พระไทยกับความ professional
ยาวหน่อย
เอาจริงๆ ตอนนี้ รู้สึกเหลวแหลกไปทุกภาคส่วนสังคม

ประเทศเรามองไปทางไหนก็มีแต่ความล้มเหลวไปทุกด้าน ต่อให้ไม่พยายามเสพสื่อมาก ก็ยังเข้าหูเข้าตาอยู่ดี
ช่วงนี้ข่าวพระก็จะมาแรงหน่อย ถ้าให้พูดกันจริงๆคือ พระขาดความ professional ที่สังคมต้องการจริงๆ
จากอาชีพตัวเองที่โดนสังคมคาดหวังเรื่อง professional ในทุกสภาวะแล้วนั้น
ทั้งๆที่อาชีพตัวเอง คือ ผู้ทรงศีล ทรงธรรม เป็นหลักให้คนทั่วไปได้ยึดเหนี่ยว
ที่ไหนได้ ทำตัวแย่กว่าชาวพุทธที่ไม่ได้ถือศีล 5 ซะอีก เหอะๆ
แม้หลายคนบอกว่า อย่าเหมารวม พระปฏิบัติดีก็มากมาย
แต่ก็ feel like อาชีพตำรวจนั่นแหละ

มันอาจเป็นแค่ 1 เปอร์เซนต์ของทั้งวงการก็ได้
แต่เราก็เจอ 1 เปอร์เซนต์อยู่เรื่อยๆเหมือนกัน
ผมเคยแชร์ในบอร์ดสักรอบเมื่อนานมาแล้วว่า วงการไหนก็ตามที่ติเตียนไม่ได้ ตรวจสอบกันเองไม่ได้ วงการนั้นจะเสื่อม วงการสงฆ์ไทย คือ หนึ่งในวงการนั้น (และอีกหลายๆวงการ ทุกคนก็คงรู้ว่าวงการไหน

) และอีกไม่นานก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่ๆ
สำหรับผมแล้ว จะแก้ไขยังไงดี ให้วงการพุทธกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง
คงไม่พ้น การให้ตรวจสอบจากภายนอกและมีการคัดกรองพระ อย่างจริงจังซะที
การคัดกรองด้วยระบบศาสนา ตามระเบียบประเพณีและวินัยสงฆ์ อาจจะไม่ทันยุคทันสมัยไปแล้วรึเปล่า
หรือการใช้องค์กรทางโลก ช่วยคัดกรองให้เข้มขึ้นจะดีมั้ย เช่น การตรวจบัญชีทรัพย์สิน การตรวจคดีความติดตัวก่อนบวชพระ การสอบบรรจุเข้าเป็นพระภิกษุโดยมีความรู้ความสามารถ ข้อสอบกลางที่มีคุณภาพ บลาๆๆ
ผมพูดกันตามตรงว่า ในฐานะชาวพุทธ ผมไม่เข้าวัดมานานแล้วยกเว้นงานศพ ที่ไปเพราะเป็นเกียติแก่ผู้ตาย
แต่ถ้าว่างๆให้ไปวัด ผมก็รู้สึกไม่สบายใจที่จะเข้า เพราะรู้ตัวว่าจิตเราคิดไม่ค่อยดีกับวงการนี้สักเท่าไหร่
เข้าไปก็จิตอกุศลเปล่าๆ ขอทำบุญให้สบายใจในรูปแบบอื่นดีกว่า หรือจนกว่าวงการนี้จะเข้ารูปเข้ารอยกว่านี้
ผมไม่อยากกราบโจรหนีคดีมาบวช รู้สึกไม่เป็นกุศลกับตัวเอง
ปล.บ่นระบายเฉยๆ วันนี้ว่าง