เพดานค่าเหนื่อยต่ำ ถ้าสร้างชื่อเสียงฟอร์มดีแล้วทีมใหญ่กว่าอยากได้ตัวก็ย้ายออกยากเพราะเจ้าของไม่เดือดร้อนเงินเลย

เล็งตัวไหนไว้ ดันเจอบิดแข่งหมด แถมชื่อชั้นเหนือกว่า ถึงจะฟอร์มไม่ดีก็เถอะ

ครั้นจะไปมองเกรดรองลงมา คงมองว่าไม่ได้ช่วยยกระดับทีมเพื่อสู้ในศึก ucl

เหมือนแมนซิ ยุคแรกๆ ที่ถูกเทคอะ

ตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครยากมา ดีลแรกเลยคือ โรบินโย่ก้เอาเงินไปฟาดมา

แต่ตอนนั้นไม่มีกฏการเงิน ตอนนี้มันมีกฏการเงินเข้ามา เลยทุ่มไม่ได้

ต้องค่อยๆ หาสปอนแบบแมนซิ โยกเงินกระเป๋าซ้ายมาระเป๋าขวา เด่วก็มีตัง

ไป ucl บ่อยๆ เด่วก็มีนักเตะอยากมา

แบรนด์มันไม่น่าดึงดูดไงครับ

เทียบกับทีมท็อปๆมันสู้กันยาก ได้เตะ UCL แล้วไง ปีนึงคุณได้เตะ 8 เกม อาจจะบวกเพลย์ออฟไปอีก 2 ก็สิบกว่าเกม แค่นั้นแหละ ปีถัดไปไม่มีใครรู้จะได้มาอีกไหม

แล้วทีมตัวเองแบรนด์เล็กกว่า เพดานค่าเหนื่อยน้อยกว่า นักบอลเอาชื่อเสียงตัวเองไปต่อยอดก็ได้น้อยกว่า

คือมันไม่เหมือนแบรนด์ใหญ่ชนกันแล้วมี UCL เป็นแต้มต่ออะ ก็เหมือนวิลล่าปีที่แล้วนั่นแหละ

เหมือนเปลี่ยนผู้บริหารบอลไป3คนละป่ะปีก่อนจนถึงตอนนี้ งานไม่ราบลื่นเท่าไหร่ ค่าเหนื่อยก็สู้ท๊อปทีมที่มีพาวเวอร์เก่าไม่ได้ จ่ายได้ไม่เท่ากัน พอมีทีมแบบนั้นมาสู้ค่าเหนื่อยก็สู้ไม่ได้เป็นอย่างแรกแล้วเหมือนขายโปรเจคแล้วนักเตะไม่ค่อยซื้อด้วย ผลงานดีเร็วเกินไปหาตัวท๊อปไม่ได้ต้องเป้ารองๆที่ทรงดีๆหวังจะให้เก่งขึ้นน่าจะดีกว่า กับรั้งตัวหลักเก่าให้ได้

