ชาวบ้านถาม #ทำไมจนลงตั้งแต่ซื้อรถ? ค่าใช้จ่ายของการมีรถที่หลายคนคิดไม่ถึง ผมสรุปค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ แม้ซื้อรถที่ถึกทนซ่อมง่ายก็ตาม ผมสมมุติว่าคุณซื้อรถเก๋งสุดคุ้ม คือ Toyota Altis ปี 2010-2012 มือสอง ราคา 250,000 บาท ขับขี่ปานกลาง 15,000 กม./ปี มีค่าใช้จ่ายถึงเดือนละ 7,000 บาท คำนวณมาได้ดังนี้:

1. ค่าเสื่อมราคา (ต่อปี)
- ประมาณ 25,000–30,000 บาท/ปี
- รถมือสองราคา 250,000 บาท (อยู่ในกลุ่มปี 2010–2012)
- ค่าเสื่อมราคาเฉลี่ย 10–12% ต่อปี หรือ 25,000–30,000 บาท เนื่องจากรถอายุ 10–15 ปีจะเสื่อมช้ากว่ารถใหม่

2. ค่าน้ำมัน 15000 ก.ม. วิ่งในเมือง 50% (ต่อปี)
- ประมาณ 16,500–18,750 บาท/ปี
- สมมติประหยัดน้ำมัน 12–13.6 กม./ลิตร (เครื่องยนต์ 1.6–1.8L)
- น้ำมันเบนซินลิตรละ 33.75 บาท (ราคาเฉลี่ย ณ สิงหาคม 2025)
- คำนวณ:
- 15,000 กม. ÷ 12 กม./ลิตร = 1,250 ลิตร/ปี → 42,187 บาท
- 15,000 กม. ÷ 13.6 กม./ลิตร = 1,103 ลิตร/ปี → 37,226 บาท
- เฉลี่ย ≈ 39,700 บาท/ปี

3. ค่าบำรุงรักษา (ต่อปี)
- ประมาณ 6,000–12,000 บาท/ปี
- รถอายุ 10+ ปี: ควรเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญ เช่น โช้ค, ยางรองเครื่อง, น้ำมันเครื่อง (ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 15,000 บาทหลังซื้อ)
- บำรุงพื้นฐานรายปี:
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง+กรอง: 1,500–2,500 บาท
- ค่าซ่อมบำรุงช่วงล่าง: 2,000–3,000 บาท
- ยางรถยนต์ (เปลี่ยนทุก 3 ปี): เฉลี่ยปีละ 3,000–5,000 บาท

4. ค่าประกันภัย (ต่อปี)
- ประมาณ 4,500–6,500 บาท/ปี
- พ.ร.บ. (ภาคบังคับ): 600–700 บาท
- ประกันภัยสมัครใจ (ประเภท 2+ หรือ 3+): 3,900–5,800 บาท (คิดจากราคารถ 250,000 บาท)

5. ค่าต่อทะเบียนรถ (ต่อปี)
- ประมาณ 1,400–1,800 บาท/ปี
- รถเครื่องยนต์ 1,600–1,800 cc จัดอยู่ในกลุ่ม 1,501–1,800 cc
- ค่าภาษีรถยนต์ตาม พ.ร.บ. ยานพาหนะ:
- 1,400 บาท (รถเก๋งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง)

6. ค่าเสียโอกาสทางการเงิน คือเงินสดที่ลงไปครั้งแรก 250,000บาท หากนำไปลงทุนมีบันผล ประมาณเดือนละ 1000 บาท หรือหาไปกู้มา มีดอกเบี้ยที่ต้องเสียไป ถ้ากู้ยืม ประมาณเดือนละ 2000 - 2500บาท

สรุปค่าใช้จ่ายรวม #ต่อปี (บาท)
ค่าเสื่อมราคา 25,000–30,000
ค่าน้ำมัน 39,700
บำรุงรักษา 6,000–12,000
ประกันภัย 4,500–6,500
ต่อทะเบียน 1,400–1,800
ค่าเงินปันผลหรือดอกเบี้ยที่ควรได้ 1,000 บาท (ถ้ากู้มาให้คิด 2000 บาท จนกว่าผ่อนหมด)
รวม = 77,600–91,000

#ค่าใช้จ่ายต่อเดือน ≈ 6500–7,600 บาท
#ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร ≈ 5.2–6.1 บาท
เทียบค่าแท็กซี่
15 ก.ม. #ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร ≈ 8.9 บาท
7 ก.ม. #ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร ≈ 11.2 บาท
ถ้าเดินทางปีละมากกว่า 8,000 ก.ม. ซื้อรถขับ จึงจะคุ้ม อันนี้จะ ขึ้นกับค่าที่จอดรถด้วยนะครับ

