เท่าที่เคยคุยกับคนในระบบราชการ

ตัวระบบชอบอะไรที่ fix เป็นตัวเลขได้ ง่ายๆแล้วครอบใช้กันทั้งประเทศ (แบบที่ไม่สนใจฟังก์ชั่น)

อย่างจำนวนครูต่อนักเรียน รัฐสนใจแค่จำนวนนักเรียนแล้ว weight จำนวนครูแค่นั้น (ตัวเลขคุ้นๆว่า 1:25 มั้งแล้ว round down ลงอีกนะ)

สมมติโรงเรียนนึงมีเด็ก 100 คน เต็มที่คือได้ครู 4 คนไม่เกินนี้ ที่เหลือไปหากันเอาเอง

หรืออย่างการจัดซื้อจัดจ้างที่มีปัญหาคอรัปชั่นบ่อยๆ รัฐมองว่างานที่ราคาไม่แพงมาก (ไม่ถึง 5 แสนบาท) ผู้รับจ้าง/ผู้ผลิตรายใหญ่จะไม่ลงมาเสนอราคาเพราะไม่คุ้ม เลยให้มีระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบเจาะจง หาคนในพื้นที่มาทำ

คิดว่าการวางระบบแบบนี้มันเคยอาจจะดีในช่วงเวลานึง แต่ปัจจุบันมันไม่ค่อย make sense เท่าไหร่

นี่คือสิ่งที่ครูไทยกำลังเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่สังคมไม่ยอมรับรู้หรือรับรู้แต่ไม่สนใจ

เพราะสิ่งนี้แหล่ะ ทำให้ครูทุกโรงเรียนไม่มีใครอยากมีปัญหากับ ผอ.เลย ไม่มีใครยินดีที่จะต่อสู้เวลาเห็นว่า ผอ.ทำ

ไม่ถูกต้อง หรือ ผอ.ทุจริต ครูทุกคนจะนิ่งเงียบ เฉยๆไป เพราะกลัวว่าจะโดนหางเลข

ครูที่ร้องสื่อ ร้องต่อหน่วยงานต้นสังกัด ถึงถูกครูในโรงเรียนคนอื่นๆแบน เพราะว่าไม่คิดถึงความเดือดร้อนของเพื่อน

ครูด้วยกัน แล้วครูที่ร้องเรียนเรื่องพวกนี้จะกลายเป็นหมาหัวเน่า หากไม่ย้ายก็ไม่มีใครคบ หากได้ย้ายปลายทางก็

ไม่มีใครอยากคบ เพราะวงการครูมันแคบแต่ละโรงเรียนแต่ละเครือข่ายมันเชื่อมโยงถึงกันรู้จักกันหมด

ไม่ถึงที่สุด จะไม่มีครูคนไหนลุกมาไฟท์กับ ผอ.เด็ดขาด เพราะระเบียบการเอาผิดแบบเหมารวมหมดแบบนี้นั่นแหล่ะ

ถ้า ผอ.ไม่ทำผิดเรื่องอื่นสะดุดขาตัวเองล้มเอง แทบไม่มีครูคนไหนจะไปงัดไปแย้งได้เลย ทุกคนจะพยายามโฟกัส

ที่การเรียนการสอนในห้องเรียนให้มากที่สุด โดยหลับตาเรื่องอื่นๆ 1 ข้าง เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นก็คงต้องลาออก

อย่างเดียว

แล้วสังคมก็ดราม่าเรื่องการศึกษาไทยไม่มีคุณภาพได้ทุกปีที่มีข่าวผลสอบ pisa ออกมา

คนที่ดราม่าก็ไม่เคยคิดไม่เคยไปดูเลยว่าประเทศอื่นที่นักเรียนเค้าทำได้ดี "ครูมีหน้าที่อะไร"

ทุกวันนี้ครูต้องพยายามหลับหูหลับตาไม่สนใจเสียงนกเสียงกาให้มาก เพราะสังคมไทยมันไม่ตระหนักรู้ปัญหานี่แหล่ะ

ที่จริงควรปรับลดเหลือแค่ 1-2 แสน ที่สามารถทำเฉพาะเจาะจงได้ มากกว่า 2 แสนให้ e-bidding ให้หมด

เพราะสเกลงานจะ 4.5 แสน หรือ 7 แสน คือทำเอกสารเท่ากัน เหนื่อยเท่ากัน

แต่ 4.5 แสน ผอ. อิ่มๆเลย

1. เห็นด้วยและควรทยอยทำ อย่างภาคกลางเนี่ยมีโรงเรียนทุกหมู่บ้าน ทั้งที่แต่ละหมู่บ้านก็อยู่ใกล้ๆกัน ทำให้บางโรงเรียนมีกนักเรียน 70-80 คน หากยุบเข้าหากัน 3 โรง เป็น 1 โรง ประหยัด ผอ. 2 ตำแหน่ง เอาเงินเดือน ผอ.ที่ประหยัดได้ ไปจ้างเจ้าหน้าที่พัสดุ ธุรการ การเงิน ได้ 3 ตำแหน่งชิลๆเลย เพราะเงินเดือน ผอ. มันแพงกว่าตำแหน่งดังกล่าวเยอะ

