รีวิว Superman มันจบแล้ว(มั้ง) Disney
การเปิดจักรวาล DCU ของ James Gunn กลายเป็นพิธีศพ Disney และ Marvel ไปเรียบร้อยกับ Superman หนังฮีโร่ที่มีกลิ่นอายและความเป็นมนุษย์มากเรื่องหนึ่งที่สุด
ถ้าให้จำกัดความหนังเรื่องนี้ประโยคเดียวคงจะเป็น "Jack of all trades" แทบไม่มีจุดอ่อน ไม่ได้หมายความว่ามัน perfect 10/10 ทุกด้าน แต่หมายความว่ามันทำได้ดีทุกด้านจนไม่รู้จะติด้านไหนทุกอย่างมันลงตัวไปหมดแสดงให้เห็นถึงความละเอียดของ Gunn เลยที่ไม่ทิ้งด้านไหนไปเลย หากเทียบกับของ Zack ที่เน้น action ไปสุดหลอด10/10 แต่ด้านอื่นคือด้อย 5-6/10แล้ว เรื่องนี้คือ 8-9/10 ทุกด้าน ไม่ว่าจะ บท,เนื้อเรื่อง,ตัวละคร,การตัดต่อ, cinematography, ฉากaction, อารมณ์ขัน, CG
จุดเด่นที่สุด
อย่างแรกเลยความเป็น James Gunn ไม่ทิ้งลายจริงๆ แกเป็นคนที่อัจฉริยะคนนึงเลยในด้านการ develop ตัวละครหลายๆตัวในเรื่องเดียวกัน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสูตรสำเร็จของแกมันคืออะไรที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงตัวละครหลักและตัวละครรองๆได้เหมือนๆกันกับหนังแค่ 2 ชั่วโมงนิดๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่แกทำได้ ตั้งแต่ GTOG มาสิ่งนี้เป็น signature แกตลอดคือแกสร้างตัวละครได้เก่งมาก ทุกตัวมีจุดเด่นน่าจดจำ มีจุดแตกต่างให้ผุ้ชมแยกแยะได้ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงทำให้มี character เด่นเหมือนกันหมดไม่มีใครบังใครแม้แต่ตัวเอกอย่าง Superman บทก็ไม่ได้บังตัวละคร support เลยแม้แต่น้อย
อย่างที่สองเลยคือความติดดิน down to earth ของตัวละคร Superman ที่มีความเป็นมนุษย์อย่างที่แกเคยบอกไว้ว่าจะทำจริงๆ ถ้าหากตัดพลังพิเศษออกไปแล้วทุกคนหลับตาจิตนาการได้แน่นอนว่าตัวละคร superman มันก็คือตัวละครมนุษย์ทั่วไปจริงๆนี่แหละ หนังฮีโร่หลายเรื่องมักจะ amplify ตรงนี้ให้ฮีโร่ดูไม่เหมือนมนุษย์เลยทั้งนิสัย การกระทำ และคำพูด ยกตัวอย่างฝั่ง marevl ฮีโร่อย่าง sam, iron heart, wanda, spiderman เหล่านั้นดูไม่เหมือนมนุษย์ พูดไม่เหมือนมนุษย์ คิดไม่เหมือนมนุษย์สักนิด ถ้าหากใครได้ดู superman แล้วจะเข้าใจที่ผมสื่อทันทีว่าเฮ้ย ไอ่นี่มันคือฮีโร่หรือเอเลี่ยนหรอมันก็เหมือนคนทั่วๆไปเลยนี่หว่า
ฉาก action ไม่ได้เวอร์วังเท่า zack แต่คุณภาพกว่าเยอะ ถ้าเทียบ zack เป็นเหมือน fast food

