สรุปให้น้าที

สรุปเลยนะฮะน้า มีรูปผู้หญิงแจ่มๆมั้ยฮะ จะเซฟเก็บไว้วิจัยฮะ

อันนี้ไม่รู้เลยฮะ ว่าตอนสัมภาษเค้าตกลงกันยังไง เค้ามาโพสไว้เนื้อหามีแค่นี้ อยากเข้าไปอ่านต่อเหมือนกัน แต่ผมหาโพสไม่เจอแล้ว

ต้องเริ่มคำถามง่ายๆก่อนเลย

ใน ปสก การทำงาน มีใครทำงานนอกเหนือกว่า job description ไหม

ผมว่าส่วนใหญ่ทำมากกว่านั้น

และในทางตรงกันข้าม เราก็ทำน้อยกว่านั้นด้วยเช่นกัน เช่น บางวันเราทำ 150% บางวันเราฟรีเดย์ว่างๆเลย ไรงี้

โห้ น้าก็หาอยู่เนี่ย เพิ่งเจอสาวที่ร้านกาแฟ ตอนนี้หาเรฟยากมาก

อันนี้มันเรื่อง jd เรื่องขอบเขตงาน เรื่องวันไหนทำงานเยอะน้อยอันนั้นมันเรื่องปริมาณงาน น่าจะคนละประเด็นกันครับกับเคสต้นเรื่อง

ส่วนเรื่องทำนอกเหนือ jd มีมั้ย มันก้ต้องมีนั่นเเหละ เเต่ถ้ามันคนละ scope เลย มันก้ไม่น่าโอเคมั้ง ทีเ่ห็นบ่อยๆเช่น ใน jd รับมาตัดต่องาน เเต่อยู่ๆพ่วงเป็นแอดมินตอบลูกค้างี้ พ่วงวางเเผนกลยุทธการขายงี้ อันนี้มันคนละสโคป

อย่างดราฟเเมนถ้าพูดตามจริงมันก้เกือบคนละสโคปกับสถาปนิกเหมือนกันนั่นเเหละ

และงานอื่นๆตามที่ได้รับมอบหมาย >>> อันนี้แหละถ้าผู้สมัครอ่านเจอเตรียมตัวไว้เลยว่าจะเจองานที่อยู่นอกเหนือ JD แน่นอน

ขนาดบริษัทที่ผมทำทุกวันนี้ไม่มีระบุงานอื่นๆตามที่ได้รับมอบหมายไว้นะ ยังต้องทำนอกเหนือจากสิ่งที่ทำเลยเพียงเพราะผมเคยทำได้ แค่นั้นเลย

จริงๆเป็นเรื่องข้อตกลงสภาพการจ้าง+รายละเอียดงาน(JD)
ถ้ามีการแจ้งไว้ก่อนล่วงหน้า อันนี้ บ.ไม่ผิดครับ
ถ้าไม่แจ้งผมมองว่า ผิดแน่นอน

ต้องไปดูข้อเท็จจริงเนื้อหางาน+JD ที่ระบุไว้ของตำแหน่ง

สั่งเกิน JD มันมีอยู่แล้ว แต่หลายเคสก็ยอมรับกันได้บ้าง

แต่ถ้า JD ที่นอกเหนือจากเดิมแบบแทบจะพรีเมียมเนื้อ A5 แต่จ่ายเพียงราคาเนื้อตี๋น้อย อันนี้ก็น่าโมโหอยู่นะ

และ culture ไทยๆ ก็มักจะชอบทำแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติไปละครับ

เขาไม่ให้ผ่านโปร คือเราไม่เปนที่ต้องการของเขา จะออกมาบ่นทำไม

เดาว่าเงินน่าจะดีจนรุ้สึกผิดหวัง แต่ถ้าเงินดีแสดงว่าเขาก้อต้องการงานที่มากกว่าที่ทำได้

บริษัทผิด แต่ทำถูก

คือบริษัทผิดที่รับคนไม่ตรงความต้องการของทีมเข้ามา
แต่เคสนี้เป็นกันทั้งโลกแหละ บริษัทไหนบ้างไม่เคยรับคนผิด

ส่วนที่ทำถูกคือ รู้แล้วว่าไม่ตรงความต้องการ ฝืนใช้งานต่อไปก็เสียเวลาทั้งบริษัท ทั้งคนทำงานเอง
ซึ่งผมมองว่าช่วงโปรมันก็ตอบโจทย์นี้อยู่ คือถ้าไม่ใช่คนที่ใช่ หรือไม่ใช่งานที่ใช่ ก็จากกันด้วยดี
คนทำงานไม่จำเป็นต้องมองว่าใครผิดก็ได้ แค่ความต้องการไม่ตรงกัน แต่ก็เข้าใจความรู้สึกโดนบอกไม่ผ่านแหละ

ที่น่าสงสัยคือวิธีบอกไม่ผ่านโปร มันมีตำราเรื่องนี้อยู่ในการบอกอย่างเห็นอกเห็นใจคนทำงานด้วย
ไม่ใช่ไปบอกเค้าว่าคุณมันแย่ คุณมันทำได้แค่นี้เอง

ใช้งานไม่ตรงกับอาชีพหลักของเค้า บริษัทไม่ผิดแล้วใครจะผิดวะ

มันต้องผ่านสัมภาษนิ สัมมาถ้าไม่พูดถึง แปลว่า บริษัทผิด ถ้าพูดถึงแต่รับว่าทำได้แปลว่าเทรนนีผิด ประมาณนั้นแล แต่ท้ายที่สุดถ้าทำได้แต่ช้าหรือมีแววว่าทำได้ แปลว่าสถาปนิกผิด เพราะเอางานตัวเองที่เป็นซีเนีย หรือหัวหน้างานไปให้จูเนี่ยหรือลูกน้องทำแล้วตัดสินทันที แทนที่จะประเมินตามศักยภาพที่จะพัฒนาได้หรือไม่ ผมไม่สนนะว่าวัฒนธรรมแบบไหน มันต้องดูศักยภาพแฝงในงานด้วยอะ สำหรับคนเป็นหัวหน้างาน ไม่งั้นจะต้องเอาคนมาลองผิดถูกไปจนตายแบบนี้ ตอนสัมก็เอาโปรแกรมมากางให้ลองทำเลย