คำถามแรก ผมถามท่านว่า..

คือผมอ่าน resume/cv ของคุณแล้วผมสนใจ เราเลยได้มาคุยกันในวันนี้

รบกวน_ช่วยแนะนำตัวเองสั้นๆ สัก 2-3นาที ผมอยากรู้จัก ว่าท่านเป็นคนสไตล์ไหน

*ยังไม่รวมเรื่อง skill/ปสก ของงาน

คือที่ผมได้ฟังคำแนะนำตัวมาจากหลายๆ คน
คนที่ผมสัม อายุ 22-28

กลุ่มนึ่ง แนะนำตัว บอกชื่อ อายุ เรียนจบจากxxx เกรดxx สเตตัสโสด/มีคนคุย มีรถพร้อมใบขับขี่

ถ้ามีเวลาว่างผมฟังเพลง ผมออกกำลังกาย ผมกล้าแสดงออก ตอนนี้ผมว่างงาน ผมเลยเข้าครอสเรียนเรื่อง xx เพื่ออัพสกิล ให้พร้อมทำงานให้มากสุด

ผมอ่าน JD ที่เขียนไว้ กับความสามารถของผมมันตรงกันในหลายๆข้อ ผมมีประสบการณ์ ผมพร้อมทำงานได้ทันที บลาๆๆ (ใช้เวลา 3นาที ได้เต็มที่)

กับอีกกลุ่มนึ่ง จะแนะนำตัวแบบสั้นๆ แบบสั้นมากๆ เช่น ผมชื่อ xxx เคยทำงาน/ฝึกงาน ที่ xxx ผมมีความรู้เรื่อง xxx ผมสามารถทำ 1 2 3 4 ได้
แล้วผมก็จะเบรค ขอโทษนะครับ แล้วบอกว่า ยังไม่เอาเรื่องงานสิ เรื่องงาน/ปสก. ผมถามแน่นอน เอาไลฟ์สไตล์ของคุณก่อน
แล้วคนสัมก็จะพูดอีก 2-3ประโยค ก็แนะนำตัวจบแล้ว (หรือเคืองที่ผมไปเบรคเค้าไว้)

*แต่ผมคิดว่า คนสัมเหมือนไม่เข้าใจกับคำถามที่ผมได้ถามไป

จากคำถามนี้
" คือผมอ่าน resume/cv ของคุณแล้วผมสนใจ เราเลยได้มาคุยกันในวันนี้

รบกวน_ช่วยแนะนำตัวเองสั้นๆ สัก 2-3นาที ผมอยากรู้จัก ว่าท่านเป็นคนสไตล์ไหน

*ยังไม่รวมเรื่อง skill/ปสก ของงาน"


ถ้าท่านเป็นผุ้สัมภาษณ์งาน ท่านเข้าใจคำถามว่าอย่างไร
หรือตามที่ท่านเข้าใจในคำถาม ท่านอาจจะเม้นตอบ สัก 2-3บรรทัด แทนก็ได้ครับ

จะได้เป็นไกด์คำถาม-คำตอบ ให้ผมเอาไปปรับปรุงในการสัมภาษณ์ครั้งถัดไปได้

แผล่บๆ สำหรับคอมเม้นท์คำแนะนำครับ

สำหรับผมเข้าใจในคำถามในสิ่งที่ท่านถามนะ จริงๆมันไม่ได้ซับซ้อนอะไร

แต่เชื่อเถอะคนที่มาสัม บางส่วนตระหนกและตื่นเต้นพอสมควร

ส่วนที่แนะนำได้ท่านอาจจะต้องเปิดประเด็นการพูดคุยก่อนในเรื่องสบายๆให้ผู้ถูกสัมรู้สึกผ่อนคลายก่อน ไม่เครียด

หรือไม่งั้นก็อาจจะเอาไว้ถามทีหลัง ให้เค้ารู้สึกว่าการสัมมันจบไปแล้ว ตอนนี้เป็นการพูดคุยสับเพเหระไป

ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ที่ถูกเรียกสัมอาจจะเกร็งในการสัม และคิดว่าการสัมมันควรเป็นอะไรที่ทางการและจริงจัง

พอมาเจอเปิดเรื่องด้วยเรื่องที่สบายๆเลยตระหนกได้ กลัวว่าจะเป็นคำถามอะไรที่ลองใจหรือจิตวิทยาอะไรมั้ย

ซึ่งจุดนี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเข้าใจ หรือรับมือได้ แต่บางคนอาจจะไม่ ก็จะยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่

ประโยคแรกที่เข้าหู ผู้สัมภาษน์จะเตรียมคำตอบนั้นๆไว้ทันทีครับ(ในหัว) พอบอกว่าแนะนำตัว มันก็ลงล็อคแนะนำตัวปกติ พวก ประวัติการทำงาน บลา..

ดังนั้นถ้าจะเอาตรงประเด็น ก็เปิดคำว่า

"ช่วงแรกผมขอ ไลฟ์สไตล์ปกติก่อนนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์ทำงาน"


ส่วนคำตอบจะได้พอประมาณ คงจะไม่บอกว่าชอบเล่นเกมส์ ทุกวันอะไรแบบนี้

ผมก็จะบอกว่าผมใช้ชีวิตยังไง มีเมียแล้วต้องไปหาเมียอยู่กับครอบครัวทุกเสาร์ไหม ผมเป็นคนชอบดื่มจะดื่มเพื่อหาสังคมหรือสังสรรค์กับเพื่อนถ้าคิดถึง จะดื่มทุกศุกร์หรือศุกร์เว้นศุกร์ เสาร์ถ้ามีบอลก็จะดูนะ ถามึนสัมภาษณ์ชอบดูบอลไหม อาทิตย์หรือช่วงไหนก็จะหาเวลาฝึกภาษา เพราะจุดนี้คือจุดที่ผมอยากพัฒนาที่สุด ประมาณนี้

ถ้าเป็นผมจะบอกว่า งานอดิเรกเข้าเว็บโป้ ที่มีข่าวบอลบังหน้าครับ จะหาๆ เลือนๆ ดูกระทู้รูปเดียว หรือกระทู้ 18+ บางครั้งก็จะ PMT เพื่อนสมาชิกเพื่อติดตามข่าวสารงับ ถ้าท่านเข้าใจในคำอธิบายของผมตอนนั้นแสดงว่า เรารู้กันว่าไลฟ์สไตล์แบบไหน

ประโยคแรกที่เข้าหู ผู้สัมภาษน์จะเตรียมคำตอบนั้นๆไว้ทันทีครับ(ในหัว) พอบอกว่าแนะนำตัว มันก็ลงล็อคแนะนำตัวปกติ พวก ประวัติการทำงาน บลา..

ดังนั้นถ้าจะเอาตรงประเด็น ก็เปิดคำว่า

"ช่วงแรกผมขอ ไลฟ์สไตล์ปกติก่อนนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์ทำงาน"


ส่วนคำตอบจะได้พอประมาณ คงจะไม่บอกว่าชอบเล่นเกมส์ ทุกวันอะไรแบบนี้

สำหรับผมเข้าใจในคำถามในสิ่งที่ท่านถามนะ จริงๆมันไม่ได้ซับซ้อนอะไร

แต่เชื่อเถอะคนที่มาสัม บางส่วนตระหนกและตื่นเต้นพอสมควร

ส่วนที่แนะนำได้ท่านอาจจะต้องเปิดประเด็นการพูดคุยก่อนในเรื่องสบายๆให้ผู้ถูกสัมรู้สึกผ่อนคลายก่อน ไม่เครียด

หรือไม่งั้นก็อาจจะเอาไว้ถามทีหลัง ให้เค้ารู้สึกว่าการสัมมันจบไปแล้ว ตอนนี้เป็นการพูดคุยสับเพเหระไป

ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ที่ถูกเรียกสัมอาจจะเกร็งในการสัม และคิดว่าการสัมมันควรเป็นอะไรที่ทางการและจริงจัง

