ทำไม? #สองล้านเอาไม่อยู่ #เลี้ยงลูกบังเกิดเกล้า1คน
ของครอบครัวชนชั้นกลางไทย (Percentile 50) สมมุติเรียนโรงเรียนรัฐบาล, สุขภาพแข็งแรง, #ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนจบปริญญาตรี โดยอ้างอิงข้อมูลปัจจุบัน และข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ด้วยค่าเงินในปัจจุบัน 2568 ไม่มีการกู้ยืม:

ระยะตั้งครรภ์ (9 เดือน)
- ค่าใช้จ่ายรวม ≈ 40,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์ + ตรวจสุขภาพ: 15,000 บาท (เดือนละ 1,500–2,000 บาท)
- ค่าคลอดธรรมชาติโรงพยาบาลรัฐ: 10,000–15,000 บาท
- อุปกรณ์เตรียมคลอด (เสื้อผ้าเด็ก, เบาะนอน, อุปกรณ์อาบน้ำ): 8,000–12,000 บาท

ปีที่ 1–3 ปี (วัยทารก–สถานเลี้ยงเด็กเล็ก)
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ≈ 55,000–60,000 บาท/ปี
- ค่าเนอสเซอรี่รัฐ/ศพด.: 18,000 บาท/ปี (เดือนละ 1,500 บาท)
- ค่านมผสม + อาหารเสริม: 24,000 บาท/ปี (เดือนละ 2,000 บาท)
- ผ้าอ้อม + ของใช้จำเป็น: 14,400 บาท/ปี (เดือนละ 1,200 บาท)
- ค่ารักษาพยาบาล (เล็กน้อย): 3,000 บาท/ปี
- ค่าเสื้อผ้า + ของเล่น: 5,000 บาท/ปี

ปีที่ 4–6 ปี (อนุบาลรัฐบาล)
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ≈ 32,000–35,000 บาท/ปี
- ค่าเทอม + กิจกรรมอนุบาลรัฐ: 8,000–12,000 บาท/ปี
- เรียนพิเศษพื้นฐาน (คณิต/ภาษาอังกฤษ): 6,000 บาท/ปี (เดือนละ 500 บาท)
- ค่าเครื่องแบบนักเรียน + อุปกรณ์เรียน: 5,000 บาท/ปี
- ค่าเดินทาง + อาหารเสริม: 12,000 บาท/ปี
- ค่าทัศนศึกษา/เที่ยว: 2,000 บาท/ปี

ปีที่ 7–12 ปี (ประถมศึกษารัฐบาล)
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ≈ 38,000–40,000 บาท/ปี
- ค่าเทอม + หนังสือ + เครื่องแบบ: 10,000 บาท/ปี
- เรียนพิเศษเพิ่มเติม: 12,000 บาท/ปี (เดือนละ 1,000 บาท)
- ค่าเดินทาง (รถสาธารณะ/รับส่ง): 9,600 บาท/ปี
- ค่าอุปกรณ์เทคโนโลยี (แท็บเล็ตพื้นฐาน): 3,000 บาท/ปี (คิดรายปีตลอด 6 ปี)
- ค่าทัศนศึกษา/กิจกรรมนอกเรียน: 5,000 บาท/ปี

ปีที่ 13–18 ปี (มัธยมศึกษารัฐบาล)
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ≈ 62,000–65,000 บาท/ปี
- ค่าเทอม + ค่ากิจกรรมโรงเรียน: 15,000–20,000 บาท/ปี
- เรียนพิเศษติวเข้ามหาวิทยาลัย: 18,000 บาท/ปี
- ค่าโทรศัพท์มือถือ + อินเทอร์เน็ต: 6,000 บาท/ปี
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (ขนม, เสื้อผ้าทั่วไป): 24,000 บาท/ปี (เดือนละ 2,000 บาท)
- ค่าทัศนศึกษา/ค่ายพัฒนาทักษะ: 5,000 บาท/ปี

ปีที่ 19–22 ปี (มหาวิทยาลัยรัฐ + หอพัก)
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ≈ 106,000–110,000 บาท/ปี
- ค่าเทอมมหาวิทยาลัยรัฐ (สาขาทั่วไป): 20,000–25,000 บาท/ปี
- ค่าหอพักมหาวิทยาลัย: 30,000 บาท/ปี (เดือนละ 2,500 บาท)
- ค่าครองชีพ (อาหาร, เดินทาง, อินเทอร์เน็ต): 48,000 บาท/ปี (เดือนละ 4,000 บาท)
- หนังสือ + อุปกรณ์การเรียน: 8,000 บาท/ปี
- ค่าโทรศัพท์ + คอมพิวเตอร์พื้นฐาน: 10,000 บาท/ปี

