[RE: “จูเน่” รับเรียนไม่จบ ป.ตรี เพราะนั่งเรียน 4 ปีไม่ตอบโจทย์ชีวิต!]
999LVL พิมพ์ว่า:
ยักษ์เดนส์ พิมพ์ว่า:
999LVL พิมพ์ว่า:
ยักษ์เดนส์ พิมพ์ว่า:
999LVL พิมพ์ว่า:
RamosComeback พิมพ์ว่า:
999LVL พิมพ์ว่า:
ในวงการดูยี้กันนะกับจูเน่ ถ้าเรียนไม่จบก็ต้องยืนระยะในวงการให้ได้อย่างน้อย20ปี+ ถ้าแค่10ปีแล้วไม่มีงานหลังจากนั้นจะลำบากเอา
โหบ้านอย่างรวยไม่ต้องกลัวหรอก
ใช่ครับรวยจากกงสีของรุ่นตายาย รุ่นแม่ก็รวยแต่ผมก็คิดว่าคงไม่ได้เอาเงินครอบครัวมาใช้น้องคงใช้เงินจากการทำงานของตัวเอง เพราะถ้าถึงตอนนั้นอายุ30-40ยังมาใช้เงินครอบครัวก็เอาเถอะ
ผมว่าไม่แปลกนะ เห็นลูกคนรวยเยอะนะที่ใช้เงินพ่อแม่จนโต
ผมว่าก็ดีนะ ถ้ามีจนใช้ไม่หมดขนาดนั้น
ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ชีวิตลำบากเลยถ้าเราเกิดมาสบายอยู่แล้ว
ก็เยอะครับแต่ ใช่เลยไม่ผิดที่ไม่ต้องการใช้ชีวิตลำบากแต่เพื่อนผมลูกหลานตระกูลเซ็นทรัลมันก็ทำงานก๊อกๆแก๊กๆไปเรื่อยให้ชีวิตดูมีคุณค่ามันก็เรียนจนจบปริญญาถึงจะเมืองนอกก็เถอะ ที่จะบอกคือรวยระดับต้นประเทศยังสอนให้ลูกหลานเรียนและทำมาหากิน
แต่ถ้าคิดแบบนั้นว่าไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากก็อยู่เฉยๆเกาะพ่อแม่ไปตลอดชีวิตใช้เงินใช้สมบัติตระกูลไปเลยดีกว่าไม่ต้องมาอยู่ในวงการหรอก ที่มาอยู่ในวงการก็เพราะต้องการอาชีพต้องการชื่อเสียงไม่ใช่หรออยากได้ไม่มีสบาย นี่อาชีพก็จะไม่เอาเรียนก็ไม่เอา(ถึงจะอยากไปคอร์สออนไลน์)บ้านไม่รวยก็แค่คนเฮงซวยคนนึงอะครับ
ตระกูลอะไรยังไงนั่นมันก็ชีวิตเค้าอ่ะครับผมว่า
คือตอนนี้เหมือนท่านกำลังยกชีวิตคนกลุ่มนึงมาเป็นบรรทัดฐานคนอีกกลุ่มนึงอยู่
ซึ่งชีวิตแต่ละคนมันไม่ได้มีกฎตายตัวอ่ะว่าแบบไหนถูกแบบไหนผิด
แต่ดูท่านจะไปตัดสินว่าคนรวยที่ใช้ชีวิตแบบนี้คือคนเฮงซวยซะแล้ว
อย่างดาราคนนี้คือบ้านเค้ารวย เค้าก็อยากได้ชีวิตที่มีชื่อเสียง มีคนชื่นชอบ
แค่นี้ชีวิตเค้าก็ถือว่าคอมพลีทแล้ว ได้ทำในสิ่งที่อยากทำโดยไม่ต้องมากังวลว่าอนาคตจะไม่มีกิน
ผมว่าคนที่ต้องทำงานเพราะกลัวว่าตอนแก่จะไม่มีกินนั่นแหละชีวิตเฮงซวยของแท้เลย