พอมาเจอเปิดเรื่องด้วยเรื่องที่สบายๆเลยตระหนกได้ กลัวว่าจะเป็นคำถามอะไรที่ลองใจหรือจิตวิทยาอะไรมั้ย

ซึ่งจุดนี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเข้าใจ หรือรับมือได้ แต่บางคนอาจจะไม่ ก็จะยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่

ต้องเปิดก่อนว่า ยังไม่ขอคุยเรื่องงานนะ อยากรู้จักตัวตน ว่าใช้ชีวิตแบบไหน

ถ้าเป็นผมก็จะตอบแค่สไตล์การทำงาน เช่น ชอบหาข้อมูล ชอบวิเคราะห์มูลก่อนลงมือทำ เป็นคนที่ตั้งใจจะทำเต็มที่และพร้อมเรียนรู้อะไรใหม่ และถ้าพยายามเต็มที่แล้วผลงานยังไม่โอเคก็จะไม่กดดันตัวเองต่อ เพราะฝืนไปก็ไม่ได้ประโยชน์กับทั้งองค์กร และตัวเอง

เป็นผมคงตอบประมาณนี้แหละ พอจะผ่านไหมครับ ถ้าโอเคลอง Offer มาได้นะครับ ว่างอยู่ช่วงนี้ haha

ตามเม้นบน คือท่านต้องเปิดก่อนเลยว่ายังไม่ต้องพูดเรื่องประสบการณ์ทำงาน ขอรู้เรื่องไลฟ์สไตล์ชีวิตก่อน

บอสคนเก่าผมสัมผมก็งี้ คือมาปุ๊ปยังไม่คุยเรื่องประสบการณ์ไรงี้ ขอคุยไลฟ์สไตล์ก่อนว่าใช้ชีวิตยังไง

ผมโคตรดีใจเพราะผมเป็นแบบคนที่ท่านบอกน่ะแหละ

ผมเข้าใจว่าแนะนำตัวเองคือต้องคุยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน Gen Y มันโดนโปรแกรมมาแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่อยากคุยนอกเรื่องอะ ละผมก็จะเกร็งๆแบบนี้จบที่ไม่ได้งาน เพราะไม่รู้จะแนะนำตัวยังไง

ตอน4โมงเย็นผมจะคิดหากับแกล้มในแต่ละวัน และเบียร์ที่จะกินในวันนั้นๆ

ผมชอบอ่านข้อมูลการลงทุน ร้านอาหารดีๆ ที่พักริมสระส่วนตัวดีๆ เป็นคนไร้สาระ

ไม่ชอบจริงจังกับชีวิต แต่เอาจริงๆก็จริงจังมากๆคิดละเอียดยิบๆเลยใช้ชีวิตระวังสุดๆ

กลัวการเป็นหนี้ และเลือกคบคนมากๆ ไม่อยากมีเมียมีลูกอยากมีแค่เพื่อนกินเที่ยวยิ้มกัน

มีเหตุผลมั้ยครับ ว่าทำไมถึงอยากรู้เรื่องส่วนตัวก่อนเรื่องงาน

ถ้าไม่มีเหตุผล ผมก็จะไม่ขัดเค้านะ ให้เล่าไป แล้วค่อยถามเรื่องส่วนตัวทีหลังก็ได้ ผลลัพธ์เท่ากัน ได้รู้ทั้งสองเรื่องเหมือนกัน

แต่ถ้าท่านมีเหตุผล ที่ต้องการรู้เรื่องส่วนตัวก่อนเรื่องงาน ผมว่าท่านอาจจะลองตัดประโยคนี้ออก "ผมอ่าน resume/cv ของคุณแล้วผมสนใจ..." เพราะเมื่อนำไปด้วยคำว่า Resume/CV มันค่อนข้าง relate กับเรื่องงาน ก็เป็นไปได้ที่ผู้สมัครงานจะพูดเรื่องงาน ท่านอาจจะเริ่มต้นด้วยคำถามสบายๆก่อน เช่น วันนี้มายังไง บริษัทหายากมั้ย แล้วอาจจะไกด์คำถามไปหน่อย เช่น ไหนลองแนะนำตัวหน่อย เราเป็นใคร มาจากไหน เวลาว่างชอบทำอะไร เอาเรื่องทั่วๆไปที่ยังไม่เกี่ยวกับงานนะ

