สมมติว่าคุณกับเพื่อน 1 คน หุ้นกัน คนละ 100,000 บาท เปิดร้านอาหารชื่อ เหงื่อตูดโภชนา

เท่ากับร้านมีทุน รวม 2 แสน ถือหุ้นคนละ 50%

แต่บังเอิญคุณเป็นเชฟ และทำงานในร้านด้วยส่วนเพื่อนมีงานประจำที่อื่น ลงแค่เงิน

เท่ากับว่า เราก็ควรได้รับเงินเดือนด้วยนอกเหนือจากกำไร จากการขายอาหาร

สมมติว่า

เงินเดือนค่าเป็นเชฟในร้านเดือนละ--------------22,000 บาท
เงินจ้างพนักงาน 3 คนคนละ 9000 --------------27,000 บาท
ค่าวัตถุดิบ-----------------------------------------20,000 บาท
ค่าน้ำ+ไฟ------------------------------------------4,000 บาท
ยอดขายรวมทั้งเดือน-------------------190,000 บาท


รายได้หลังหักทุน 121,000 บาท

จากนั้นเอารายได้ 121,00 มาหาร 2 ตามสัดส่วนหุ้น (60,500) อีกทีถูกมั้ยครับ

ที่จะถามก็คือ

1.ถ้าเราทำงานในธุรกิจเรา เงินเดือนของเราก็ต้องมีอยู่ด้วยถูกมั้ยครับ ส่วนเพื่อนอีกคนก็ได้แค่ในส่วนของหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ 60,500 บาท

2.แล้วเงินปันผล มันควรจะจัดสรรยังไง หรือไม่ต้องมีก็ได้

ถ้าไม่คิดถึงเงินเก็บกองกลางสำหรับขยายธุรกิจหรือกรณีฉุกเฉินก็ถูกแล้ว ที่สำคัญแบ่งหน้าที่ในการจัดการและอำนาจการตัดสินใจกันให้ดี อย่าใช้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมาบริหารธุรกิจ อาจเสียทั้งเพื่อและธุรกิจครับ

เซฟกินเงินเดือนก็ลูกจ้างคนนึง ส่วนรายได้ก็หักค่าใช้จ่ายหาร2แบบนี้ป่ะ เอาแบบง่ายๆไม่ได้ต้องปันผลก็ได้หักกำไรกันจนหมดแล้ว

รับเงินเดือน ค่าตัวตามจริงตามตกลงกัน ตีเป็นรายจ่าย

ทุกกี่เดือน หรือ ทุกปี รายได้ทั้งหมด - รายจ่ายทั้งหมด = กำไร ถึงปันผลออกมา(ไม่ใช่ปันผลทั้งหมดของกำไร)

เงินปันผลได้ตามจำนวนหุ้นที่ถือ เท่านั้น

เคสนี้มันก็ต้องได้เงินเดือนแหล่ะ เพราะเชฟก็เป็นลูกจ้างของบริษัทคนนึง

ปันผลก็ตามสัดส่วนหุ้นแหล่ะ ไม่น่ามีอะไร ไม่เกี่ยวกับเงินเดือนเชฟเลย

หุ้นส่วนคือ เชฟ เชฟทำงาน ... ก็ควร/ต้องมีเงินเดือน ไม่ควรทำงานฟรี


ส่วนเงินเดือนก็ตกลงกันว่า โอเคทั้งสองฝ่ายไหม

---

ส่วนของกำไร ส่วนแบ่ง .. จริงๆถ้าจะทำระยะยาว ก็ยังไม่ต้องรีบแบ่งกำไรดีไหม ใส่เข้าเงินหมุนเวียนร้าน

สิ้นปี หรือตามรอบ ก็ตกลงกันไปว่าจะปันผลกี่ % กี่บาท แล้วที่เหลือก็เก็บไว้ต่อยอด


ปล, อย่าทำงานฟรีนะ แม้จะหุ้น เพราะในขณะที่คุณทำงาน เพื่อนคุณทำอย่างอื่น(ทำงานหรือทำอะไรก็ว่าไป)

