ดราม่าแท๊กซี่ - ผู้โดยสาร - วินจักรยานยนต์ เถียงกัน สนั่น
https://www.facebook.com/photo?fbid=644596968602868&set=a.107167449012492
Spoil
ดราม่าแท๊กซี่ - ผู้โดยสาร - วินจักรยานยนต์ เถียงกัน
สนั่น แท๊กซี่เข้ากระชากผู้โดยสาร #มีคลิป
- ผู้โดยสารหญิงรายหนึ่ง ใช้บริการแท๊กซี่มิเตอร์ เมื่อมาถึงที่หมาย ไม่มีเงินสด จะจ่ายแบบโอน
- ทางด้านแท๊กซี่ ไม่รับโอน ขอเป็นเงินสด อาจเพราะไม่มีบัญชีหรือเพื่อความสะดวกก็เป็นได้
- ผู้โดยสาร จึงขอไปกดเงินเพื่อมาจ่ายค่าแท๊กซี่ 300 และพยายามหาแลกเงินให้ครบตามจำนวน
- ทางด้านแท๊กซี่ก็รอ แต่ไม่กดหยุดมิเตอร์ ผู้โดยสารเห็นแล้วว่าถึงที่หมายมิเตอร์หยุดที่ 300 บาท
- เมื่อผู้โดยสารหายไป ครึ่งชั่วโมง ก็กลับมาพร้อมกับเงิน 300 ค่ามีเตอร์ แต่ทางแท๊กซี่จะเอาเพิ่มเพราะไม่ได้กดหยุด จึงจะเก็บตามมิเตอร์
- แท๊กซี่ ก็เข้าไปพยายามจะกระชากผู้โดยสารมาคุยให้รู้เรื่อง วินฯ บริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปห้าม และพูดคุย
- ทางด้านแท๊กซี่ไม่ยอม พยายามจะเอาเงินค่ามิเตอร์ให้ได้ ทางวินฯ จึงอธิบายแท๊กซี่ แต่ดูเหมือนจะไม่จบ
- ทางด้านแท๊กซี่เริ่ม มีอารมณ์ บอกคราวหลังเตรียมเงินสดให้พร้อม และชี้หน้าใส่ลูกค้า " เงินสดกับโอนอันไหนชัวร์กว่า จะพกแต่มือถือ ไม่พกเงิดสดไม่ได้ " จนวินฯ ต้องมาเคลียร์ ให้แท๊กซี่ " ขึ้นรถเถอะ "
- สุดท้าย วินฯ เถียงใส่แท๊กซี่ จนต้องยอมขึ้นรถ แต่ก็ยังไม่วาย เถียงสุดซอยจนขึ้นรถออกไป
จากประสบการณ์คนขับรถให้บริการครับ เคสนี้ยังไงแท็กซี่ก็ผิด ผิดยังไง (ความเห็นส่วนตัวนะ)
1. ในอดีต ระบบการโอนเงินไม่ได้สะดวกเหมือนทุกวันนี้ ถ้าเป็นสัก 10 - 20 ปีก่อน ผมอาจจะบอกว่าแท็กซี่ไม่ผิด แต่ปัจจุบันการรับหรือจ่ายเงินมันเป็นบรรทัดฐานในสังคมแล้วว่ามี 2 ระบบ คือเงินสดกับเงินโอน คุณเป็นผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องเตรียมความพร้อมที่จะรับค่าบริการที่หลากหลาย หรืออย่างน้อยๆก็ต้องมี 2 ระบบนี้ไว้ ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งนั้น นั้นหมายถึงว่าคุณไม่พร้อม ก็ต้องแก้ไขกันหน้างานว่าจะเอายังไง
2. จากข้อ 1 ถ้าคุณมีเงื่อนไขรับเงิน คุณต้องแจ้งผู้โดยสาร ไม่ใช่ให้ผู้โดยสารมาแจ้งก่อน เพราะถ้าคุณรับเงินไม่ได้มันจะเกิดปัญหาแบบนี้ (ซึ่งส่วนใหญ่จะกลายเป็นผู้โดยสารต้องมาถามเองอีก) หรือถ้าขี้เกียจพูดก็ทำสัญลักษณ์ให้ชัดเจนไปเลยว่า รับแต่เงินสด ผู้โดยสารที่จะเรียกรถจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะขึ้นหรือไม่
3. พอมันเกิดปัญหาแบบนี้ คุณก็ต้องแก้ไขปัญหาที่ไม่ทำให้ผู้โดยสารเดือดร้อนและไม่เอาเปรียบใคร คิดเสมอว่าถ้าคุณพร้อมมันจะไม่เกิดปัญหา คุณก็ไม่เสียเวลาทำงานต่อ
4. การเตรียมความพร้อม มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการทำงาน คุณมีหน้าที่เป็น "ผู้ให้บริการ" ดังนั้นคุณก็ต้องให้บริการอย่างเต็มที่ "ภายใต้ขอบเขตที่คุณต้องทำ" ซึ่งการรับเงินมันก็เป็นหน้าที่นั้นที่คุณต้องพร้อมรองรับ จะมาอ้างว่าไม่รู้ แก่ ทำไม่เป็น กลัวโดนโกง บลาๆๆ ไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของคุณเองทั้งนั้น
5. ถ้าเป็นกรณีผู้โดยสารตั้งใจจะเบี้ยวก็ว่าไป อันนี้เขาก็ตั้งใจจะจ่าย แต่คุณดันไม่พร้อมรับเงินเอง มันความผิดใครละ (ต่อให้ลูกค้าจะให้แบงค์พันก็ต้องพร้อมมีทอน เพราะมันเป็นการให้บริการแบบส่วนตัว ซึ่งต่อให้เป็นรถเมล์ลูกค้าก็ไม่ผิดที่จะใช้แบงค์ใหญ่จ่าย แต่แค่มันเป็นเรื่องไม่สมควรทางกาลเทศะ)
คือก็ผมขับรถรับ-ส่ง ผ่านแอป Bolt ไม่ใช่ว่าจะเข้าข้างลูกค้าเสมอไปนะ แต่เคสนี้ยังไงแท็กซี่ก็ผิดเต็มประตูอยู่ดี
คือเข้าใจแท็กซี่นะที่จะรู้สึกหงุดหงิดกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่เอาจริงๆ ถ้าลองตั้งสติ ลดการใช้อารมณ์เป็นใหญ่ จะรู้เลยว่า ทำไมเราถึงลืมเตรียมตัวเองให้พร้อมวะ ถ้าพร้อมทุกอย่างก็จบ แค่นั้น