2. รับประกันได้ว่าไม่มีใครทำแน่นอน ถ้าเลือกได้ ดังนั้นสิ่งนี้ไม่ work

3. หากทำได้ตามข้อ 1 ก็ไม่จำเป็นต้องทำข้อ 3

ัดังนั้นส่วนตัวหลังจากเป็นครูมา 8 ปี สังคมต้องยอมรับให้ได้ว่าประเทศไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง 1 ใน ปัจจัยที่

สำคัญที่สุดคืออัตราการเกิดที่ติดลบ ทำให้ไม่มีเด็กเข้าสู่ระบบ การรวมโรงเรียนเพื่อรวมทรัพยากรเข้าด้วยกัน

แล้วบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ คือทางออกที่ดีที่สุด

ประเทศนี้มันไม่ยอมหรอก คิดได้แต่มันไม่ยอมให้ทำมีไรไหม

อ่านแล้วก็หดหู่หลายอย่าง

1)ใช้เวลาตัดสินยาวนานถึง 13 ปี
2)ระหว่างที่มีประเด็นก็แค่ย้ายที่ทำงานแต่มีตำแหน่งยังสูงเหมือนเดิม
3)น่าเห็นใจตัวเล็กตัวน้อยถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ (ถ้าเป็นผมเอง ให้เซ็นต์เอกสารเกี่ยวกับการเงินโดยที่ผมไม่มีสิทธิ์จะตัดสินใจเป็นผมคงหางานอื่นทำไปแล้ว แต่ราชการคงหาลู่ทางย้ายไม่ง่ายเหมือนเอกชน อันนี้ผมเข้าใจ)


โรงเรียนมันไม่จำเป็นต้องมีแค่ครูนะ จ้างบัญชีมาทำเลยจบ แล้ว 1 โรงเรียนไม่จำเป็นต้องมีบัญชี 1 คน ให้ทำควบ 2 โรงเรียนก็ได้ถ้าโรงเรียนมันเล็กอะ ให้ค่ารถเพิ่มไป

*คิดแล้วก็อารมณ์เสียนะ ที่รัฐ เอางบไปทิ้งๆขว้างๆตั้งเท่าไหร่

พอไม่ทำตามไอ่ ผอ. ก็โดนเล่นแง่ ประเมินให้ไม่ดีอีก
ระเบียบบ้างอย่างแม่มโคตรเฮงซวยเลย คนประเมินผลงาน กับไอ่คนเบิกแม่มคนเดียวกัน
แล้วเป็นครูแค่ คศ.1 จะเอาอะไรไปค้านไปแย้งมัน


ทำไมถึงจ้างบัญชีโดนตรงมาบรรจุประจำ โรงเรียนเลย ทำไมต้องโยนมาให้ครูทำ
อ้างแต่งบไม่มี หรือไม่เคยคิดจะทำ

ให้ส่วนกลางรับไปทำครับ
อย่าง กทม. ก็ให้สำนักงานเขตรับไปทำ อยากโรงเรียนอื่นก็ขึ้นกับเทศบาลไม่ก็ อบต. ไป เวลาไปตรวจก็เข้าตรวจที่เดียวจบ

อย่าเอาครูไปทำอย่างอื่นเลย ขอร้อง ทุกวันนี้แฟนผมนี่แทบไม่เคยได้กินข้าวพร้อมกันแล้ว
ถ้าเสนอเงินค่าจ้างเพิ่ม ผมว่ามี 50 ทำได้ และ 50 ที่ไม่อยากทำ

อย่างเมื่อวานเพิ่งประกาศให้โรงเรียนในสังกัดโพสต์คลิปลง tiktok ของโรงเรียนวันละคลิป วันๆ แทบสอนเต็มบางวันสอนแทนสองสองห้องพร้อมกัน ทำเวรอีก เอาเวลาไหนมาถ่ายคลิป

ยังไม่เห็นทางออกของปัญหาในระบบราชการได้เลยครับ แตะตรงใหนก็เน่าไปหมด

ด้านล่างรับรู้ถึงปัญหา แต่ไม่มีอำนาจแก้ไขอะไรได้ แค่พูดถึงปัญหาชีวิตแม่มก็มีปัญหาละ

