จะว่าไปก็ใช่แหะ จำได้แลว่าตอนยย้าย ย้ายมาพร้อมกัน
ช่างแรก น้องหนุน ดูดีกว่านิดๆ นับ 1 ก่อนด้วยใช่ม่ะ
แต่พอไปโดนใบแดง กลับมาเหมือนจะไม่ดีเท่าเดิม

ขายหนูน ขายดิอาซ บักกัคพึ่งไม่ได้ ยังไงก็ควรเสริม จะใช้แต่ติเก้ไปจนจบหรอ บังโมก็แก่ละต้องมีช่วงฟอร์มดรอปบ้างและ

สำหรับผม 120 ลป คือ มากสุดละ!!

ถ้าจ่ายเกินนี้ ก็ไม่ค่อยแฮปปี้อ่ะ!!

เอาส่วนต่างไปเพิ่มค่าเหนื่อยดีกว่า!!

อาจจะเพราะเรื่องการอัพค่าเหนื่อยหลังจบซีซั่นไหมที่เคยตกลงกันไว้ แล้ว dof ดันมีปัญหากับผจก ทีม

ทีมบริหารเชื่อมั่น ผจก ทีม ปลด DOF แล้วแผนการขึ้นค่าเหนื่อยพัง ไปขอก็ไม่ให้เพราะบอกไม่ได้ตกลง คนตกลงออกไปแล้ว

แถมหา DOF ใหม่ไม่ได้ ผจก ทีม เอาหลานตัวเองมาทำงาน อิซัคมองแล้วทีมไม่ทะเยอทะยาน ก็เลยจะย้าย อันนี้มองมุมจากคนนอกที่ตามข่าวมาเรื่อยๆ

เพราะข่าวอิซัคไม่พอใจไม่ได้ขึ้นค่าเหนื่อยตามตกลง ออกมาก่อนข่าวจะย้ายอีก

ส่วนจะไปหงส์ทีมเดียวก็เข้าใจได้ นักเตะมันทะเยอทะยาน อยากเล่นในระดับสูงขึ้น มันจะไปทำไมลีคซาอุ

มันต้องการเงินเพิ่มและต้องการเล่นในระดับสูงด้วย เป้าหมายน่าจะเป็น UCL

แล้วต้องย้อนไปดูว่าทีมคุยกับอิซัคยังไงตอนให้เขาย้ายมา ขายโปรเจคเขาไว้แค่ไหน

ผมก็ว่าคงประมาณนั้น ถึงบางคนจะบอกไม่มีหลักฐานเรื่องที่อิซัคบอกว่านิวสัญญาไว้ตั้งแต่ผู้บริหารผู้หญิง
แต่ถ้าไม่มีมูลเลย นักเตะจะกล้าเอามาพูดเหรอ ถึงจะเป็นแค่สัญญาปากเปล่าก็ตาม

ตอนแรกหงส์ก็มองว่าอิซัคยากแหละมั้ง สัญญาเหลือเยอะจัด เลยไปคุยเอกิติเก้ไว้แล้ว
(เอกิติเก้มากดไลก์ไอจีสโมสรตอนเปิดตัวฟริมปง วันที่ 30 พ.ค.68
ซึ่งก็นานมากแล้ว และข่าวว่าคุยไว้ตั้งแต่ก่อนนั้นอีก ตั้งแต่มกรามั้ง)

จากข่าว เอกิติเก้อยู่ใน pipeline จะเซนต์อยู่แล้วครับ ไม่ได้เป็นทางเลือก
เรื่องนี้ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ทีมบอกว่างั้น สุดจัด

จากที่ผมเข้าใจ คนที่ระงับการคุยสัญญาใหม่คือ Paul Mitchell เอง
เพราะตั้งแต่เขาเข้ามา ทิศทางเปลี่ยนชัด — นักเตะทีมชุดใหญ่ที่เป็นผลงานตรง ๆ ของ Mitchell มีแค่ Will Osula ที่เหลือเน้นดาวรุ่งหมด
ไม่แปลกที่ Isak จะรู้สึกว่าแนวทางสโมสรเปลี่ยนไป หลัง Amanda Staveley ขายหุ้น และเจ้าของชุดใหม่เข้ามาแทน

