สอบถามเพื่อนๆที่เหตุมุมว่ามีผลกระทบกับทีม จากมุมมองผมคิดว่าดีลนี้ช้ากว่านี้ทีมเองก็ไม่เสียผลประโยชน์อะไร
1. คือทีมมีช่องในเจราจาลดค่าตัว ก็ทำให้เต็มที่ ลดค่าตัวได้บ้างก็ดี
2. ยังไม่มีคู่แข่งแย่งดีลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็เจรจาไปเรื่อยๆ
3. กว่าจะเริ่มปรีซีซั่นยังอีกเป็นเดือน ได้นักเตะมาแล้วก็ต้องปล่อยไปพักร้อน ไม่จำเป็นต้องเร่งมาก
4. ประหยัดค่าเหนื่อยไปได้หลายสัปดาห์ ในเมื่อการแจ่งขันยังไม่สูงก็ถือว่าอย่างน้อยก็ลดเงินตรงนี้ได้ อาจจะเดือนละ1ล้านปอนด์

สุดท้ายถ้าปิดดีลไม่ได้ ด่าบอร์ดเหมือนกัน เพราะส่วนตัวชอบเวียตซ์ ออกบอลง่าย บอลน้ำหนักดีมาก (โซโบ้ ออกบอลน้ำหนักไม่ได้เลย) ผมมีความรู้สึกส่าเวียตซ์เล่นบอลแล้วมีเวลามากกว่านักเตะคนอื่นสักครึ่งวิ ถึงจะเลี้ยงติด แตะบอลล้น แต่จังหวะต่อไปจะตามไปเอาบอลได้

เอาจริงๆระยะเวลาแค่นี้ไม่ช้าด้วยซ้ำ ถ้านัดรายงานตัวพรีซีซั่นแล้วดีลยังไม่จบค่อยบ่นเหอะเรื่องช้าอ่ะ นี่เดือน 6 อยู่เลย

ผมว่าจำเป็นกับการมาปรับตัวใน pre season มากครับ

ซื้อมาแพง ก็ต้องรีบให้ปรับตัว แถมระบบเกมรุกก็ต้องปรับกันใหม่เยอะด้วย

ช้าไม่ว่า กลัวแพงขึ้นเรื่อย ๆ 55

ถ้าปิดดีลไม่ได้ก่อนเริ่มปรีซีซั่น ผมก็ถือว่าจัดการได้ไม่ดีเหมือนกันครับ

คิดว่าถ้าต่ำกว่า 150ล้นยูโรที่เขาตั้งไว้ผมคิดว่าก็ยังดี

เอาจริงๆระยะเวลาแค่นี้ไม่ช้าด้วยซ้ำ ถ้านัดรายงานตัวพรีซีซั่นแล้วดีลยังไม่จบค่อยบ่นเหอะเรื่องช้าอ่ะ นี่เดือน 6 อยู่เลย

อีกอย่างผมว่าการซื้อ Wirtz มันมีผลกับดีลการซื้อตัวรุกตัวอื่นด้วย

เช่นหน้าเป้าที่เหมาะ หรือปีกซ้ายที่ดิอาซอาจจะไปอีก

ควรรีบปิดดีลแล้วไปต่อกับดีลอื่นได้ละ

ยังไงก็อย่าเกิน150ลย ไม่งั้นจะโดนสับอีกหลายดีล ถึงอยากได้ขนาดใหนแต่ครั้งนี้เราดีลแบบตรงๆ อย่างvvdเราเข้าใจเราไปเหลี่ยมเขาก่อน

ช้ามันกระทบต่อการเสริมทัพในจุดอื่นๆครับ

ผมว่าไม่เสียหายหรอก แอบงงด้วยซ้ำว่าสโมสรกล้าจ่ายราคานี้ได้ไง 55555

ส่วนตัวอยากเห็นกลางชุดเดิมครับ แต่สลับโบ้8ปอดกับแม็คก้าได้มั้ย อยากเห็นแม็คก้าเล่นAMCแบบที่เล่นให้ไบรท์ตัน แต่ได้เวียร์ตซ์มาก็ดี เพิ่มมิติเกมรุกได้

1. เจรจาไปเลยครับ มีเวลาอีก7วันก่อนตลาดเปิด

2. ไม่มีใครมาแย่ง เพราะราคามันสูงปรี้ดเนี่ยแหละครับ

3. ปรีซีซั่นของลิเวอร์ เหลือเวลาอีก1เดือนครับ นัดแรกเจอเปรสตัน 13ก.ค.