หรือในอีกมุมนึง ท่านก็สามารถใช้คำถามแบบที่ท่านถามอยู่นี่แหละนี้เพื่อวัดว่า ผู้สมัครงานโฟกัสกับคำถามรึเปล่า เข้าใจในสิ่งที่ถามรึเปล่า ตอบตรงคำถามรึเปล่า (ซึ่งในอนาคตถ้าได้ร่วมงานกันมันจะกลายเป็นโฟกัสกับคำสั่งงานรึเปล่า เข้าใจงานที่สั่งไปรึเปล่า ทำงานตรงตามคำสั่งรึเปล่า)

ก็แนะนำตัวเองไป บอกการศึกษา บอกงานที่เคยทำมาอย่างกว้างๆ ผมสรุปตรงนี้ในเวลา30-40วิ น่าจะได้

'จากนั้นผมจะถามกลับมากกว่า เพราะต้องการเข้าใจ ว่าอยากรู้อะไร จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง

เพราะส่วนตัวรู้สึกว่า การเล่าเรื่อง ด้วยคำถามกว้างๆแบบนี้ มันออกทะเลไปไกลได้หมด
จะเสียเวลาทำไม อยากรู้อะไร มันคุยกันโต้ตอบได้ ไม่ต้องมาให้เวลา2-3นาที ให้ผมพูดไปเรื่อยๆมันก็ได้
แต่มันจะเข้าประเด็นไหม ก็ไม่รู้ เพราะผมไม่รู้ว่าคนถามอยากรู้อะไรกันแน่

เพราะคำถามหลักมันคือ คนสไตล์ไหน โจทย์นี้กว้างมาก อย่าว่าแต่2-3นาที ให้เล่า2-3ชั่วโมงก็เล่าได้
ผมจึงต้องสโคปโจทย์ให้แคบลงว่า เอาหละ ต้องการรู้สไตล์ไหนนี่คืออยากให้ตอบในแนวไหน'

หลังจากแนะนำตัวพื้นฐาน ผมคงถามว่า คนสไตล์ไหน นี่หมายถึงต้องการรู้ในส่วนไหนนะครับ
เรื่องPhilosophyในการทำงาน, Philosophyในการใช้ชีวิต, นิสัยใจคอทั่วๆไป,
หรือเรื่องlifestyleอะไรประมาณนี้ จะได้เล่าให้ฟังได้ตรงกับสิ่งพี่ที่ต้องการทราบ

ถ้าอยากรู้ว่า Philosophy ในการทำงานคืออะไร มันก็เล่าได้เรื่องนึง
ถ้าอยากรู้ Philosophy ในการใช้ชีวิต มันก็เป็นอีกส่วนนึง ตรงนี้ก็จะซีเรียสหน่อย

ถ้าอยากรู้ lifestyle ทั่วๆไป มันก็จะเบาลง
ก็คุยเรื่องหนัง เรื่องกีฬา เรื่องhobby เรื่องวิถีชีวิต กีฬา เหล้าเบียร์ เสาร์อาทิตย์ทำอะไร สัพเพเหระ

ถ้าอยากรู้นิสัยใจคอโดยทั่วไป ก็จะเบาเช่นกัน
ก็เล่าจุดดีจุดด้อยให้ฟัง ว่านิสัยเป็นไง ซึ่ง 90% มันก็เป็นเรื่องเชิงบวกทั้งนั้นอะ