สรุปค่าใช้จ่ายตลอด 22 ปี
1. ตั้งครรภ์ (0.75 ปี): 40,000 บาท
2. 0–3 ปี: 166,500 บาท (55,500 x 3 ปี)
3. 4–6 ปี: 99,000 บาท (33,000 x 3 ปี)
4. 7–12 ปี: 228,000 บาท (38,000 x 6 ปี)
5. 13–18 ปี: 372,000 บาท (62,000 x 6 ปี)
6. 19–22 ปี: 432,000 บาท (108,000 x 4 ปี)
รวมทั้งหมด ≈ 1,337,500 บาท
เมื่อปรับตามเงินเฟ้อปีละ 3%
เป็นเงินที่พึ่งเก็บได้ในอนาคตหากไม่มีลูกคือ 1.3375×1.03²² = 2.56 ล้านบาท

แต่นี่คือแบบพื้นฐานที่สุด ยังไม่รวมค่ารักษาเมื่อมีการป่วย เกิดอุบัติเหตุ ของเล่น ดูหนัง สวนสนุก และพาเที่ยว นะครับ

ปัจจัยที่อาจเพิ่มต้นทุน
- เงินเฟ้อการศึกษา: ค่าเทอมและค่าครองชีพอาจเพิ่มขึ้นปีละ 3–5% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจ
- ค่าเรียนพิเศษแข่งขันสูง: หากต้องการติวเข้าโรงเรียนชื่อดัง อาจเพิ่มเป็นปีละ 20,000–30,000 บาท
- เทคโนโลยีจำเป็น: คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเพิ่มค่าใช้จ่ายครั้งเดียว 15,000–20,000 บาท
- นโยบายช่วยเหลือรัฐ:
- เงินอุดหนุนบุตร 800 บาท/เดือน (ประกันสังคม) + 600 บาท/เดือน (พม.) สำหรับผู้มีรายได้น้อย
- ลดหย่อนภาษีบุตรคนละ 30,000–60,000 บาท/ปี

ข้อสังเกตสำคัญ
1. ช่วงที่ค่าใช้จ่ายสูงสุด: มหาวิทยาลัย (ปีละ 110,000 บาท) เนื่องจากค่าหอและค่าครองชีพอิสระ
2. ค่าซ่อนแฝง:
- ค่าเดินทางสะสมตลอด 12 ปีการศึกษา ≈ 200,000 บาท
- ค่าเครื่องแบบนักเรียน 15 ชุด ≈ 30,000 บาท
3. แนวทางการประหยัด:
- ใช้สิทธิประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค ลดค่ารักษาลง 50–70%
- เลือกโรงเรียนรัฐใกล้บ้าน ลดค่าเดินทาง
- ซื้ออุปกรณ์มือสองหรือรับของใช้จากเครือข่ายผู้ปกครอง
4. ผลกระทบเงินเฟ้อ: หากเงินเฟ้อการศึกษาปีละ 6% ค่าใช้จ่ายมหาวิทยาลัยในอีก 18 ปี ข้างหน้าอาจสูงถึง 350,000 บาท/ปี

> หมายเหตุ: ตัวเลขนี้เป็นค่าประมาณการขั้นต่ำสำหรับครอบครัวที่จัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่รวมเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ปัญหาสุขภาพรุนแรงหรือเปลี่ยนโรงเรียนกะทันหัน ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายอีก 15–20%

ตลอดเวลา 22 ปี หรือ 264 เดือนนึ้ ยังไม่รวม ค่าเสียโอกาสการทำงานของแม่ หลังหมดลาคลอดแล้ว 1 - 3 วัน ในแต่ละเดือน และของพ่อ 0.5 - 1 วัน ในแต่ละเดือน

ลอย ชุนพงษ์ทอง 14 สิงหาคม 2025
https://www.facebook.com/share/p/1AZBFwv93u/

คนที่มีลูกเกินครึ่งในทุกวันนี้ ไม่ได้คำนวณกันถึงขั้นนี้หรอก

เพราะถ้าคิดแล้วจะไม่อยากมีลูกทันที

จ่ายเงินปีละ 200,000 เอาไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟน 3-4 รอบ/ปี แทนดีกว่า

แต่สำหรับผมที่มีลูกสาววัย 5 ขวบ เงินไปเที่ยวญี่ปุ่นปีละกี่รอบก็ไม่สำคัญ

ได้หอมแก้มลูกทุกวันมานานหลายปี คือความสุขที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้

