ปัญหาครูไทยกับหน้าที่การเงิน พัสดุ ++โพสต์นี้ถูกแชร์ไปนับหมื่น++
หลังจากอ่านโพสต์ในเฟซบุ๊กนี้แล้ว
คุณคิดว่าควรแก้ปัญหาอย่างไรดี ?
1. รัฐบาลจ้างหรือบรรจุ จนท. การเงิน พัสดุที่เรียนจบมาโดยตรง ซึ่งเป็นแนวทางที่ครูเรียกร้องกันมากที่สุด
แต่ปัญหาคือ รัฐจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ปัจจุบัน รร.สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีเกือบ ๆ 3 หมื่นโรงเรียน
ใน 1 โรงเรียนให้มี จนท.การเงิน 1 คน + จนท.พัสดุ 1 คน
เท่ากับว่า ต้องมี จนท. 2 คน ใน 1 โรงเรียน
คิดเป็นค่าจ้างต่อเดือน เอาเรตปริญญาตรีเลยนะ ปัจจุบัน 18,000 บาท / เดือน คูณ 2 คน เข้าไป
ก็ต้องจ่าย 36,000 บาท / เดือน / 1 โรงเรียน
โรงเรียนมี 30,000 โรง คูณเข้าไปจะได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท / เดือน
ถ้าคิดเป็น 1 ปีก็ 12,000 ล้านบาท / ปี นั่นคือรายจ่ายที่รัฐต้องจ่ายเพิ่ม
ยังไม่นับค่าสวัสดิการดูแลรักษาพยาบาล + สวัสดิการการศึกษาบุตร และอื่น ๆ ตามที่สิทธิราชการพึงมี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐทั้งสิ้น
2. จากข้อ 1 เนื่องจากรายจ่ายของรัฐจะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก (หลักหมื่นล้านบาทต่อปี)
อีก 1 แนวทางแก้ คือ ยุบ ควบรวมโรงเรียน
เพราะตอนนี้โรงเรียนขนาดเล็กมีเยอะมาก ๆ (ย้ำว่า มากๆๆๆ) โรงเรียนประถม มีหลายโรงมาก ที่มีเด็กทั้งโรงเรียนไม่ถึง 100 คน
ถ้าควบรวมโรงเรียนได้สำเร็จ จะเหลือประมาณ 1 หมื่นกว่าโรงเรียน
นำครู + นักเรียนมารวมกัน ณ โรงใดโรงหนึ่ง จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างเจ้าหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น
แต่ ๆ ปัญหาคือ ส่วนใหญ่ ชุมชน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาที่จะถูกยุบโรงเรียน
มักส่งเสียงคัดค้าน ไม่ยอมให้ยุบ หรือไปควบรวมกับโรงเรียนอื่น
อ้างว่าเด็กต้องเดินทางไกลขึ้น ไม่สะดวก ลำบาก บ้างก็อ้างว่ามีความผูกพัน ความทรงจำที่ดีกับโรงเรียนเก่ามาช้านาน......
3. แก้ปัญหาโดยให้ครูนั่นแหละทำต่อไป แต่เพิ่มค่าตอบแทนพิเศษให้ครูการเงิน ครูพัสดุ
แต่มุมมองผมนะ ถ้าผมเป็นครูการเงิน พัสดุ แล้วรัฐเสนอค่าตอบแทนให้ ถ้าเลือกได้ ผมก็ไม่รับ แต่อยากได้เจ้าหน้าที่เฉพาะทางมาทำหน้าที่แทนมากกว่า จะได้ไปโฟกัสกับการสอนเด็กเต็มตัว
4. แนวทางต่อมา ให้เจ้าหน้าที่ / บุคลากรในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทำหน้าที่นี้แทนครูในโรงเรียน
แต่ ๆ มันมีปัญหามาแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อน รัฐบาลพยายามช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็ก ลดภาระของครู โดยให้เขตพื้นที่ทำเอกสารจัดซื้อจัดจ้างแทนครูในโรงเรียน ปรากฏว่า กว่าโรงเรียนจะได้รับของ ได้รับพัสดุ ใช้เวลาหลายเดือน เช่น จะสั่งซื้อกระดาษสัก 1 ลัง ต้องรอเป็นเดือน ครูที่จะใช้ก็รอนนาน ไม่ทันการ เพราะต้องนำกระดาษมาพรินต์เอกสารให้นักเรียน สุดท้าย โรงเรียนยอมนำเอกสารจัดซื้อจัดจ้างกลับมาทำเอง
สาเหตุที่เขตพื้นที่ล่าช้า มี จนท. เขตให้ข้อมูลว่า ก็งานมันล้นมือ เพราะที่เขตพื้นที่มันก็มีงานจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานเขตอยู่แล้วด้วย
แล้วยังต้องมาทำให้โรงเรียนอีกหลายสิบโรง เอาง่าย ๆ จนท. ทำไม่ไหว ๆ
5. แนวทางต่อมา เริ่มมีการเสนอให้ ผู้อำนวยการโรงเรียน / รองผู้อำนวยการโรงเรียน ทำหน้าที่นี้แทนครูทุกกระบวนการ
เพราะ ผอ. กับ รอง ผอ. ต้องรู้ทุกงานในโรงเรียน ไม่ว่าจะงานอาคารสถานที่ งานวิชาการ งานการเงิน พัสดุ อีกอย่าง ผอ. และ รอง ผอ. ไม่ได้มีหน้าที่สอน จึงมีเวลาในการทำหน้าที่นี้แทนครูได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ผู้บริหารโรงเรียนทำ ต้องมีการแก้ระบเียบ กฎหมายก่อน
และแน่นอน เสียงสะท้อนจากผู้บริหารโรงเรียน คงไม่ยอมง่าย ๆ แน่นอน
อีกอย่าง... กระทรวงออกระเบียบให้ ผอ.ทำ
แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสุดท้ายในทางปฏิบัติจริง ผอ.จะทำเอง หรือจะมาสั่งให้ครูทำอีกตามเคย
ขนาดตอนนี้กระทรวงประกาศยกเลิกการอยู่เวรยามของครูแล้ว ยังมีบางโรงเรียนแอบตีเนียน ให้ครูไปอยู่เวรอยู่เลย
6. แนวทางสุดท้าย ครูทำต่อไป ไม่มีค่าตอบแทนอะไรให้ทั้งสิ้น
แต่อาจเสนอให้มหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตครู สอนวิชาการเงิน พัสดุ มาตั้งแต่ในรั้วมหาลัยเลย (แน่นอนก็คือ คณะครุศาสตร์ / ศึกษาศาสตร์)
แต่ ๆ ผมเองก็เรียนจบครุศาสตร์มา เคยพูดคุยกับอาจารย์มหาลัยของผมแล้ว
ท่านตอบผมว่า
เรื่องอะไรจะให้ครุศาสตร์สอนบัญชีพัสดุ มันไม่ใช่หน้าที่ของคณะครุศาสตร์ เป็นภาระเปล่า ๆ และไม่ใช่หน้าที่ของครูด้วย
ผมก็ได้แต่ท้อแท้ใจ เพราะเบื้องบนก็จะให้ทำการเงิน พัสดุ แต่มหาลัยที่ผลิตครูก็จะไม่สอน
คนรับกรรมสุดท้ายคือ ครู ครูผู้เดียว.....