ผมไม่รู้ว่าแพงมีั้ยนะ สำหรับผมพนักงานออฟฟิศก็ถือว่าแพง
คนระดับฐานะปานกลางคิดว่าพอขึ้นได้อยู่แล้ว
แต่คนที่เงินน้อย ๆ แทบจะไม่นั่ง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

เพราะเป็นสินค้านำเข้า
ระบบสื่อสาร ตัวขบวนรถ อุปกรณ์ทั้งหมดมาจากต่างประเทศ

เหมือนเราถามว่าทำไม iPhone แพงในเมื่อค่าแรงคนไทยถูก
เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้า เราเป็นผู้ซื้อมาใช้ เราไม่สามารถกำหนดราคาซื้อได้

เอกชนทำเพื่อผลกำไร ไม่ใช่เพื่อการกุศล

ก็เรายกสัมปทานให้เอกชนไปทำ เขาก็ต้องทำเพื่อกำไรแต่ก็ไม่แพงเกินไปจนคนด่า

ที่จีนงี้ถูกเพราะรัฐเป็นคนจัดทำและดำเนินการเองก็เลยกดราคาได้สบายๆ

ส่วนญปนี่รัฐทำมาก่อนแล้วค่อยทุบแตกให้เอกชนในแต่ละโซนไปจัดการกันเอง ของญปเขาเอาค่าเช่าที่มาช่วยหารกับค่ารถไฟด้วยเลยกดราคาได้อยู่ (แต่ก็ได้ยินว่าเริ่มแพงระดับนึงละนะ)

้พราะเอาสัมปทานให้เอกชนทำ เอกชนก็ต้องเอาราคาที่ได้กำไร

แต่กลับกันถ้ารัฐบาลเป็นคนทำ รัฐบาลสามารถทำราคาเท่าทุนหรือขาดทุนได้ ซึ่งการทำราคาต่ำเท่าทุนหรือขาดทุน ผลประโยชน์คือต้นทุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจมันลดลง ทำให้จำนวนปริมาณกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจพัฒนาได้มากขึ้น

แต่ก็รู้ๆอยู่ ทำไมถึงต้องให้สัมปทานเอกชน

อย่างพวกทางด่วนนี่ก็เหมือนกัน

รฟฟ ไม่ใช่สวัสดิการพื้นฐาน ต้นทุนสูง เป็นขนส่งทางเลือก

มันไม่ได้ถูกจัดอยู่ในขั้นพื้นฐาน รัฐให้เอกชนดำเนินงาน รัฐไม่ได้เข้ามาควบคุมเรื่องราคา 100% แค่กำหนดเพดาน ดังนั้นกลุ่มเอกชนก็ทำเพื่อผลกำไร ไม่ได้เพื่อเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดี

รอหมดสัมปทานสายหลักๆ น่าจะได้เห็นโครงสร้างราคาที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีมากขึ้น ถ้าไม่ไปต่ออีกนะ

ผมว่าเราสร้างช้า ต้นทุนสูง ต้องกู้เยอะ สมัยที่เคยถือหุ้น BMCL ตอนยังไม่ควบรวมกับหุ้นทางด่วน เคยดูงบการเงิน บริษัทมีหนี้เงินกู้เยอะมาก ดอกเบี้ยจ่ายต่อปีสูงมาก ค่าโดยสารต่อวันคนขึ้น 2 แสนคน ราคาเริ่มต้น 15 บาท เอามาจ่ายดอกเบี้ยไม่พอ

ถ้าเราสร้างรถไฟฟ้ามานานแบบญี่ปุ่น ฮ่องกง ค่าก่อสร้าง ค่าที่ดินเวรคืน ต่ำ ต้นทุนดอกเบี้ยอาจจะถูกกว่านี้ ทำให้ค่าโดยสารไม่แพงแบบนี้

เคยอ่านรถไฟฟ้าเวียดนาม ที่สร้างช้า และล่าช้าเพราะเรื่องเงินทุนก่อสร้างสูงมาก ถ้าตั้งราคาต่ำไปก็ขาดทุนเงินกู้ก่อสร้าง

ต้นทุนครับ

เทคโนโลยีนำเข้าจากต่างประเทศหมด แค่ระบบรถก็แพงกว่าแล้ว
ไหนจะมีค่าขนส่งจากต่างประเทศอีก

ค่าก่อสร้างพวกโครงสร้างก็ไม่ได้ถูก ถ้าเป็นรถไฟลอยฟ้าในเมืองก็ต้องปิดถนน ซ่อมถนน มีค่าใช้จ่ายแฝงเยอะ

ถ้าขุดใต้ดิน หัวขุดก็นำเข้า แพงอีก

ยังไม่นับค่าที่ต้องเวนคืนที่ดินด้วย

ปัจจัยอื่นๆ ก็คือกู้มาทำ ก่อนเริ่มทำก็ติดหนี้แล้ว ราคามันก็เลยต้องบวกเพิ่มไปอีก ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้

ค่าบริหารจัดการ ต้นทุนเท่าต่างประเทศ อ้างอิงค่าแรงขั้นต่ำบ้านเราไม่ได้ อาจจะมีแค่ค่าจ้างพนักงานที่ถูกกว่า แต่เทียบแล้วคือสัดส่วนน้อยมากๆ เพราะคนบริหารจัดการรถไฟฟ้า หรือพนักงานประจำในสถานีในต่างประเทศค่าจ้างก็ไม่ได้สูง

ประมาณนี้

แพงเพราะให้สัมปทานเอกชน

แต่ สายสีม่วง กับ แดง ที่รัฐเป็นเจ้าของเอง
ก็เลยกำหนดราคา 20 บาทตลอดสายได้เลย

ลองไปคำนวณราคาทุนแล้วจากส่วนกลาง แล้วมาวัดกับราคาที่เอกชนกำหนดดูแล้วกัน ประเทศไทย ประชาชน คือ ทาส ทำงานส่งเงินให้ นายทุน
BTS หุ้นมันเคยพุ่งไประดับไหน บ่งบอกถึงกำไร การเติบโต

หมายถึงสายสีเขียวใช่มั้ย?

คือรัฐให้เอกชนลงทุนทุกอย่าง รับสัมปทานไป

ดังนั้นต้นทุนค่าก่อสร้าง ค่าเวนคืน ตัวรถไฟ รวมถึงค่าเดินรถ จึงต้องมีกำไร และที่สำคัญคือสัญญามันเขียนกว้างไป ขึ้นได้ทุก 3 ปี 5 ปี 5 บาท 10 บาทมันไม่ได้

ตามหลักมันควรต้องล้อไปกับค่าแรงขั้นต่ำ

ส่วนถ้ารัฐลงทุนก่อสร้าง และจ้างเอกชนมาเดินรถจะทำราคาตั๋วให้ถูกได้ (ถ้าจำไม่ผิดก็สายสีน้ำเงิน) เพราะถือว่าเป็นเงินภาษี การขาดทุนเกิดขึ้นได้เพื่อลดภาระประชาชน

หลักๆคือไม่ใช่สวัสดิการรัฐครับ
เป็นของเอกชน
ต้องมีการประมูล จ่ายภาษี ค่าอื่นจิปาถะ

ก็เหมือน รพ เอกชน มันแพง
ไม่อยากจ่ายก็นั่งรถชนิดอื่นก็ได้

ค่าแรงเรามันต่ำมากกว่า