เรื่องหลักการ พื้นฐาน ระบบ
การปกครอง ในเรื่องการยุบสภา
ไปที่พระราชอำนาจโดยละเลย
ความถูกต้องในกระบวนการเสนอ
ใครที่รักษาการ และคิดว่าตัวเอง
มีอำนาจ ในเรื่องนี้
สามารถลองทำดูได้นะครับ
ผมเชื่อว่ามีการยื่นตีความแน่
และศาลก็ต้องเป็นผู้วินิจฉัย
ลุ้นกันตรงนั้นเลยก็ได้ครับ
เพียงแต่ผมคิดว่า ระหว่าง
ทางอาจมีความเสียหายเกิดขึ้น
กับประเทศ และเมื่อจบ ก็คงจะ
ต้องมีผู้รับผิดชอบอย่างหลีก
เลี่ยงไม่ได้
แทนที่จะไปตามสเต็ปอย่าง
ง่าย ๆ เลือกนายกใหม่
ที่มีอำนาจเต็ม
แล้วยุบสภาตามขั้นตอน
กฎหมาย อย่างไม่มีข้อกังขา
ส่วนตัวผมเลือกอย่างหลังครับ
จริงหลักตรงนี้ไม่ยาก ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว
นิติบัญญัติกับบริหารมีอำนาจบางส่วนที่ทับซ้อนกัน
อาจจะเนื่องจากมีที่มาจากประชาชนโดยอ้อมทั้งสองส่วน
ซึ่งที่มาของอำนาจทั้งหมดรวมถึงสองส่วนนี้ ต้องมีที่มาจาก
กฎหมาย ถ้าจะสรุปง่ายๆ
บริหาร ตามชื่อ บริหารประเทศในด้านต่างๆ โดยนำกฎหมาย
ที่ฝ่ายนิติบัญญัติออกมาใช้ ทั้งนี้มีอำนาจในการออกกฎหมาย
บางส่วนได้
ส่วนนิติบัญญัติ ก้อตามชื่อ ออกกฎหมาย และตรวจสอบการกระทำ
ของฝ่ายบริหาร
ซึ่งการคานอำนาจก้อตามที่คุยกัน ยุบสภา อภิปรายในสภา และหลังๆ
จะได้ยินเรื่องคณะกรรมาธิการมากขึ้น
ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจหน้าที่ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น
การพูดคุยที่ผมสื่อคือการดูแค่กฎหมาย ที่เป็นแหล่งที่มาของอำนาจหน้าที่
ผมเข้าใจนะ สกิลการตัดสินโดยไม่ใช้อคติใดๆเลยมันยากสำหรับคนที่ไม่ใช่
สายงานแบบผม แต่ที่ผมสื่อในช่วงนี้คือ ดูที่มาของอำนาจและหน้าที่ โดย
ไม่ใช้อคติใดๆ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้สนใจว่าในความเป็นจริงจะเป็นเช่นไร
แต่ผมดูแค่ตัวกฎหมาย เอาตัวบทมาวาง แล้วคุยกันเลย
ซึ่งหลักการพื้นฐานในการตีความกฎหมายมหาชน ดูว่ากฎหมายให้อำนาจไหม
และการตีความจะตีความอย่างเคร่งครัด ดูแค่นี้ครับ ผมไม่สนว่าใครจะทำผิดไหม
ผมสนแค่หลักการ เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 103, 169, 182 บัญญัติแค่นั้น
และตีความได้ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถวายคำแนะนำในเรื่องการตรากฎหมาย
แก่กษัตริย์ อำนาจของนายกก้อมี และเมื่อ 169 บัญญัติถึงกรณีรักษาการว่าทำอะไร
ไม่ได้บ้าง โดยไม่ได้บัญญัติถึงเรื่องยุบสภาซึ่งทำโดยพระมหากษัตริย์ และอย่างที่บอก
นายกก้อคือนายก มันไม่มีการบัญญัติแยกชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องนี้ เมื่อเอากฎหมายล้ม
ละลายมาเทียบในฐานะของกฎหมายมหาชนเหมือนกัน นายกรัฐมนตรีก้อคือนายกรัฐมนตรี
และอย่างที่บอก ราชอาณาจักรไทยไม่เคยไร้ซึ่งนายกแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อมีแค่คำว่า
นายกรัฐมนตรี มันต้องตีความว่าบุคคลในฐานะนายกทุกประเภท ไม่งั้นต้องบัญญัติให้ชัด
จะมาเขียนแบบนี้แล้วตีความขยายแบบนี้ไม่ได้
ผมไม่ได้มาบอกว่าต้องทำ ผมแค่มาถกเรื่องหลักกฎหมาย และผมไม่ได้มองจากบนลงล่าง
ผมไม่ได้ตั้งธงแล้วหาเหตุผลมาใส่ ผมมองจากล่างขึ้นไปบน ผมยึดตามหลักการพื้นฐาน
โดยเฉพาะเรื่องการตีความกฎหมายมหาชนอย่างเคร่งครัด เมื่อกฎหมายให้อำนาจนายก
นายกก้อมีอำนาจ และเมื่อไม่ได้บัญญัติห้ามนายกรักษาการ นายกรักษาการในฐานะนายก
ก้อมีอำนาจ
ผมถึงบอกว่า ด้วยความเคารพท่านอาจารย์ที่สอนผม แต่ผมยึดหลักการของกฎหมาย
ไม่สั่นคลอน ผมไม่สนว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมคิดตามหลักการพื้นฐานที่ทุกคนยึดถือ
แค่ผมถามตามข้างบน ผมยังมองไม่เห็นว่าจะหาหลักกฎหมายอะไรมาเปลี่ยนได้ พูดง่ายๆ
มันคือหลัก ซึ่งผมไม่ปฏิเสธนะว่ามีหลักย่อมต้องมีข้อยกเว้น แต่ในเรื่องการตีความแบบนี้
มันไม่มีข้อยกเว้น มันดูแค่ว่ามีกฎหมายให้อำนาจหน้าที่ไหม ถ้ามีคือมี ไม่มีคือไม่มี และเมื่อ
บัญญัติว่ามีเช่นไร ก้อต้องมีเช่นนั้น จะแยกว่ากรณีใดมี กรณีใดไม่มีก้อต้องบัญญัติให้ชัดเจน
ไม่ใช่มาตีความแบบขยายความ ซึ่งพูดถึงเรื่องนี้ ข้อยกเว้นเดียวที่ผมได้รับรู้คือ อะไรที่เป็น
ประโยชน์แก่ประชาชน อาจจะตีความขยายได้ ซึ่งเรื่องนี้คงไม่มีใครบอกนะครับว่าเข้าข้อยกเว้น
ข้อนี้
ผมไม่ได้มาบอกว่าต้องทำอย่างไร ผมแค่มาบอกว่าหลักกฎหมายมหาชนมีเช่นไร และการที่ตีความ
ว่า นายกรักษาการไม่มีอำนาจถวายคำแนะนำมันผิดจากหลักการพื้นฐานของกฎหมายอย่างไร
อย่าหลงไปเรื่องอื่น การพูดเรื่องอื่นมันคือการตั้งธงแล้วหาเหตุผลมาใส่ ซึ่งคุณคิดว่ามันใช่ไหมล่ะ
นึกถึงเทพีปิดตาสิครับ นึกว่ามันสื่อถึงอะไร เราต้องไม่สนใจว่าผลจะเป็นเช่นใด เราตัดสินตามหลักการ
ที่มีเท่านั้น