ดังนั้น การไม่มี Dof แบบ Mitchell ต่างหากที่น่าจะเป็นผลดีกับ Isak
เพราะทำให้เขาได้คุยโดยตรงกับเจ้าของอย่าง Yassir และ Jamie Reuben
เรื่องค่าเหนื่อยจึงอาจเป็นแค่ “ข้ออ้าง” ขณะที่เรื่อง Dof ถูกอินฟลูเออร์เอามาปั่นหาเอ็นเกจเมนต์มากกว่า

ส่วนกรณี “หลาน Eddie Howe” ก็ถูกโยนเป็นแพะ เอามาล้อกันเกินจริง
ความจริงแล้ว Steve Nickson คือหัวหน้าฝ่ายเสริมทัพมานานแล้ว (เจ้าของไอเดียโจลินตัน 40 ล้านสมัยราฟา ที่ราฟาไม่เอาเพราะมองว่าแพงไป)
Andy Howe หลาน Eddie เพิ่งถูกโปรโมทขึ้นมาเป็นผู้ช่วยของ Nickson แต่ก่อนหน้านี้ก็มีบทบาทอยู่แล้ว
Eddie Howe เองก็ยืนยันว่า Andy มีส่วนในดีลที่สำเร็จหลายครั้ง ไม่ใช่ตัวปัญหาอย่างที่ถูกกล่าวหา

เพียงแต่ปกติแล้วเมื่อก่อนจะยังมี Dof อย่าง Mitchell มาคอยเคาะคอนเฟิร์มขั้นสุดท้าย
แต่ตอนนี้โครงสร้างเปลี่ยนเป็น Eddie Howe, Steve Nickson และ Andy Howe ร่วมกันตัดสินใจ

สำหรับดีลที่ล่มในตลาดรอบนี้ — ผมมองว่าผิดปกติแค่ “ตำแหน่งกองหน้า”
เพราะตำแหน่งอื่น ๆ สโมสรปิดดีลได้หมด (อย่างน้อยก็เป้ารอง)
สาเหตุหลักๆคือตามลายลักษณ์อักษรแล้วสถานะของ Isak ยังเป็นเบอร์หนึ่งชัดเจน และเจ้าตัวก็ไม่ยื่นขอย้ายอย่างเป็นทางการ
ในมุมมองของกองหน้าเกรดดี ๆ ก็คงมองว่าไม่ชัดเจน เกิดเซ็นต์มาแล้ว Isakกลับลำอยู่ต่อก็เหวอเลย
หรือจะไปเดลตรงๆให้ย้ายมานั่งสำรองแบบ Wilson ก็คงไม่มีใครกล้า
อย่างกรณี Liam Delap หรือ Strand Larsen ที่กำลังรุ่ง → ไปบอกให้มาเป็นแบ็กอัพ ก็คงตอบว่า “จะบ้าเหรอ” อยู่แล้วครับ

ท่านลืมเหตุการณ์โชต้าไปป่าวครับ เสีย 2 เลยน่ะจะแทน 1 ก็ใช่เรื่อง

บวกตอนนี้ลิเวอร์คั่วแชมป์มันส์ๆเลย ปสก.อะไรได้เปรียบเยอะมากแถมความสดความกระหายคนละเรื่องกับซิตี้เลย แต่ที่ผมช็อคนิดๆคือจะเสริมตัวละ 100กว่าถึง 2 ตัวเนี้ยแหละ โหดชิหาย

ยูสแฟนปืนท่านนี้ น่าคุยด้วยหน่อย ไม่ toxic แบบยูส2-3ยูสนู้นนน

ก็แสดงว่าง่ายๆ ไม่กว่าจะก่อนหรือหลังจากที่ Mitchell ออกไป สโมสรก็ไม่มีการเจรจากับอิซัคในเรื่องการอัพสัญญาอยู่ดี