ดูสิงห์สิ บารมีเก่าเยอะจริง หงส์ด้วย แต่หงส์ตอนนี้ติดลมบนไปแล้ว

ไม่มี DOF

ยังใช้หลานกุนซือไปตามดีลนักเตะเลย

เอาตรงๆ ถึงตอนนี้ถือว่าสอบตกโคตรๆ เพราะแพ้ทุกทีมที่ไปสู้ด้วยเลย

Money Can't Buy Class

หลักๆคือเพดานค่าเหนื่อยโดนPSRจำกัดไว้ ไม่เหมือนMan cityยุคก่อนยังไม่มีกฏ

ทีมที่บิดสู้แล้วไม่มามีแต่ทีมใหญ่ๆบารมีสูง ค่าเหนื่อยเยอะ


อิซักถ้านิวให้ค่าเหนื่อยซัก250k ไม่มีมางอแงแบบนี้หรอก

ถ้านิวรักษามาตรฐานปัจจุบันไว้ได้สัก 4-5 ปีผมว่าถึงตอนนั้นนักเตะน่าจะมองเยอะขึ้น

ตอนนี้แมนยูกินชื่อเสียงล้วนๆ

เรื่องนี้ยาวเลยครับ ในมุมแฟนแมนยูนะ ผมว่ามันต้องอิงโมเดลของเชลซีกับแมนซิตอนเริ่มสร้างทีม
สร้างทีมจากการทุ่มค่าเหนื่อน หรือค่าตัวเพื่อสร้างทีมก่อน เพดานค่าเหนื่อยเชลซีแมนซิตอนนั้นสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเงินเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว นำเข้านักเตะมากให้ได้ก่อน เพื่อสร้างฐาน
ตอนนี้ทีมใหญ่มีเชลซีที่คุมค่าเหนื่อยโดยรวมได้ดีที่สุด นิวก็อยากทำตาม แต่ลืมอะไรรึเปล่าว่าทำยังไม่ได้อยู่ในจุดที่เชลซีอยู่เลย มันดึงดูดนักเตะแบบเชลซียังไม่ได้
โอเคเข้าใจว่ากฎการเงินสมัยนั้นกับสมัยนี้มันต่างกันจะขยับไปขนาดนั้นก็ไม่ไหว แต่นี่นิวแทบจะไม่ยอมขยายเพดานตัวเองเลย ทุกวันนี้นิวค่าเหนื่อยรวมทั้งทีม เท่ากับเชลซีกับแมนซิเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

แล้วอีกอย่างตอนนี้พอ Paul Mitchell ลาออกจากตำแหน่ง DOF ตอนนี้ก็ยังไม่มีคนมาทำตำแหน่งนี้จริงๆจังๆเลย การเจรจามันเลยออกมาแบบนี้ เป็น Eddie Howe เองที่ต้องไปคุยกับฝ่านเจรจาก็ใช้ Jack Ross กับ Sudarshan Gopaladesikan ที่เป็น ผอ.เทคนิคกับผอ.ยุทธศาสตร์ฟุตบอลไปคุย เหมือนแมนยูยุคเอ็ดกับเมอร์เทอร์เลย เน่างี้แหละคุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง แต่มันเก่งเรื่องทุ่มค่าตัว ทุ่มค่าเหนื่อยกับแบรนดิ้งสูง เลยซื้อตัวได้
แต่นิวจะไม่หนักเท่าแมนยู ที่คนฟุตบอลยังมี แต่คนฟุตบอลที่เก่งเจรจากับซื้อขายไม่มี ส่วนแมนยูตอนนั้นไม่มีคนฟุตบอลเก่งๆเลย มีแต่สายการเงิน การตลาด ก็เน่า

นิวปีนี้ดูไม่เสริมเท่าไหร่เลย
มีแค่อีลันก้าเองไหม

เพราะเชสโก้มาก็คือแทนอิซัค

นักเตะคงมองว่าทีมไม่น่ายืนระยะได้ยาว ยิ่งมีข่าวอิซัคเอสของทีมอยากย้ายทีมอีก ทีมที่จะยืนระยะได้มันต้องรั้งเอสของทีมให้อยู่ต่อไปได้

คงจะหลากหลายองค์ประกอบครับ
ทั้งชื่อชั้นทีม ความคงเส้นคงวา
การยืนระยะของทีม ค่าเหนื่อย
ชื่อผู้จัดการทีม ระบบการเล่น
รวมไปถึงสภาพแวดล้อมภายในทีม
สภาพแวดล้อมการเป็นอยู่ในชีวิต และครอบครัว
บลาๆ หลายอย่างครับ ถัวๆเฉลี่ยกันไป
คงคล้ายๆ กับเหมือนเราจะตัดสินใจเลือกซักที่แหล่ะครับ
ชื่อบริษัท องค์กร ความั่นคง โบนัส เงินเดือน
สภาพแวดล้อม ถ้าองค์กรไหน มันลงล็อคเรา
ตอบโจทย์เราได้มากสุดหลายข้อ คงต้องเป็นที่นั้นครับ

พึ่งฟังตอนเช้าๆเลย