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
1. ต้นทุนซ่อมฉุกเฉิน: รถอายุมากอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น เปลี่ยนแบตเตอรี่ (2,500–3,500 บาท) หรือระบบแอร์ (3,000–5,000 บาท)
2. ควรสำรองเงินประมาณ 10–15% ของราคารถ (25,000–37,500 บาท) สำหรับซ่อมใหญ่ครั้งแรกหลังซื้อ เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายกะทันหัน
3. ค่าจอดรถ ก็สำคัญ สำหรับคนกรุงเทพ ตัองนำมาคิดด้วย

ผมให้หลักคิดง่าย ๆ ถ้าคุณจ่ายค่าแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ไม่ถึง เดือนละ 6,700 บาท และมักเดินทางไม่เกิน 12 ก.ม.
หรือ ใช้รถต่ำกว่าปีละ 8,000 กิโลเมตร ไม่คุ้มที่จะซื้อรถมาขับ (แม้ใช้รถสุดทนอย่าง Altis มือสองก็ตาม) แนะนำให้ใช้รถแท็กซี่ Grab Bolt รถประจำทาง รถไฟฟ้า วินมอเตอร์ไซค์ ครับ แต่หลังมีรถแล้ว คนมักเดินทางเพิ่ม มากกว่าปีละ 8000 ก.ม. จะกลายเป็นว่า 15,000 ก.ม. คือขั้นต่ำ และเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก

ลอย ชุนพงษ์ทอง เรียบเรียง 11 สิงหาคม 2025
https://www.facebook.com/share/p/15s6kZJB4g/

=========

สรุปจากบทความ

ระยะทางรวม: 15,000 กม./ปี

แบ่งเป็น

ในเมือง 50% → 7,500 กม./ปี → เฉลี่ย 20 กม./วัน

นอกเมือง 50% → 7,500 กม./ปี → เฉลี่ย 20 กม./วัน

รวม ๆ แล้วก็คือ ขับวันละประมาณ 40 กม. ครึ่งหนึ่งในเมือง ครึ่งหนึ่งนอกเมือง

ถ้าประเทศไทย ต้นทุนของประชาชนถูก และเข้าถึงได้ง่าย ด้วยราคาที่รัฐสนับสนุน

เหมือนต่างประเทศหลายประเทศค่าเดินทางถูก และเข้าถึงทุกที่ คนก็จะเลิกใช้รถยนต์เอง

แต่สุดท้ายแล้ว ก็ด้วยคำว่าประเทศไทยเนี้ยแหละ นิสัยคนไทยเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่

ก็เลยไม่แปลกที่เมืองไทยจะเต็มไปด้วยรถยนต์ แถมเข้ามาขายด้วยราคาที่แสนจะแพง(เพราะภาษี)

แต่คนไทยก็พร้อมจ่ายในขณะที่ รายได้ขั้นต่ำ ก็ไม่สอดคล้องกับ สินค้า มันจึงเป็นที่มา

ของหนี้เสียที่มีเยอะมากมาย นี้ผมบ่นอะไรอยู่เนี้ย สงสารประเทศตัวเองจริงๆ

ผมซื้อรถมาปีนึงละ ขับยังไม่ถึง 5 พันโลเลย ควรขายไหมครับ

ถ้าประเทศไทย ต้นทุนของประชาชนถูก และเข้าถึงได้ง่าย ด้วยราคาที่รัฐสนับสนุน

เหมือนต่างประเทศหลายประเทศค่าเดินทางถูก และเข้าถึงทุกที่ คนก็จะเลิกใช้รถยนต์เอง

แต่สุดท้ายแล้ว ก็ด้วยคำว่าประเทศไทยเนี้ยแหละ นิสัยคนไทยเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่

ก็เลยไม่แปลกที่เมืองไทยจะเต็มไปด้วยรถยนต์ แถมเข้ามาขายด้วยราคาที่แสนจะแพง(เพราะภาษี)

แต่คนไทยก็พร้อมจ่ายในขณะที่ รายได้ขั้นต่ำ ก็ไม่สอดคล้องกับ สินค้า มันจึงเป็นที่มา

ของหนี้เสียที่มีเยอะมากมาย นี้ผมบ่นอะไรอยู่เนี้ย สงสารประเทศตัวเองจริงๆ

ขายเลยครับ ตอนได้ราคาดี คุณใช้น้อยมาก

ถ้าคิดได้แบบนี้ก็ดีแต่ส่วนมากคิดว่ารถยนต์คือมาตรฐานหน้าตาความสำเร็จทางสังคมแล้วคิดรายจ่ายแค่ค่างวดหักเงินเดือนเหลือๆ

เคยผ่อนรถ 13k ตอนเงินเดือน 20k ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็ออกรถอยู่ดี

บางคนรถมันไม่ใช่แค่พาหนะ มันเป็นอะไรมากกว่านั้น

ผมชอบขับรถ ชอบเดินทาง ชอบพื้นที่ส่วนตัว ชอบฟังเพลงตอนขับรถ หรือเวลาเครียด เศร้า การได้นั่งในรถคนเดียวมันก็ได้คิดอะไร