หมอนักชกบอก สบาย ๆ

เอาจริงๆ พื้นฐาน ต่อคน เอาตั้งแต่ เกิดถึง ปตรี เฉลี่ย น่าจะ 5 ล้านอัพนะ

จะมีดีไหมเนี่ย ลูกเนี่ย

มัธยมของรัฐ ต่อให้โรงเรียนประจำจังหวัด ค่าเทอมไม่ได้แพงขนาดนั้น

ถ้าไม่ได้ไปเรียน ห้องอีพี ห้องกิ๊ฟ

ขอบคุณครับ จากคนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีลูก ยิ่งเห็นอันนี้ยิ่งไม่อยากมีไปใหญ่

คนที่มีลูกเกินครึ่งในทุกวันนี้ ไม่ได้คำนวณกันถึงขั้นนี้หรอก

เพราะถ้าคิดแล้วจะไม่อยากมีลูกทันที

จ่ายเงินปีละ 200,000 เอาไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟน 3-4 รอบ/ปี แทนดีกว่า

แต่สำหรับผมที่มีลูกสาววัย 5 ขวบ เงินไปเที่ยวญี่ปุ่นปีละกี่รอบก็ไม่สำคัญ

ได้หอมแก้มลูกทุกวันมานานหลายปี คือความสุขที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้

มีเถอะฮะ แต่มีเมื่อพร้อม จะกี่คนก็ตามแต่ฐานะ

มีแล้วเราจะมีความสุขตอนเห็นเขาเติบโต มีพลังในการทำงาน + ใช้ชีวิต

กลับบ้านมาหอมลูกก็หายเหนื่อยแล้ว

กับลูก

เงิน+เวลา+ความใส่ใจ

ยิ่งถ้าโตขึ้นไปสร้างเรื่องสร้างราวไม่ดี

ชีวิตเรา=หายนะ

อยู่ที่แนวคิดด้วย เพื่อนผม วิศวะเงินเดือนเป็นแสน เอาลูกเรียนโรงเรียนประจำอำเภอ เคยไปกินเหล้ากับมันมันยังแซวลูกเข้า มปลายเรียนยุพราช ให้ได้นะ จะได้ประหยัดค่าเทอมเหลือหลักพันกลางๆ ก็ได้เรียน เรียนเก่งด้วย มันช่วยสอนเองลูกสองคน

ส่วนไอ้พวกเงินเดือน 2-8 หมื่นไม่อยากคิดมาก นู้นโรงเรียนเอกชนเบอร์ 1/2/3 ไม่ก็โรงเรียนนานาชาติทั้งนั้น

22 ปี ไม่รวมเงินเฟ้อ เงินต้นจริงๆแค่ 1.33 ล้าน และที่ + เงินเฟ้อ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลตอบแทน 3% ตั้งแต่ต้นและแน่นอนทุกปี

1.33 ล้าน แบบผ่อนจ่าย เทียบกับ ประสบการณ์ในชีวิต หรือได้ความสุขชนิดหนึ่งที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลก คนไม่มีจะชีวิตนี้ไม่มีวันเข้าใจ (ถ้าเลี้ยงแบบพ่อแม่ที่ดี และรักครอบครัวนะ)

ต่อให้รวมหลายๆอย่าง เงิน 3 ล้าน กับ 22 ปี ก็คงเลือกมีลูกเมื่อพร้อมระดับนึงเหมือนเดิมอยู่ดี

แม่ผม ลูก4 คิดๆ ดูกว่าแกเอาเรามาจนจบ นี่เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย

แม่ผมบ่นอยู่ทุกวัน เลี้ยงเอ็งมาหมดไปไม่รู้เท่าไหร่

ทำเอาผมตัดสินใจไม่อยาก งั้นกรูไม่มีลูก จบๆ

เพราะผมคิดว่าลูกก็คงไม่อยากได้ยินผมพูดแบบนี้กับเค้าเหมือนกัน

ผมเห็นด้วยนะ จริงอยู่ การมีลูก ย่อมมาพร้อมกับค่าใช้จ่าย แต่ความสุขที่เราได้จากการมีลูกมันก็ไม่น้อยเหมือนกัน

พอไป้ถียงกับจารย์ลอยว่าที่ค่าครองชีพแพงเพราะปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นปีละ 6-8% แบบทบต้น ไม่ใช่เงินเฟ้อ 3% แบบที่เข้าใจ และหนทางแก้คือให้รัฐเลิกพิมพ์เงิน ให้ประชาชนและรัฐถือ Bitcoin

แกจะบล็อกเราครับ

เพราะฉะนั้น ทางแก้คืออย่าไปเชื่อพวกนักเศรษฐศาสตร์สายเคนส์ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตและเงินเก็บจากน้ำพักน้ำแรงเราเสื่อมค่า แต่เราต้องมาเก็บ Bitcoin แทนนั่นคือทางรอด