อร่อยแต่ด้อยคุณภาพ James Gunn ฉาก action มีการเล่นมุมกล้อง การตัดต่อ Long take และ choreography ที่ดูแล้วตื่นเต้นและสนุกกว่าด้วยซ้ำ คำว่า Dragonball life action ไม่เกินจริง
cinematography คือสิ่งที่ผม suprise มากที่สุดเลยกับเรื่องนี้ มันมีหลายฉากของ superman ที่ผมดูแล้วขนลุกจัดดๆเลย อยากเอามาทำ poster
ตัวร้ายเอาจริงและจริงจัง มีฉากที่ผมตกใจเล็กน้อยว่า อุ๋ยยมันเอางี้จริงดิ

ไม่เหมือนหนังฮีโร่หลายๆเรื่องที่ตัวร้ายเอาแต่โม้อะไรยืดยาด Lex เป็นตัวละครที่ผมชอบที่สุดตัวนึงในเรื่องเลย มันมี motive จัดเจน และบทไม่ทำให้เป็นตัวร้ายที่ง่อยอ่อนด๋อย มันเก่ง มันฉลาด มันจริงจังมากๆในการฟาดกับพี่ซุป และมันเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำตัวนึงเลย
จุดที่อ่อนที่สุด
ถ้าจะให้ผมเลือกสิ่งที่อ่อนที่สุดสำหรับหนังของ Gunn เรื่องนี้คงจะเป็น เพลง ละมั้ง

ไม่ใช่ว่ามันแย่นะแต่มาตราฐานที่ผ่านมาแกสูงชะลูดทำให้ผมคิดว่าเพลงเรื่องนี้ไม่ของ memorable หรือน่าจดจำสักเท่าไหร่ ปรกติแล้วเพลงที่แกเลือกมาแต่ละเพลงมันมีความหมายแฝงอยู่กับฉากที่เพลงเปิดและช่วยเล่าเรื่องมากกว่าบทพูดด้วยซ้ำบางฉาก เช่นฉากเปิด GOTG เพลง come and get your love คือฟังแล้วจินตนาการออกเลยว่านี่มัน peter quill หรือจะเป็นเพลง father and son ฉากยอนดูสละชีวิต

เพลง do you wanna taste it ที่ให้ความรู้สึก anti hero กวนตรีนจัดๆ แต่ของ Superman ผมยังไม่สาสามารถรู้สึกแบบนี้กับเพลงไหนเลย (ไม่นับเพลง theme นะอันนั้นขนลุกจัดแต่มันเพลง orchestra score)
สรุป
สรุปแล้วผมให้ 9/10 เลย jack of all trades จริงๆ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูยิ่งเหมาะ ไม่ว่าคุณจะชอบหนัง action ไม่ว่าคุณจะชอบหนังฮีโร่ ไม่ว่าคุณจะชอบหนังดราม่า ไม่ว่าคุณจะชอบหนังตลก ไม่ว่าคุณจะชอบ sci-fi ผมว่าเรื่องนี้ fullfil ได้หมดทุกด้าน
หาก DCU ของ Gunn ยังทำมาตราฐานนี้ได้ต่อเรื่อยๆ Disney เหนื่อยแน่ๆครับ มีการโยกย้ายฐานคนดูไป DCU แบบถล่มทลายแน่ๆ marvel จะถูกมองเป็นของเด็กเล่นไร้สาระปัญญาอ่อนในขณะที่ DCU จะมีความผู้ใหญ่ที่รักสนุกและประเทืองปัญญาแทน

ซึ่งผมว่า audience ตอนนี้มันโตขึ้นจากตอน iron man ภาคแรกมากๆแล้ว ส่วนใหญ่น่าจะ gen y หรือ z ต้นๆ ซึ่งพวกนี้โตหมดละ
F4 ที่เข้าหลังจากนี้จะเป้นคู่เทียบกันเดือดแน่นอนว่าใครจะอยู่ใครจะไป

แล้วดูจากตัวอย่าง F4 เมื่อเทียบกับ Superman วันนี้แล้วผมว่ามีสิทธิสูงที่จะผ้าป่าล่มเลยจากความรู้สึกหลังดู trailer สุดท้าย

แต่ก็ต้องมาดูกันหละว่าของจริงเป้นยังไง
EDIT แก้หัวมู้ละมีคน trigger เยอะขี้เกียยจนั่งเถียง