4. ค่าเหนื่อยไม่มีประหยัดหรอกครับ ตั้งแต่ต่อสัญญาโม+กัปตันไป

ถ้าคือคนที่ใช่ ยังไงก็รอ
ดีล ฟานไดจ์ คือตัวอย่าง
ทีมเจรจาของลิเวอร์พูลคือหนึ่งในทีมเจรจาที่ดีและเคี่ยวที่สุดในโลก
ถ้าเขารู้สึกว่าแพงมาก เขาคงล้มดีลและหาเป้าหมายรองแทน
(แต่รู้เลยว่า ฝ่ายวิเคราะห์และฝ่ายซื้อขายอยากได้จริงๆ ไม่งั้นไม่สู้ตายขนาดนี้)

ส่วนตัวผม ไม่คิดว่าจะได้แต่แรกนะ (แต่ถึงตรงนี้ก็น่าจะได้แหละ)

ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการปิดดีลที่ช้าเลย ถ้าตามข่าว ข่าวบอกหงส์ติดต่อตั้งแต่กุมภาแล้ว แล้วทำไมเราถึงเพิ่งมารู้ข่าว แค่ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาละ ก็แค่มันไม่ปล่อยข่าวให้เรารู้แค่นั้นเอง

ดีลนี้ จะช้าหรือเร็วมันแทบไม่มีผลอะไรเลย ถ้าไม่ช้าถึงขั้น Pre season ไม่ทัน ซึ่งก็ยังเหลือเวลาอีกเป็นเดือน

การคุยกัน จะเจรจาทางไหนก็ได้ ไอข่าวที่ว่ายื่นๆๆๆ เนี่ย ถ้าเลเวอร์ไม่ได้กระดาษว่ายื่นจริงๆเข้าไป มันก็แทบจะแปลว่ายังไม่ได้ยื่นจริงๆเลยสักครั้ง

สมมุติก็ได้ ที่คุยๆกันเนี่ย เลเวอร์ต้องการ 150 ล้าน หงส์ต้องการจ่าย 100 + 30 add on ง่าย + 20 add on ยาก

นี่มันเท่ากับ เรา Delay เงินไป 50 ล้านแบบชิวๆเลยนะครับ

เพราะงั้นการได้มา เร็วหรือช้าแบบไม่กี่วัน ผมว่ามันไม่ได้มีผลอะไรเลย และ ทีมได้ประโยชน์ด้วย

ส่วนเรื่องดีลอื่น ผมว่ามันก็เดินไปตามเรื่องปกติ ..... ไปดูกองหน้าเถอะครับจะได้ใครไหม ถ้าบักหนุนขายไม่ออกน่ะ ฮ่าๆๆๆ

ผมกลัวเวียตรอย้ายฟรี หรือรอตอนมกรา ไปมาดริด หรือ บาเยิน มากกว่าครับ

พูดกันตามตรงนี่ยังไม่ถึงช่วงตลาดเปิดด้วยซ้ำในช่วงปกติ ปกติเปิดตลาดกันช่วงกลางเดือนมิถุนาด้วยซ้ำไป นี่เขาเปิดตลาดก่อนเพราะสโมสรโลก เพราะงั้นแค่นี้ถือว่าเร็วมากแล้วครับ

ส่วนพรีซีซั่นเนี่ย เตะกลางและปลายปีหน้าเลย เวลาเหลือๆครับ สำหรับผมดีลเวียตลากยาวๆต้นเดือนหน้าแล้วได้ข้อสรุปที่สโมสรพอใจ ได้ประโยชน์ก็พอครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องช้าไปเร็วไปเลย

ส่วนเรื่องต้องรีบสรุปจะได้ดูว่าควรจัดการกับนักเตะตำแหน่งอื่นๆยังไงเนี่ย เรื่องนี้ผมว่าสโมสรมีแนวทางชัดเจนอยู่แล้วครับ ว่าจะใช้แนวทางไหน หากได้ไม่ได้ สโมสรเรามันไม่ได้ต้องมานับ 1 ถึงไป 2 ได้นะบางเคส บางเคสนี่เล่นนับ 2 3 4 ไปรอแล้วด้วยซ้ำ

ช้า = โอกาสได้น้อยลง อาจเกิดจากคนขายไม่อยากขาย หรือทีมอยากได้น้อยลงด้วย