ถ้าเอาในหนัง มันมีบอกแบบเป๊ะๆอยู่ของผมจำไม่ได้

แต่หลักง่ายๆที่ๆแรงโน้มถ่วงสูงๆ เวลาจะเดินช้ากว่า

ธรรมดา หลายๆอย่างมันก็มาจากจินตนาการของคนแต่ง+พยายามใส่วิทย์เข้าไป ยิ่งเป็นเรื่องจักรวาลที่มีหลายอย่างที่ยังหาคำตอบไม่ได้ก็เป็นแบบนี้แหละ

กรอบเวลาไม่เท่ากันฮะท่าน เอาจริงๆไม่ต้องถึงกับไปอาศัยดาวอื่น

เรื่องเวลามันสัมพันธ์กับความเร็ว แค่เราขึ้นจรวดออกนอกโลกด้วยความเร็วแสง วิ่งออกไปเรื่อยๆ

ระยะเวลาในจรวดกับเวลาโลก(คือเวลาที่โลกหมุน) ก็ไม่เท่ากันละฮะ..ร่างกายท่านก็จะอยู่ในกรอบของเวลาในจรวด

ถ้า assume ว่าเวลาในจรวด 1 ชม.เท่ากับเวลาบนโลก 1 วัน..เวลาของร่างกายท่านก็คือร่างกายที่อยู่ในจรวด 1 ชม.นั้นๆงัยฮะ

เมื่อท่านบินกลับมา สมมติว่าบินไป 100 วัน (2400 ชม.) กลับมาเจอคนบนโลก ก็คือเค้าอยู่บนโลกเป็นเวลา 2400 วัน (6 ปีกว่าๆ)

ดังนั้นร่างกายท่าน แก่ขึ้น 100 วันจึงไม่เท่ากับคนที่อยู่บนโลกที่แก่ไปแล้ว 6 ปี ประมาณนั้นฮะ

ถ้าตีความตามหนังอะ มันสื่อแบบนั้น
แต่ชีวิตจริงถ้าเอาตามที่คุยกันในทฤษฏีแรงโน้มถ่วง มันจะไม่ใช่แบบนั้น ยิ่ง G เยอะ ความเร็วมันก็น้อย ถ้าเอาตามทีผมดข้าใจนะ อย่างน้อย ซุปเผอ ฮีโร่อะ ถ้าเดอะแฟชมีเวลา 1นาทีเท่าเรา เดอะแฟช กินข้าว อาบน้ำ อ่านหนังสือครบหมดละ เรายังไม่ทัน กินข้าวเลย เพราะฉะนั้น ทฤษฏี ของไอน์สไตน ก็เลย บอกว่าถ้าเราเร็วขนาดใกล้อนันหรือแสง เราจะอยุ่เหนือกาลเวลาไง เพราะ เร้วมาก จะมีเวลาไปทำไม ทำทุกอย่างได้แบบ พริบตาเดียวหรือยิ่งกว่านั้น อันนี้ที่ผมเข้าใจนะคับ

ถามGEMINIมา
ในหนัง Interstellar เวลาบนดาวเคราะห์ของมิลเลอร์เดินช้ามากเมื่อเทียบกับบนโลก เพราะดาวดวงนั้นอยู่ใกล้กับหลุมดำ Gargantua ที่มีแรงโน้มถ่วงมหาศาลมาก ดังนั้น 1 ชั่วโมงบนดาวดวงนั้นจึงเท่ากับ 7 ปีบนโลก
ระบบในร่างกายและการทำงานของหัวใจ
คำถามของคุณที่ว่า "หัวใจและระบบไหลเวียนเลือดของเราตอนอยู่บนโลกกับอยู่บนอีกดาวนึง มันทำงานไม่เท่ากันเหรอ" เป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมครับ
คำตอบคือ ทุกระบบในร่างกายของเราจะทำงานสอดคล้องไปกับเวลาของสถานที่นั้นๆ ครับ
* เวลาที่ช้าลง ไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับนาฬิกา: การยืดหดของเวลา (Time Dilation) ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับนาฬิกาข้อมือ แต่มันเกิดขึ้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในกรอบเวลาเดียวกันนั้น รวมถึงระบบทางชีววิทยาในร่างกายของเราด้วย
* อัตราการเต้นของหัวใจก็ช้าลง: เมื่อคุณอยู่บนดาวเคราะห์ที่มีแรงโน้มถ่วงมหาศาล ทุกกระบวนการทางชีวเคมีในร่างกายของคุณจะช้าลงตามไปด้วย ซึ่งรวมถึง:
* อัตราการเต้นของหัวใจ
* อัตราการเผาผลาญอาหาร
* การเจริญเติบโตของเซลล์
* การแก่ชราของร่างกาย
ดังนั้น แม้ว่าคุณจะใช้เวลาอยู่บนดาวดวงนั้นเพียง 1 ชั่วโมง (ตามความรู้สึกของคุณและนาฬิกาบนดาว) และในขณะเดียวกันบนโลกผ่านไปแล้ว 7 ปี คุณก็ยังรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

