นับความจริงแค่ไอเดียแล้วลงมือทำ แล้วบริหารจนสำเร็จนี่แหละความเก่ง uber มันก็เกิดจากไอเดียแล้วบริหารยันวันนี้แหละ แต่ใดๆแล้วมันคือหนัง ถ้าต้องบรรยายหมดคงต้องชีวิตจริงแบบถ่ายตลอดยกเว้นตอนแล้วหละครับ

ครับ ตามสะดวกเลย

เก่งแบบทั่วๆไปนี่แหละครับ นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสไตล์ของเจ้าของบริษัทในชีวิตจริงเลยครับ

อย่างแรกเลย คือสันติมีความเป็นผู้นำ และรวมใจคนเข้าไว้ด้วยกันได้ อันนี้สำคัญมากครับ
ถ้าเสี่ยวหยูเป็นCEO ไม่มีทางรวมใจคนไว้ได้ ใช้ตัวเลขมาบริหารคน ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้จริง
เอารุ่ยเจียมาเป็นCEO แบบนี้เผลอๆจะเจ๊งตั้งแต่เนิ่นๆ คิดแต่ด้านธุรกิจด้านเทค ไม่สนการเงิน ปฏิสัมพันธ์แย่
นี่จึงเป็นจุดแข็งแรกของสันติไงครับ คือการรวมคนเข้าไว้ด้วยกัน ผ่อนหนักผ่อนเบา มีลูกล่อลูกชน

แคมเปญ 19 บาท ขนส่งเครื่องบิน อันนั้นเป็นประเด็นท้ายๆแล้วด้วยซ้ำ
แต่เรื่องก่อนหน้านั้นหละ เช่นเอาชนะใจขนส่งอิสาน การใช้ลูกบู๊แย่งคู่แข่ง การแจก3แสนให้เซลมาขายแข่ง
การไปดีลกะเจ๊ร้านขายของ และอื่นๆอีกมากมาย สิ่งนี้ไม่ใช่หรอที่ทำให้ Thunder มันอยู่รอดมาได้
ถ้าไม่ได้การแก้ไขสถานการณ์ตอนนั้น มันจะอยู่รอดมาถึง 19บาท ส่งเครื่องบิน ชนะแคมเปญกะมอลลี่ หรอ

เพราะงั้นคีย์ของสันติ เอาสรุปสั้นๆเลยก็คือ เป็นสารบริหาร ครองใจคนได้
เหมือนมาร์คซักเกอร์เบิก คนก็บอกว่าเขียนโค้ดกาก แต่ก็เป็นผู้บริหารขั้นเทพได้
สตีฟจ๊อบ ก็ไม่ได้เก่งเทคอะไรมากมาย ทำเรื่องผิดพลาดมากกว่าสันติอีก แต่ก็เป็นCEOระดับขั้นเทพของโลกแน่ๆ
หรือจะเล่าปี่ ที่ก็ต้องถามแบบเดียวกันว่าเก่งตรงไหน สู้ขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย จูล่งตรงไหนได้บ้าง

ก็นั่นแหละครับ ความเก่งของสันติในเรื่อง ก็คงเป็นสไตล์นั้นแหละ

ก็การที่สันติเอาคนเก่งๆมาทำงานร่วมกันได้แหละครับคือความเก่งของสันติ

และเป็นความสามารถของคนเป็น CEO ด้วย

เหมือนที่รุ่ยเจี๋ยกล่าวไว้ตอนต้นเรื่องว่าตนไม่เหมาะกับเป็นคนสร้างเรือ แต่เหมาะกับเป็นคนออกไปหาปลามากกว่า(ประมาณนี้นะอาจะไม่เป๊ะ)

หรือก็คือพวกรุ่ยเจี๋ย เสี่ยวหยูคือคนที่มีความสามารถในด้านที่ตัวเองถนัดคือเรื่องเทคและงบการเงิน

แต่คนที่ต่อเรือและเอาพวกคนหาปลาเก่งๆมาลงเรือลำเดียวกันได้ และทำงานร่วมกันได้ตลอดรอดฝั่งก็คือสันติ

อีกอย่างคือสันติมันก็คงเก่งมากๆแต่หนังมันต้องหาเรื่องอะไรมาเป็นอุปสรรคซะหน่อยเช่นเรื่องแคมเปญ 19 บาท