ผมงงตัวเลขคนเดียวมั้ยเนี่ย

แต่เอาที่ผมเข้าใจนะ หุ้นครึ่งๆ

เรื่องเงินเดือนฐานะเชฟ ก็รวมไปในรายจ่าย ไม่ต้องไปกังวล

เหลือรายรับสุทธิ จะกันไว้เป็นค่าใช้จ่ายเดือนต่อไปเท่าไหร่

ที่เหลือจะหักมาเป็นปันผล รายกี่เดือนก็ว่าไป

ทำบัญชีดีๆ มันไม่น่ายากหรอก หุ้นคนละครึ่งแบบนี้

เวลาเเยกให้เเยกง่ายๆครับ หุ้นส่วนคือผู้ลงทุนเนอะ ส่วนคนที่มีตำเเหน่งงานคือลูกจ้าง ถ้าผู้ลงทุนลงมาทำงานเองก้ถือเป็นลูกจ้างด้วยก้ต้องรับเงินเดือนส่วนลูกจ้างไป

หลักคิดเดียวกับบริษัทมหาชน สโมสรฟุตบอล เป็นต้น ประธานบริษัท/กรรมการบริษัท บอร์ดบริหาร ก้ได้เงินเดือนครับ สังเกตง่ายๆคือผู้ถือหุ้นใหญ่มักจะเเต่งตั้งตัวเองหรือคนใกล้ชิดไปรับเงินเดือนในตำเเหน่งบริหารเสมอ ส่วนเงินปันผลก้เเยกกันไม่เกี่ยวกัน เงินเดือนที่ท่านได้ในฐานเชฟก้ถือเป็นรายจ่ายบริษัทน่ะเเหละ

ส่วนปันผลจะปันผลหรือไม่ปันผลก้ได้ ถ้าไม่ปันผลโดยส่วนใหญ่ก้จะเอาเงินกำไรสุทธิที่ได้รับจากการทำธุรกิจมาต่อยอด ปรับปรุงพัฒนานู่นนี่นั่นเป็นต้น

เเต่ถ้ามีปันผลมันก้เเล้วเเต่ตกลงกันเช่นปันผลกี่เปอร์เซ็นต์ของกำไร เช่น ถ้าพอดูบัญชีเเล้วเห็นว่าปีนี้มีกำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) 1 ล้านบาท ก้ตกลงกันระหว่างหุ้นส่วน 2 คนว่าจะปันผลจากกำไรกี่เปอร์เซ็น สมมุติปันผล 50% ก้คือวงเงินปันผลทั้งหมด 5แสนบาท เเล้วเอา 5 เเสนบาทมาปันผลตามสัดส่วนผู้ถือก้คือคนละ 250k (ถือหุ้นคนละ 50%) นั่นเอง

อันนี้คือที่พ่อผมทำกับหุ้นส่วนที่เป็นเพื่อน+คนในครอบครัวนะ ก้จะประมาณนี้ ถ้าหุ้นส่วนน้อยรายตกลงกันเองง่ายเลย

ปล. คนเราเวลาเปิดบริษัทชอบลืมคิดค่าเเรงตัวเองเข้าไปด้วย เช่น ตัวอย่างร้านบะหมี่ ลูกจ้าง 2 คน เคยถามว่าเดือนนึง"ร้าน"ได้กำไรเท่าไหร่ เค้าตอบมาราวๆครึ่งเเสน เลยถามต่อว่าหักค่าเเรงตัวเองรึยัง คำตอบที่ได้คือทำไมต้องคิดหักค่าเเรงตัวเอง? คือเค้าไม่เข้าใจว่าตัวเองก้ถือเป็นพนักงานของร้านคนนึงเหมือนกันในฐานะพ่อครัวนั่นเเหละ เเม้จะเป็นเจ้าของร้านก้ตาม มันต้องเอาค่าเเรงตัวเองไปหักออกจากกำไรขั้นต้น นั่นก้จะได้กำไรที่เเท้จริง