ผมก็เคยคิดแบบท่านนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ช่างมันเถอะ เอาที่เราสะดวกไว้ก่อน อยู่ ตจว. จะเดินทางไปไหนที รถยนต์โคตรสำคัญเลย รถประจำทางมันไม่ได้เข้าถึงทุกหมู่บ้านขนาดนั้น แล้วสำหรับผม สมัยนี้ขับรถมอไซด์มันอันตรายไงไม่รู้

ทำไมเอาค่าเสื่อมราคามารวมเป็นค่าใช้จ่ายล่ะ ราคารถตกก็ไม่ได้จะต้องให้เจ้าของจ่ายเพิ่มนะ
ค่าน้ำมันแพงติดแก๊สเอา

เห็นด้วยครับ ต้นทุนขนส่งก็แพงเพราะใช้ถนนเป็นหลัก รางแทบจะไม่ได้ซัพพอร์ทอะไรเลย ไม่แน่ใจว่าถ้ารางคู่เริ่มเสร็จแล้วจะเพิ่มกำลังตรงนี้ได้ไหม ส่วนเรื่องการเดินทางผมอยู่นิวซีแลนด์ถ้านั่งเฟอร์รี่ข้ามฝั่งมาต่อบัส ค่าเรือคิดเต็ม แต่ค่าบัสถ้าอยู่ในเวลาคิดไม่ถึงครึ่ง บัสเองก็เหมือนกันถ้าต่อ ๆ กันเป็นทอด หรือไปกลับแบบไปซื้อของ 20 นาที นั่งบัสกลับเลยขากลับคือนั่งฟรี ที่นี่มีบัสเลน บัสที่ตรงเวลา สามารถเช็คก่อนออกจากห้อง หรือป้ายได้เลย แถมบัสเยอะมาก ถึ่สุด ๆ บางทีทั้งคันนั่งแค่สามสี่คน เขาผ่านจุดสำคัญ ๆ หมดทั้งของรัฐ และเอกชนเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้งาน

เมื่อก่อนตอนไม่รู้ราคารถเมืองนอกก็อยากซื้อ พอรู้ราคาที่อื่นเค้าซื้อกันก็เลิกคิดจะซื้อรถแพงๆใช้เลย(ยิ่งเทียบค่าแรงที่นั่น) ส่วนตัวผมไม่รวยจนคิดว่าการจ่ายภาษีหลักล้านให้ประเทศนี้มันโอเค ได้แต่สงสัยว่าทั้งๆที่มันเป็นสิ่งจำเป็นของคนในประเทศทำไมต้องมาตั้งภาษีแพงๆไร้สาระ

เดี้ยวนี้ถ้าใน กทม.การเดินทางสำหรับผม ความจำเป็นในการใช้รถยนต์น้อยลงมากเลย มีทั้งรถไฟฟ้า มีทั้งแก็ปที่เรียกได้แทบทุกที่ ซื้อของตามห้างก็ไม่ต้องไปขนมาส่งถึงหน้าบ้าน อาหารไกลๆก็สั่งแอปเดลิเวอรีเอายอเสียค่าส่ง ค่าgp ไป

คำนวณแบบนี้ ไม่เอาอรรถประโยชน์ของการมีรถส่วนตัวมารวมด้วย

วันฝนตก จะ grab จะ bolt ก็ไม่มีทั้งนั้น
ไม่ต้องพูดถึงรถสาธารณะ

เหตุฉุกเฉิน เรียกรถมารับอาจได้ไม่คุ้มเสีย

เข้าใจว่าคนเขียนอยู่อเมริกา ก็ซื้อรถใช้เหมือนกัน
คำนวณเอาหล่ออย่างเดียวไม่สนความจริง

กรณีที่คุณซื้อรถไหวรุ่นอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณมีรถมันไม่เกี่ยวเลยว่าจะเปลืองเงิน ผ่อนหมดคุณก็มีรถ 1 คัน ถูกไหม
เวลาคุณเจ็บป่วย จะไปไหนมาไหนมันดีกว่ายืนรอรถเมล์หรือไม่ ถามใจดู

บอกว่าถ้าขับรถไม่ถึงกี่โลไม่คุ้มให้ไปใช้โดยสารสาธารณะ เอาเงินที่โดยสารมาบวกเพิ่มอีกนิดก็ผ่อนรถได้แล้ว
เป๋าแฟบไม่แฟบ มันอยู่ที่การใช้งานผมว่าข้อความแบบนี้มันดูเลอะเทอะเกินไป

สำหรับคนที่บ้านลึกเข้าไปจากถนนใหญ่หลายกิโล มีแค่ทางเลือกเดียวคือรถส่วนตัว

แต่ผมใช้รถในการหาเงิน ติดต่อลูกค้า ส่วนตัวเลยมองว่ามีความคุ้มค่าอยู่ จริงๆเคยคำนวนจ้างแท๊กซี่แล้วแท๊กซี่จะประหยัดในระยะยาวกว่าก็เถอะ

เก็บไว้ใช้