ซึ่งท่านก็บอกมาเองแล้วว่า *เอาไลฟ์สไตล์ของคุณก่อน* แปลว่าอยากรู้ lifestyle

จึงตั้งคำถามได้ว่า ทำไมท่านไม่เปลี่ยนคำถามให้มันชัดเจนไปเลยหละครับ เช่นว่า

"คือผมอ่าน resume/cv ของคุณแล้วผมสนใจ เราเลยได้มาคุยกันในวันนี้
รบกวนช่วยแนะนำตัวเองสั้นๆ สัก 2-3นาที ผมอยากรู้จัก lifestyle ของคุณว่ามี lifestyle แบบไหน
ยังไม่รวมเรื่อง skill/ปสก ของงานนะ เอาแค่เรื่องlifestyleทั่วไปก่อน
(ละก็ควรจะเกรินนำให้นิดนึงเพื่อความสมูท) ประมาณว่า
เป็นคนชอบตื่นเช้าไหม กิจกรรมอะไรที่ชื่นชอบ เสาร์อาทิตย์ทำอะไร ดื่มแอล/ปาร์ตี้ไหม
เอาแบบlifestyleทั่วๆไปว่ามีสไตล์ประมาณไหน... อะไรก็ว่าไป เพื่อให้คำถามมันเคลีย"

บอกแบบนี้ก่อนว่าสัมผ่านทางออนไลน์ เพื่อประหยัดค่าเดินทางกับผู้สัมภาษณ์ครับ

ส่วนมีเหตุผลที่ว่าทำไมถึงอยากรู้เรื่องส่วนตัวก่อนเรื่องงาน

คือแบบนี้ครับ ผมไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัว ผมถามไลฟ์สไตล์เป็นคำถามปลายเปิด ให้คนสัม แชร์ในสิ่งที่เค้าสะดวกบอกครับ

ปกติที่ผมเจอเวลาแนะนำตัวก็อยากรู้ ประสบการณ์ การทำงานแต่ละที่ทั้งนั้น ค่อยไปถึงเรื่อง lifestyle

ถ้าอยากรู้เรื่องหลังก่อนจริงๆ ผมว่าลองใช้วิธีชวนคุยมั้ยครับ
ทักทายกันเรียบร้อยก็เปิดก่อนเลย วันนี้มายังไงครับ....มายากมั้ย ขับรถมาหรอ แล้วขับรถงี้เที่ยวกลางคืนมั้ย
เวลาเมาทำไง....อ่าว ไม่ดื่มเหล้าหรอ แล้วว่างๆชอบทำอะไรอ่ะ....
เยอะแยะครับที่จะชวนคุย

หรอืถ้าไม่อยาก relax เกินไป อยากให้ formal กว่านี้
สวัสดีครับ พี่อ่าน CV น้องแล้วนะ น่าสนใจดี พี่อยากรู้ว่าน้องเป็นคนยังไง lifestyle แบบไหน พอจะเล่าให้พี่ฟังได้มั้ย

ถ้าใช้คำว่าแนะนำตัวหน่อย ตั้งแต่แรก คนคิดไปถึงแนะนำตัวแบบทางการแน่ๆ ถึงท่านจะบอกตบท้ายว่า ไม่เอาเรื่อง ปสก/การทำงานนะ แต่ตอนนั้นคำพูดน่าจะไม่เข้าหูแล้ว เพราะคิดเรื่องแนะนำตัวอยู่

เดินทางมายังไง เป็นแค่ตัวอย่างคำถามครับ แต่ที่ผมจะสื่อคือ ให้ท่านถามคำถามสบายๆไปก่อน เพื่อให้ผู้สมัครงานรู้ว่าตอนนี้กำลังคุยเรื่องอื่นนะ ที่ไม่ใช่เรื่องงาน

คำว่าเรื่องส่วนตัว ผมอาจจะใช้คำผิดไปหน่อย แต่ผมหมายถึงเรื่องทั่วๆไปที่ไม่ใช่เรื่องงาน ที่ท่านต้องการจะรู้นั่นแหละ

เคยสัมให้เล่าประสบการณ์ชีวิตงี้แหละ

ท่านน่าจะเปิดจริงจังไปหน่อย บางคนเกร็งๆก็จะจริงจังตาม

เปิดชิวๆไปเลย เล่าเรื่องของตัวเองหน่อยครับ ตั้งแต่ชีวิตวัยเรียน ชอบทำอะไร งานอดิเรก ฯลฯ ตามความยามที่ต้องการ