แค่พูดความจริงให้ได้ก่อนเถอะ ยอมรับความจริงให้ได้ก่อน ไอ้พวกบนๆ

ระดับอำนวยการ ใช้อำนาจมอบหมายให้คนในบังคับบัญชาทำโดยไม่รับผิดชอบ

ถามว่าพอขึ้นไปอยู่บนในระบบแล้วอยากแก้อะไรไหม ก็ไม่ กูสบายแล้ว 555

วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม่มต้องล้างทั้งระบบจริงๆ แล้วต้องจากบนลงมาด้วยนะ

การไปยุบรวม รร มันจะโดนสมาพันธ์ลูกจ้าง สพฐ (ส่วนใหญ่เป็นธุรการ) ร้องค่ะ
ตอนนี้ก็เรียกร้องกันอยู่ เพราะกรอบต่อหัวนักเรียนจริงๆมันควรมีลูกจ้างและภารโรงประมาณ 40000 คน
แต่ตอนนี้ลูกจ้าง(เหมาบริการ) ที่ทำสัญญากะ สพฐ มีอยู่ 70000+ คน ซึ่งสวัสดิการไม่มีเงินเดือนก็ห่วยพออยู่แล้ว
(6500,9000,15000 ไม่มีปรับขึ้น)

ทำให้ สพฐ ไม่สามารถกรอบอัตรากำลังได้มาเป็นสิบๆปีแล้ว ซึ่งกระทรวงกะ สพฐ ก็ปล่อยเซอแบบไม่อยากไปมีปัญหากับกลุ่มนี้ก็จ้างๆกันไป สุดท้ายแล้วพอจะยุบรวม ถ้ารายงานกรอบอัตรากำลังไปที่ กพ

1.กพ จะขอจำนวนนักเรียนและโรงเรียนให้ชัด
2. ผลจากข้อ 1 มันจะทำให้กรอบเหลือ 40000
3. มันเลยติดอยู่ตรงกลางว่า ถ้ารายงานก็จะยุบรวม รร ได้ แต่ถ้า สพฐ รายงาน กพ ไปอย่างชัดเจน จะมีคนโดนเลิกจ้างสามหมื่นคน แต่ถ้าไม่รายงานก็ทนจ้างเหมากันต่อไป แต่ไม่สามารถกรอบอัตรากำลังใหม่ สวัสดิการใหม่ และกำหนดตำแหน่งลูกจ้างใหม่ได้

4. ทั้งหมดทั้งมวลเป็นครูลูกจ้างกับลูกจ้างธุรการ ภารโรง ยังเป็นอัตราที่เกินกรอบมา 3 หมื่นอัตรา ถ้าไปกำหนดกรอบอัตราการเงินพัสดุเพิ่ม ก็ต้องผ่านขั้นตอนที่ 1-2 ก่อน ซึ่ง สพฐ ไม่ทำ ถ้าทำก็คือการไล่คนออก 3 หมื่นคน แต่ในความเป็นจริงใน 70000 กว่าคนนั้นก็มีคนที่ถูกให้ไปทำพัสดุอยู่แล้วส่วนหนึ่งแหละ

อย่างแรกที่ควรทำเลย จัดซื้อจัดจ้างควรง่ายกว่านี้ มันวิธี และให้ส่วนกลางรับผิดชอบ

ระบบจัดซื้อจัดจ้างไปทำตามไอซ์บอก

ระบบกลางขนาดใหญ่ ไอ้ที่คุณซื้อประจำทุกปี ทุกเดือน เช่นกระดาษ บลาๆ ใส่งบแล้วดึงไปได้เลย ลดขั้นตอน แถม โกงยาก รบ.เซฟคอรัปชั่น คนทำประหยัดเวลา

ผมว่าทางแก้ไม่ยากหรอก ไม่คิดจะทำกันมากกว่า

ดูหัวกระทรวงแต่ละตัวดิ ห ทั้งนะ้น

พรบ.จัดซื้อจัดจ้าง ผลงานลุงตู่เลย
จะป้องกันทุจริตกลายเป็นพวกทุจริตมันก็หาช่องอยู่ดี
ผลกรรมมาตกกับคนตั้งใจทำงานนี่แหละ พรบ. รายละเอียด
ยิบย่อยเยอะเกิน ใครจะไปทำถูกหมด

ไม่ควรให้ ผอ ทำนะ ผอ ก็ครู วนมาปัญหาอีหรอบเดิมอีก ไม่เชี่ยวชาญ การเงินพัสดุ แบ่งเขตรับผิดชอบ ทำงานที่เขต เบิกจ่าย เป็นรอบๆ รายเดือน ไรงี้ ก็ว่าไป น่าจะดีกว่า
ให้พรรค ปชช มาเแนกระทรวงศึกษา มันต้องมีอะไรเปบี่ยนแปลงแน่นอน สุดท้ายแล้วไปช่วยกันกา จบ 555

จริงๆหมิ่นกว่าล้าน แค่ตัดงบโง่ๆออก แม่งนิดเดียวเอง แล้วให้ครูสอนเต็มประสิทธิภาพจริงๆเถอะ