ถ้าเป็นเรื่องแฝดอาจจะพอเข้าใจได้ครับ
แล้วแรงโน้มถ่วงที่มากหรือน้อยที่ทำให้เวลาเดินช้ากว่าครับ

ผมชอบอันนี้แหะ ถ้าเราไม่รู้ว่ามีกลางวันหรือกลางคืนที่คอยบอกวันเวลา เราจะจับจุดเวลาได้ยังไง จะสร้างนาฬิกาจากอะไร

แบบใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ในกลางวันหรือกลางคืนเท่านั้น ถึงจุดนึงก็แก่ตายไปเฉยๆ โดยไม่รู้อายุ

พอมันอยู่นอกเหนือการนับได้ เวลามันเลยเหมือนเป็นสิ่งสมมุติไป

ในแง่ของทฤษฏีวิทยาศาสตร์อ่ะใช่ ที่คนมาถกเถียงกัน มันก็แค่ทฤษฏี แต่แยกไม่ออกหรอ ว่าอันไหนสื่อบันเทิงหรืออันไหนเป็นวิชาการ ลองยกตัวอย่างหนังไซไฟอวกาศที่สมจรงมาซักเรื่องซิเอาแบบสมจริงทุกองค์ประกอบ

หุ่น TARS สมจริงมากมั้ง

เรื่องเวลา ผมเข้าใจในแบบผมเองก็คือ

อย่างแรกเลย เวลาเป็นสิ่งที่กำหนดเป้นค่ากลางให้รับรู้เหมือนๆกัน โดนเราอิงจากมนุษย์ที่เป็นคนกำหนด

มาสู่ข้อต่อไป ถ้า สิ่งอื่นกำหนดเวลา อาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ แล้วใช้อะไรกำหนด และกำหนดไปเพื่ออะไร

และมาสู่ข้อต่อมา กำหนดเพื่อให้เรา รับรู้ ไม่อย่างนั้น เราจะไม่รู้อะไรเลย หรือไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเลย

แม้แต่กลางวันกลางคืนก็เป็นการกำหนดให้เรารับรู้

ถ้าเรากำหนดช่วงเวลาแบบกว้างๆ สำหรับมนุษย์ กว้างๆก็คือ ชั่วอายุคน ก็คือเกิดละตายก็จะประมาณ 70-80 ปี

แล้วถ้า ยุงกำหนด 1 ชั่วอายุ ของพวกมันเป็นมาตรฐาน นั้นคือ ตัวผู้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ตัวเมีย ประมาณ 1 เดือน

จะเป็นเวลาได้ไหม

เวลาเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว และมนุษย์ไปจัดสรร จำแนก หรืออ้างอิง เข้าถึง หรืออะไรก็ตามแต่ แต่เราก็ไม่สามารถเข้าใจเวลาได้จริงๆ

อย่างถ้าอ้างว่ากำหนดได้ เข้าใจได้ อย่างเช่น แสงที่เราเห็นจากดาวต่างๆ ในท้องฟ้านั้น เป็นภาพเก่า จากระยะเวลาที่เรามองดูแสงเหล่านั้น เป็นภาพเก่าล้านๆ ปีแสงมาแล้ว

ดังนั้นวัตตุที่เราเห็นต่อหน้าก็คืออดีตเมื่อ เศษเสี้ยวล้านนนน วินาทีของแสง

แล้วถ้าเรารับรู้ได้ไวกว่าแสง หรือเท่าแสง เราก็จะอยู่กับปัจจุบัน

สรุปเวลาคืออะไร หรือเวลามีเพื่อควบคุมให้เราได้รับรู้ ไม่ว่าการมีอยู่จริงของอะไรก็ตาม รับรู้อดีต รับรู้ปัจจุบัน และรับรู้อนาคต และเวลาเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย จริงหรือเปล่า

แล้วทำไมเราสามารถดูวิดีโอย้อนหลังได้ เพราะมีการบันทึกหรือ แต่มันก็มีเวลาควบคุมเหมือนกันนิ

ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน พอก่อนดีกว่า

หนังมันสอนให้เราคิดแบบวิทยาศาสตร์ครับ

เงื่อนไขตัวแปรในหนังมันจะเว่อร์ หลุดโลก เกินจริงไป ช่างมันก่อน
แต่มันยังอยู่ในพื้นฐานกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อยู่ดี

เคยเรียนตอนม.ต้นกันไหมครับ
สังเกต ตั้งสมมติฐาน ทดลอง เก็บข้อมูล+วิเคราะห์ สรุปผล

แล้วภาษาทางภาพยนตร์มันดี มีครบองค์ประกอบ มันเลยเป็นหนังที่ดีได้ไงครับ

นั่นไง พูดอย่างงี้ ผมติ่งโนแลนอีกป่าวอ่ะ
หมั่นไส้ผมหรอ ด่าผมดิ แซะผมดิ

แรงโน้มถ่วง ยิ่งมากยิ่งทำให้เวลาเดินช้าครับครับ ยกตัวอย่าง
ยอดภูเขา เวลาจะเดินช้ากว่า ตีนภูเขา ที่อยู่ใกล้ แรงโน้มถ่วง โลก

อันนี้ มีเหตุการณืที่เกิดขึ้นจริงคือการตั้งค่าเวลา จานดาวเทียมครับ ที่ต้องคอยตั้ง ให้ตรงโลก ตลอดเวลา เพราะ เวลาบนดาวเทียม จะ ช้ากว่าบนโลก จนทำให้คลาดเคลื่อน ครับ

เพราะงั้น ถ้าเอาตามหนังคือ ดาวที่อยู่ไกล้หลุมดัง จะมีแรง โน้มถ่วงที่สูง ทำให้ เวลา ที่นั้น ช้ากว่า เราที่อยู่บนโลก นี้

มันเป็น sci-fi+fantasy มาตั้งแต่แรกละ ที่ใช้ทฤษฏีหลายอย่างที่ไม่ได้รับการพิสูจน์จริงๆ wormhole งี้ black hole งี้ใครกล้าเอาตัวเองไปเสี่ยงมั้ยครับ ที่คนชื่นชมคือการใช้ practical effect ของโนแลนต่างหาก

ผมชอบมากเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ คิดลงไปลึกเกินไป ขนาดนี้

มีคนคิดมันสมจริงตอนไหนหว่า ผมไม่เคยได้ยินกระแสง่ามันสมจริงนะ

เสริมอีกนิด ไอเรื่องเวลาช้าเร็วนี่คือ

ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์นะ

มี2อันคือ1. สัมพัทธภาพทั่วไป ที่ในหนังพูดถึงคืออันนี้ คือแรงโน้มถ่วงเยอะเวลาเดินช้าลง

มันคืออันนี้เราชอบเห็นรูปหรือคลิป ที่มีกาลบิดงอรอบๆดวงดาวต่างๆอะ นั่นแหล่ะคือ การบิดงอของกาลอวกาศ



ส่วน2. สัมพัทธภาพพิเศษ

ที่บอกว่า ยิ่งเราเคลื่อนที่เร็วเท่าไหร่ เวลาก็ยิ่งช้าลง