โคตรบ่งบอกเลยว่า แมนยูนี่แม่งถ้าเป็นคนคือมหาเศรษฐี รวยจริงไม่จริงแม่งวัดที่เครดิตนี่แหละ ไม่มีใครเอาเงินสดไปถม แต่ได้โปรด ช่วยใช้เงินให้มันตรงจุดหน่อย(ปีนี้ถือว่าตรงทุกจุด แต่แค่เสียดายก่อนหน้านี้)

เหมือนเวลาที่เราเซ็นเช็คเพื่อจ่ายสินค้า แล้วอยากขยายวงเงิน
ต้องไปธนาคารครับ
ขยายวงเงิน OD (Overdraft)

เหมือนที่เจ๊ดำกับจ่าเม้งพูดมาตลอด แมนยูนี่อยู่ที่ว่าจะใช้วิธีไหนในการใช้เงินเท่านั้นเอง

เห็นเปลี่ยนโค้ชทีไร นักเตะมรดกจากโค้ชเก่าเอามาต่อยอดไม่ได้ซักตัวเลยนะ

เอาจริงๆ ถ้าไม่ใช่โค้ชระดับ อันเช่ คล็อป เปลี้ยนโค้ชมีแต่ต้องโล้ะนักเตะหมดอะ

นี่ต้องชมทีมงานหลังบ้านด้วยนะเนี่ย
ปีนี้ต้องเอาโควต้า UCL เท่านั้นแล้วแบบนี้ ถ้าไม่ได้นี่หนักแน่ๆฤดูกาลถัดๆไป

บัตรเครดิต ซูเปอร์สพรีมแพตินั่มวิตดอม

ืทีมอื่นบริหารบัญชีกับแทบตาย ทีมพรี่กดสูตรอยู่ทีมเดียวเลย จะบ้า

ใช่ครับ รอบนี้เลยต้องเลือกนักเตะที่เล่นได้หลายแผนด้วย

ถ้าริมบิน คงต้องหาโค้ชที่ใช้นักเตะพวกนี้ต่อได้ทันที เพราะเปลี่ยนไม่ได้แล้ว 555

พ่อมดการเงิน

เดี๋ยวจะเหมือนบาร์ซ่าไหม หนี้เพิ่มเรื่อยๆ จนบริหารไม่ไหว ต้องมาลุ้นลงทะเบียนนักเตะกันทุกตลาด

บริหารเสี่ยงเหมือนกันนะ

น่าจะคล้ายๆกับ การขยายเพดานหนี้สาธารณะ
ที่ช่วงนี้ศัพท์ทางข่าวการเงินโลกพูดๆ กัน

ราชาเงินผ่อนของแทร่

ไม่เหมือนครับ บาร์ซ่าติด SCL คล้ายกับ PSR เป็นกฏการเงินของลีกเหมือนกันแต่ใช้หลักคิดต่างกัน



กรณีของ MUFC นี้จะเป็น Revolving Credit Facility ซึ่งคล้ายกับวงเงินในบัตรเครดิตใช้เมื่อไหร่เป็นหนี้กับทางสถาบันการเงินเมื่อนั้น เป็นการเสริมสภาพคล่องทางกระแสเงินสดให้กับทีมเมื่อต้องการใช้ คาดว่าจะอาจจะใช้หุ้นค้ำประกันวงเงิน

ต่อให้มี RCF 1,000 ล้านก็ไม่น่ากลัวเพราะจะยังไม่ถูกนำมาคิดใน PSR จนกว่าจะมีการหยิบเอาเงินจาก RCF มาใช้ในกิจการของสโมสรเช่นกรณีนี้จ่ายเงินค่าตัวงวดแรกของบาเลบา 50-60 ล้านปอนด์ ลงในรอบบัญชี PSR ฤดูกาล 2025/2026

แนวทางการบริหารทีมตอนนี้ Ineos คงจะมีตัวเลขในมือทั้งหมดแล้วโดยที่ไม่คิดเรื่องรายได้บอลยุโรป จะแตกต่างจากเกลเซอร์ที่คาดหวังเงินในอนาคตที่จะได้รับจากบอลยุโรปทำให้ทีมเจอปัญหาแบบที่ผ่านมา เหมือนเราทำงานคิดจากฐานรายได้ของเงินเดือน ไม่คิดโบนัสหรือเงินพิเศษอื่นๆแล้วมาวางแผนการใช้จ่ายครับ

ตอนนี้เหลือแค่โค้ชว่าจะพาทีมไปได้ไกลแค่ไหน ถ้าปีนี้ติด 1-5 ได้ก็ถือว่ารอดตัวไป แต่ถ้าไม่ความชิหายมาเยือนแน่นอน