จากใจครู ขอเถอะ ! เด็กไทยอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ทั้งโรงเรียน + ครอบครัวต้องช่วยกัน
ปัญหาการศึกษาไทยโดยเฉพาะเรื่องการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในเด็กประถม เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและเรื้อรัง ในฐานะผู้สอนระดับ ป.4-ป.6 ขอสะท้อนปัญหาหลัก ๆ ดังนี้
1. พื้นฐานการอ่านและการเขียนไม่แน่นตั้งแต่ประถมต้น (ป.1-ป.3)
เด็กไม่รู้จักพยัญชนะ ตัวสะกด: ปัญหาเริ่มต้นตั้งแต่ระดับ ป.1-ป.3 ซึ่งควรเป็นช่วงที่เด็กสร้างพื้นฐานการอ่านเขียนให้แข็งแรง แต่เด็กจำนวนมากยังไม่มีความรู้พื้นฐานเหล่านี้เมื่อขึ้น ป.4
การปล่อยเลื่อนชั้น: แม้เด็กจะอ่านไม่ออกหรือไม่รู้จักอักษรไทย ก็ยังถูกปล่อยให้เลื่อนชั้นขึ้นมา โดยผู้บริหารกังวลว่าการให้ซ้ำชั้นอาจทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจหรือมองว่าเป็นการตัดโอกาสเด็ก ซึ่งสวนทางกับความเห็นของครูที่มองว่าเด็กควรมีพื้นฐานที่แน่นก่อนเลื่อนชั้น
2. ความต่อเนื่องในการพัฒนาภาษาไทยช่วง ป.4-ป.6 มีข้อจำกัด
ข้อจำกัดด้านเวลา: ครูมีภาระสอนหลายชั้น ทำให้มีเวลาน้อยในการกวดขันเด็กรายบุคคลที่มีพื้นฐานไม่แน่น ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจว่า โรงเรียนรัฐโดยส่วนใหญ่ ถ้าเป็นระดับชั้น ป.4-ป.6 จะใช้ครูภาษาไทยคนเดียว สอนทั้ง 3 ชั้น แต่ถ้าเป็นระดับชั้น ป.1-ป.3 มักจะเป็นครูประจำชั้นสอน ห้องใครห้องมัน ครูประจำชั้นจะกวดขันได้มากกว่า
อุปสรรคจากการร่วมมือของผู้ปกครอง ดังนี้
เด็กไม่สะดวกอยู่ต่อหลังเลิกเรียน: ผู้ปกครองบางส่วนจำเป็นต้องรีบรับเด็กกลับบ้านเนื่องจากมีกิจกรรมอื่น ๆ หรือมีธุระ ทำให้ครูไม่สามารถกวดขันเด็กที่อ่อนมากหลังเลิกเรียนได้
การติดตามงานผ่านไลน์ไม่สม่ำเสมอ: แม้ครูจะพยายามให้เด็กส่งวิดีโอ/คลิปเสียงการอ่านผ่านไลน์ส่วนตัว แต่เด็กหลายคนก็ไม่ได้ส่ง
ผู้ปกครองนิ่งเฉย: ผู้ปกครองบางรายไม่ให้ความร่วมมือในการกวดขันการอ่านเขียนของเด็กที่บ้าน โดยเฉพาะช่วงวันหยุด ทำให้การพัฒนามีความล่าช้าหรือไม่เกิดขึ้นเลย
ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน: เด็กที่ครอบครัวติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดและครูกวดขันจะมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเด็กที่ครอบครัวไม่ติดตาม
ปัญหาเด็กย้ายโรงเรียน: มีกรณีที่เด็กย้ายเข้ามาในระดับ ป.4-ป.6 โดยที่ยังอ่านออกเสียงและเขียนสะกดคำง่าย ๆ ไม่ได้ ซึ่งสะท้อนว่าโรงเรียนเดิมไม่ได้กวดขันอย่างเพียงพอและผู้ปกครองไม่ได้ตรวจสอบสมุดการบ้านของเด็ก
3. บทบาทของผู้บริหารและเขตพื้นที่การศึกษา
ผู้บริหารเน้นกิจกรรมอื่น ๆ มากกว่า: ผู้บริหารมักให้ความสำคัญกับการปรับปรุงภูมิทัศน์และเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนและหน่วยงานภายนอก ทำให้การดูแลเรื่องการอ่าน คิด คำนวณ ของเด็กไม่เข้มข้นเท่าที่ควร
ครูขาดอำนาจในการตัดสินใจ: ครูถูกตำหนิหากพยายามขัดใจผู้บริหาร ทำให้หลายคนเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลย และเด็กคือผู้ได้รับผลกระทบ
ศึกษานิเทศก์ขาดการติดตามจริงจัง: ศึกษานิเทศก์มักเน้นการถ่ายรูปและจัดอบรมระยะสั้น ขาดการลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาและติดตามการบริหารจัดการของโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอในโรงเรียนที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
โดยรวมแล้ว ปัญหาหลักคือ การขาดพื้นฐานที่แข็งแรงตั้งแต่ประถมต้น การขาดความร่วมมืออย่างจริงจังจากผู้ปกครองและผู้บริหาร รวมถึงการขาดการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องจากเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งส่งผลให้เด็กมีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน และยากที่จะพัฒนาต่อยอดในระดับที่สูงขึ้นได้
ภาพจากระบบ AI Gemini