เพราะอิซัคพูดเองว่าสโมสรรู้จุดยืนของเขามานานแล้วว่าเขาต้องการสัญญาใหม่ ในการอัพค่าเหนื่อย แต่สโมสรไม่กระตือรือร้นกับเจ้าตัว สำหรับผมนี่เป็นระเบิดเวลาที่รอระเบิดว่าอิซัคจะไม่ทนตอนไหนนั้นแหละ

คือเวลามันไม่น่าจะแค่ตอนไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่น่าจะมาตั้งแต่ปีก่อนที่มีข่าวอัพเกรดค่าเหนื่อยกอร์ดอนให้มีค่าเหนื่อยเยอะกว่าเจ้าตัวแล้ว

สโมสรวางอิซัคเป็นเอส เบอร์ 1 แต่กับอัพเกรดสัญญาให้ กอร์ดอนค่าเหนื่อยเยอะกว่าตนเอง แล้วดันมายกเลิกสัญญาที่จะขึ้นเงินเดือนไปอีก ผมว่าเรื่องนี้มันสะสมมา มันไม่ใช่พึ่งเกิดหรอก

เรื่องที่เจ้าของร่วมตามไปคุยกับอิซัคเพื่อเจรจาใหม่เนี่ยมันพึ่งเกิดวัน สองวันนี้เอง

เห็นด้วยครับว่าความไม่พอใจของ Isak มันสะสมมานาน โดยเฉพาะเรื่องค่าเหนื่อยที่ Gordon ได้มากกว่า
แต่ส่วนตัวผมมองว่า การที่สโมสรยังไม่รีบอัพสัญญาให้ Isak ไม่ได้แปลว่า “ไม่กระตือรือร้น”
แต่เป็นความระมัดระวังเรื่อง **Wage Structure** มากกว่า

ประวัติศาสตร์สอนเรามาหลายครั้งแล้ว
Leeds United เคยไปถึงรอบรอง UCL แต่ทุ่มค่าเหนื่อยเกินตัว สุดท้ายทีมแตกและตกชั้น
หรือ Aston Villa ที่อัพค่าเหนื่อยนักเตะชุดใหญ่จนเกินสมดุล พอพลาดตั๋ว UCL ไม่กี่ปี ก็เริ่มมีปัญหาการเงินทันที

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ Newcastle ภายใต้ PIF โดยเฉพาะเจ้าของใหม่จะเลือกคุมโครงสร้างค่าเหนื่อยไว้ก่อน
เพื่อให้ทีมยืนระยะในระยะยาว ไม่ซ้ำรอยเดิม
และการที่ Jamie Reuben ถึงขั้นไปคุยกับ Isak ถึงบ้าน ก็สะท้อนว่าสโมสรเห็นความสำคัญจริง ๆ
เพียงแต่ต้องรักษาสมดุลทั้งค่าเหนื่อยและบรรยากาศในทีมไปพร้อมกัน

ต่อให้มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกสิบครั้ง ผมก็ยังมองว่าคุ้มกว่าการเดินซ้ำรอยทีมอย่าง Leeds ที่ใช้เวลานับสิบปีกว่าจะกลับมาตั้งหลักได้

แต่ถ้าสาเหตุทั้งหมดเป็นเรื่องค่าเหนื่อยจริงอย่างที่ว่า
คำถามคือ… ทำไม Isak ถึงปิดประตู ไม่ยอมเจรจาเลย
ทั้ง ๆ ที่ผู้บริหารระดับเจ้าของยังมาคุยด้วยตัวเองถึงบ้าน แต่เจ้าตัวกลับยืนยันจะไปลิเวอร์พูลท่าเดียว?
ดังนั้นนี่เป็นปัญหาเรื่องค่าเหนื่อยจริงหรือ… หรือว่า Isak เองอาจไม่ได้พูดทุกอย่างออกมาหมดกันแน่ครับ