แต่เรื่องอื่นๆสันติมันก็ทำถูกทั้งนั้น เช่นตอนไปขอเงินก้อนจากอลิซ ตอนนั้นก็โดนเสี่ยวหยูบอกให้ปล่อยหุ้นไปเลยไม่งั้นบริษัทไปไม่รอด แต่ตัวเองก็ตัดสินใจว่าจะไม่ขาย แต่สุดท้ายอลิซก็ยอมให้เงินอยู่ดีและลดจำนวนหุ้นที่จะถือลงจากข้อเสนอแรก ไหนจะจุดขายของ Thunder ที่ไปรับถึงหน้าบ้านอีก

หรือไหนจะแคมเปญส่งวันนี้ พรุ่งนี้ถึงก็เป็นตัวสันติอีกที่คิด ก็คือมันเป็นคนที่เข้าใจธุรกิจตัวเองที่สุดแล้ว ว่าจะดึงศักยภาพออกมายังไง แต่ก็ต้องมีผ้าเบรคอย่างเสี่ยวหยูมาคอยเป็นเบรคไว้บางสถานการณ์ด้วยไม่งั้นจะพุ่งแรงเกินแบบตอน 19 บาทน่ะแหละ

ผมดูพวกหนังแนวๆ ธุรกิจ แล้วพระเอกเติบโตประสบความสำเร็จ ผมก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พระเอกมันทำว่ามันดียังไงพระเอกเก่งยังไง ทำไมมันมีแต่ความไม่สมเหตุสมผล มันมีแต่เรื่องที่มันจะทำได้ด้วยหรอทำได้จริงๆหรอ มันมีแต่คำถามเต็มไปหมด

ผมเลยมาลองคิดดู ก็เพราะไอพวกนี้มันคิดอะไรที่แตกต่างคาดไม่ถึงหรือทำอะไรที่เราไม่เข้าใจผิดแปลกไปจากนอร์มของเรา มันเลยทะยานไปถึงจุดนั้นได้ไง

เข้าใจ Startup ต้องรีบโต ต้องรีบยึดตลาด

ไม่ใช่แค่รับจ้าง รับเหมา เล็กๆน้อยๆ

สันติ = คล็อป

เสี่ยวหยู = เอ็ด

รุ่ยเจี๋ย = บูวัค

ประมาณนี้ครับ

ถ้าเอาชีวิตจริงมาทำทั้งดุ้นน่าจะไม่มีคำถามนี้นะ เพราะชีวิตจริงดาร์กกว่านี้

เอาง่ายๆคือเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย กล้าตัดสินใจ มั่นใจ Know How ที่ตัวเองมี

ที่เหลือก็มีองค์ประกอบอื่นๆๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำธุรกิจ คอนเนคชั่นสำคัญมาก

อีกอย่างที่เก่งคือ ดวง

ภาษาได้

ความกล้าได้

มีพลังดึงดูดผู้คนแบบลูฟี่

ช่วงเป๋ น่าจะเพราะมีปัญหากับนางเอกพอดี

จะว่าโชคดีก็ใช่อยู่นะคับ

ความเก่ง ของceo อา่ะ คือหาคนเก่งแต่ละด้านมารวมกันจนงานสำเร็จ
เหมือน จ๊อบอ่ะครับ
ออกแบบไม่เก่ง เท่า ive
softwareไม่รุ้เรื่องเท่าว้อซเนี้ยก
คุมการเงินบริหาร stock ไม่เก่งเท่า ceo ปัจจุยัน
แต่รุ้ว่าคนต้องการไรแบบสันติ แล้วหลักดัน project จนสำเรจ ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ

เรื่องจริงไม่มี มีแต่เรื่องแต่งครับ ที่เอามาแค่โครงเรื่อง ลายละเอียดไม่เหมือนสักนิด

อาจเอาคาแรคเตอร์บางอย่าง บางคนมาเสริมๆ แต่จริงๆมัน 99% คือเรื่องแต่งอ่ะ

ตามเนื้อเรื่อง ผมว่าเก่ง 3 อย่าง วิสัทัศน์ กล้าได้กล้าเสีย และสำคัญสุดคือเก่งคน

ทำไมถึงมั้นใจว่าเรื่องแต่ง99% รึครับ เคยทำงานในสีเหลืองรึท่าน รายชื่อ End credit ก็บ่งบอกอะไรยุนะ

พออ่านคอมเมนท์ละนึกถึงเล่าปี่เลย

อสดงว่าบทพระเองน่าจะปูๆมาแนวนี้คนจะอินนะเนี่ย