เงินเดือนก็ส่วนเงินเดือน ถ้าเข้าร้านบ่อยก็ต้องเอา
ส่วนเงินปันผล ไม่ใช่กำไร/2 ต้องดูแผน อยากปันผลปีละกี่ครั้ง 2ครั้ง 4ครั้ง ว่าไป

เงินเดือนจ่ายตามปกติ ปันผล4เดือนครั้ง ในงบ1แสน
กำไรที่เหลือเก็บไว้บริหาร/ลงทุนร้าน

หมายความว่าทุก4เดือน จะได้ปันผล คนละ50000

ตัวเลข 1 แสน ปรับเปลี่ยนได้ แต่ไม่ควรเกิน 1แสน
เพราะว่างบตั้งต้นแต่2แสน ถ้าจะเลิกทำค่อยหารครึ่ง
จากเงินที่เหลือ

เอากำไรไปต่อทุนด้วย

ปันผลได้แค่ตามกำไรครับ รายได้ที่ได้ ต้องหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนค่อยนำส่วนที่เหลือมาปันผลตามสัดส่วน



ค่าใช้จ่ายก็ตามที่ท่านแจ้งคือ ค่าใช้จ่ายจะต้องคิดเงินเดือนไปเพื่อหักรายได้ให้เป็นกำไรให้หมดครับ


เงินเดือนของคนที่ทำงานถือเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด เว้นแต่หุ้นส่วนไม่คิดเงินค่าทำงานและไม่คิดค่าตำแหน่งเท่านั้น


ถ้าตกลงเงินเดือนในขณะที่ทำงานกันได้แล้ว ให้เงินเดือนเป็นค่าใช้จ่ายก่อนหักรายได้ครับ


ถ้าจดทะเบียนเป็นบริษัทถูกต้อง การปันผลมีระเบียบอยู่ครับ เหมือนจะห้ามไม่ให้ปันผลกำไรทั้งหมด และเงินปันผลก็จะเสียภาษีอีกที ผมจำอัตราไม่ได้ว่าปันผลได้ไม่เกินเท่าไหร่ของกำไร มันต้องดูแผนการจ่ายปันผล มันต้องดูแผนเติบโตธุรกิจต่อไปด้วยว่าจะต่อทุนเท่าไหร่

ที่ผมทำกับญาติๆ
1.ใครลงแต่เงิน รอรับแต่ปันผลที่จะจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้ตอนสิ้นปี
2.ใครทำงานด้วยลงแรงด้วย รับเป็นค่าจ้างเงินเดือนและโบนัส
3.พอสิ้นปีสรุปงบมาดูว่ากำไรเยอะมั้ย
3.1ถ้าเงินสดในมือยังไม่เยอะก็ยังไม่แบ่งเงิน ให้เงินเก็บอยู่ในบริษัทเพื่อรักษาสภาพคล่องและลงทุนอื่นๆ
3.2ถ้าเงินสดเยอะเหลือๆ ก็แบ่งออกมาปันผลตามสัดส่วนที่ถือหุ้น
โดยทุกขั้นตอนต้องมีการประชุมผู้ถือหุ้น มีมติผู้ถือหุ้น มีรายงาน มีการเซ็นรับรอง ฯลฯ

ทำธุรกิจไม่เก็บเงินสด ไม่เผื่อ overhead
ไม่เผื่อขายดี ร้านข้างๆ หมั่นไส้ แจ้งสรรพากรมาลงบ้างเลย
ภาษีก็ไม่จ่าย vat ก็ไม่จด เจ๊งมานักต่อนัก

แต่ถ้าพูดถึงแค่คอนเซปก็ตามนั้นเลย
ถ้าเพื่อนลงมาช่วยดูก็จ่ายเป็นค่าเบี้ยประชุม ค่าเดินทางต่อวันได้
ทำบัญชีดีๆ แต่แรก จะบริหารง่าย