ถ้าบอกว่าไม่มีกฎตายตัวอันนี้ผมเห็นด้วยนะ แต่ถ้าบอกว่าคนรวยใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เฮงซวยแต่คนจนใช้แบบนี้คือเฮงซวยหรอครับแล้วมันจะไม่มีกฎตายตัวยังไงกับที่ท่านว่า แปลว่าแบบนี้99%ในประเทศนี้คงเฮงซวยหมดแหละถ้าจะบอกแบบนี้ เพราะคนมี10ล้านบาท+มีอยู่ประมาณ7หมื่นคน+ ในประเทศนี้ มี10ล้านยุคนี้ยังถลุงไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ไม่ได้ต่างจากที่ท่านบอกว่าผมไปตัดสินคนรวยหรือผมไปเจือกตระกูลคนอื่นหรอกมันก็สเตอริไทป์เหมือนกัน แค่ผมเข้าข้างคนทั่วไป แต่ท่านเข้าข้างคนรวย
และพ้อยของผมคือต่อให้จะมีจะจนการศึกษาก็สำคัญต่อการทำงาน และการทำงานคือคุณค่าของชีวิตคนระดับบิลเลียนแนร์ยังทำงานแค่รูปแบบงานแตกต่างกันออกไปการศึกษาในหลักสูตรอาจไม่ตอบโจทย์ก็ไปหาศึกษาจากทางอื่นก็ไม่ผิด แต่วันนึงสมมุติอยากเป็นแอร์ขึ้นมาเบื่อวงการบันเทิงก็เป็นไม่ได้นะได้แค่บางสายการบินบางรอบสมัครเท่ากับตัดโอกาศตัวเอง อย่าคิดว่ามีแล้วไม่หมด หลักร้อยล้านเพื่อนพ่อผมก็หมดมาแล้วจากการไม่ทำงานใช้มรดกไปวันๆเที่ยวตั้งแต่หนุ่มยันแก่
แต่ถ้าบอกว่าคนรวยใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เฮงซวยแต่คนจนใช้แบบนี้คือเฮงซวยหรอครับแล้วมันจะไม่มีกฎตายตัวยังไงกับที่ท่านว่า
- ผมพูดแบบนี้คือในกรณีที่ใช้ชุดความคิดเดียวกับคุณแหละครับ เพราะจริงๆผมไม่ได้มองว่าใช้ชีวิตแบบไหนแล้วจะเฮงซวย
ผมไม่ได้จำเป็นต้องเข้าข้างคนรวย เพราะผมก็ไม่ได้รวย
ผมแค่มองโลกไปตามความเป็นจริง มองชีวิตเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เข้ามาแล้วก็ผ่านพ้นไป
คือดูแล้วคุณชอบยกชีวิตคนใกล้ตัวมาเป็นไม้บรรทัดกับชีวิตคนอื่นจริงนะผมว่า
คือคนรู้จักคุณจะรวยกี่ร้อยล้านพันล้านแล้วใช้หมดอะไรผมไม่รู้หรอก ไม่ได้อยากรู้ด้วย
มันไม่ถูกตั้งแต่คุณบอกว่าการศึกษา การทำงานมันคือคุณค่าของชีวิตคนแล้ว
คุณค่าของคนเรามันขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคลล้วนๆ
เค้าจะมองว่าการทำแบบนี้แล้วเค้าจะรู้สึกว่าชีวิตเค้ามีคุณค่ามันก็เรื่องของเค้าอีก
ประเด็นที่ผมจะสรุปให้คือ ชีวิตเค้า เค้ามีสิทธิ์เลือก
ชีวิตใครชีวิตมัน เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตคนอื่นครับ
ผมว่าการตัดสินชีวิตคนอื่นทั้งที่เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายนี่มันน่าเกลียดมากๆอ่ะผมว่า