เวลาทั้งสองที่ไม่เท่ากัน ยิ่งคุณเข้าไกล้ความเร้วเท่าไหร่ เวลา ของคุณจะช้า

ยกตัวอย่างแบบสุดโต่งไปเลยนะครับ ถ้าคุณอยู่บนยาน ที่ วิ่งด้วยความเร็วแสง แล้ววิ่งเพียง 1 วินาที
ในมุมของคนที่อยู่ในยาน เวลา จะเหมือนเพียงผ่านไปแค่ 1 วินาที

ในมุมคนบนโลก คือผ่านไปเป็นปี

ถ้าเอาตัวอย่างที่ไลก้เคียงสุด ของเคสนี้ คือเคสนักบินอวกาศครับ ที่ยานที่เค้าอยู่จะเคลื่อนด้วยความเร็วที่มากกว่าคนบนโลก เมื่อนักบินถูกส่งกลับมาบนโลก จะ หนุ่มหรือสาวกว่า คนในช่วงอายุเดียวกัน เคยมีเคสกรณีเทียบแฝด ที่ไปอยู่บนยาน และ แฝดที่อยุ่บนโลกครับ

เขาชื่อ Kip Thorne เขียนผิดทุกรอบ

ชอบมุข Saito ติด Limbo เกือบ 50 ปี ใน Inception

ประเด็นคือแฟนหนังหลายคนชอบอวยว่าเป็นไซไฟที่สมจริงที่สุด มีทฤษฎีต่างๆ นานาอ้างอิง ฯลฯ ทั้งๆ ที่ความจริงคือหนังมีช่องโหว่ของความจริงทางวิทยาศาสตร์มากมายชนิดโม้เจ็ดม้า แต่อาศัยภาษาทางภาพยนตร์ทำให้คนมองข้ามหรือมองไม่เห็นเรื่องนั้นไป

สำหรับผม แค่ฉากพระเอกลอยจากยานเข้าไปในหลุมดำนี่ก็ไม่ต้องพูดเรื่องความสมจริงใดๆ กันแล้ว ไม่นับเรื่องสภาวะภายในหลุมดำเอาแค่เรื่องของระยะทาง สเกลระยะทางตามหนังต่อให้พระเอกลอยจนตายไปร้อยรอบก็ยังไม่ถึงขอบหลุมดำ ไม่ใช่แค่ไม่กี่วินาทีไปถึงในหลุมดำแบบในหนัง

หนังมันแก้ปัญหาด้วยการบอกว่า ความรักเป็นมิติที่ 5 สามารถบิดเบือนกาล-อวกาศได้ จะยังคิดว่ามันสมจริงไปหมดได้อีกเหรอ

ได้ไง

ตามที่ดูและเข้าใจแบบบ้านๆเลยนะ

1.สิ่งมีชีวิตและสะสาร บนโลกจะถูกกระทำด้วยแรงโน้มถ่วงทำให้เราแก่กรือเสื้อม ลง
2.โลกหมุนรอบตัวเองทำให้เราสร้างสิ่งที่เรียกว่าเวลาขึ้นมา
3.พระเอกออกไปอยู่นอกโลก ซึ่งอยู่นอกเหนือปัจจัย 2ข้อข้างบน ทำให้ยังไม่แก่ และ ไม่ยึดโยงกับเวลา

เข้าใจแบบงงๆนะ

ผมว่าโนแลนก็ไม่ได้เคลมหนังตัวเองว่าสมจริงอะไรหรอกนะ

แต่ติ่งโนแลนนี่แหละที่อวยยับๆจนหลายๆคนอาจจะหมั่นไส้

ไม่สมจริงตั้งแต่เริ่มเลยมั้งที่มีมลภาวะคลุมโลก อีกอันก็เครื่องแช่แข็งร่างกาย

ในหนังสือ The Science of Interstellar เค้าก็อธิบายไว้ชัดนะ
ว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง แล้วไม่จริงแบบไหน เยอะเกินไปกว่าเท่าไหร่

ถ้าพูดถึงวันนั้น ยังไม่เคยมีภาพหลุมดำแม้แต่ภาพเดียว
ก็ต้องนับว่าโมเดลหลุมดำนี่ก็ไม่สมจริง เพราะสร้างจากสมการคณิตศาสตร์บวกกับทฤษฎี-กฏฟิสิกส์อื่นล้วนๆ

คลื่นโน้มถ่วงนี่ก็ยังเป็นแค่ทฤษฏี ที่ตรวจพบแบบอ้อมๆ ปี 74
ส่วนตรวจพบตรงๆ ก็ 1 ปีหลังจากหลังจากหนังฉาย

สุดท้ายมันคือ Sci-"Fiction" "Movie" ไม่ใช่สารคดี