สมัยผมก็คิดแบบนี้แหละ เพียงแต่ไม่มีคอร์สออนไลน์ให้เรียนท่วมๆ แบบสมัยนี้
ถ้าจบมาแบบสายทั่วไป ไม่ใช่สายวิชาชีพ ก็เห็นด้วยนะ
เพราะผมจบสายวิชาชีพก็ยอมรับว่าตอนนั้นคิดผิด เพราะมันไม่ได้สอนความรู้มากนัก

แต่มันสอนวิธีคิด วิธีapproachปัญหา วิธีหาทางแก้มากกว่า
ความรู้ทำงานจริงก็ไปหาเอาตอนทำงานนั่นแหละ

ส่วนเรื่องที่อยากรู้อะไร ก็ไปซื้อหนังสือมาอ่านเอา หรือเทคคอร์สเอา
จบมาสิบกว่าปีหนังสือก็เต็มตู้อยู่

บ้านรวยมันมีต้นทุนกว่าอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ในวงการคอนเนคชั่นอะไรก็เยอะกว่าคนทั่วไป ถ้าไม่โง่ก็ไปเกาะคนเก่งๆยืมเงินที่บ้านไปลงหุ้นส่วนทำธุรกิจก็สบายแล้ว หุ้นแล้วทำไรแบบไม่ต้องคิดไรมากเลยก็เป็นพรีเซนเตอร์

แต่แค่ประเด็นนี้มันไม่ต้องมาสัมแบบด้อยอีกฝั่งนึงแค่นั้นแหละ เป็นผมคงตอบว่าตารางงานไม่ตรงกับการเรียนเลยจำเป็นต้องเลือกทางเลือกนี้ เพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องเวลาและมีประสิทธิภาพ แล้วก็หยอดๆอีกฝั่งไปหน่อยว่าการเรียนมหาลัยก็มีข้อดีนะคะ บลาๆๆ รู้สึกเสียดายตรงนี้เหมือนกันค่ะ...

ผมว่าหลายคนถูกปลูกฝังมายเซ็ทแบบชนชั้นกลางมาตลอด
ว่าโตแล้วถ้าไม่ทำงานหาเงินเองคือน่าอาย
ผมว่าถ้าพ่อแม่มีให้มากๆจนเราไม่จำเป็นต้องหา เราจะไปดิ้นรนทำไม
ชีวิตเราอยู่ได้อย่างมากก็ 100 ปีเอง มีต้นทุนแล้วก็ไปทำอะไรที่อยากทำดีกว่า
คนที่ไม่มีมันก็ต้องเสียเวลาหาต้นทุน กว่าจะได้ทำอะไรที่อยากทำก็อาจจะแก่ตายก่อน

ไม่จริงหรอก ที่บอกว่า รวยจริง ไม่ต้องทำอะไร
นั้นแหละ ยิ่งต้องทำอะไรหลายอย่างเลย อยู่ตรงไหนก็ต้องแข่งขันทั้งนั้น เพื่อ prove บางอย่าง
คนไหนที่ไม่มีผลงาน ความสำเร็จอะไร คนนั้นมีโอกาสสูงมาก ที่จะโดนตัดออก
เกื้อกูล หรือ เกาะแดก benefit คนละเรื่องเลย

อย่าคิดอะไรแบนๆ

คนรวยนี่ดีเนอะ จะทำอะไรเฮงซวยแค่ไหนก็ได้ ยังไงก็ล้มบนฟูกบนกองเงินกองทอง

หนีซ้อม ทิ้งงานวง ทิ้งเพื่อน ทิ้งแฟนคลับที่คอยปกป้องยังทำมาแล้ว ทิ้งการเรียนแค่นี้สบายมาก

ตั้งแต่เท FC ก็ไม่ค่อยสนใจตามอีก

ก็เยอะครับแต่ ใช่เลยไม่ผิดที่ไม่ต้องการใช้ชีวิตลำบากแต่เพื่อนผมลูกหลานตระกูลเซ็นทรัลมันก็ทำงานก๊อกๆแก๊กๆไปเรื่อยให้ชีวิตดูมีคุณค่ามันก็เรียนจนจบปริญญาถึงจะเมืองนอกก็เถอะ ที่จะบอกคือรวยระดับต้นประเทศยังสอนให้ลูกหลานเรียนและทำมาหากิน

แต่ถ้าคิดแบบนั้นว่าไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากก็อยู่เฉยๆเกาะพ่อแม่ไปตลอดชีวิตใช้เงินใช้สมบัติตระกูลไปเลยดีกว่าไม่ต้องมาอยู่ในวงการหรอก ที่มาอยู่ในวงการก็เพราะต้องการอาชีพต้องการชื่อเสียงไม่ใช่หรออยากได้ไม่มีสบาย นี่อาชีพก็จะไม่เอาเรียนก็ไม่เอา(ถึงจะอยากไปคอร์สออนไลน์)บ้านไม่รวยก็แค่คนเฮงซวยคนนึงอะครับ

จริงๆมันก็ต้องชั่ง นน ดู ระหว่างคุณนั่งเรียน 4 ปี ใน ม

กับ ออกมา ทำงาน + หาความรู้ อาจจะออนไลน์

ความรู้ที่นำมาปฏิบัติได้จริง แล้วทำเงินให้คุณ

Connection จาก อจ จากเพื่อน ก็เป็นสิ่งที่หาได้จากการเรียนคณะ 4-6 ปีครับ

ประสบการณ์ชีวิต เอาตัวรอดเอง การพลัดเปลี่ยนชีวิตจาก เด็กไปวัยรุ่น และเตรียมเพื่อไปเป็นผู้ใหญ่

ซึ่งการที่เราทำผิดพลาด ตอนเรียน กับตอนออกมาทำงานจริง มันก็ต่าง

ไม่ได้หมายความว่าทุกเคส ไม่ได้บอกว่าเรียน 4ปีดีกว่าครับ

แต่พูดเพิ่มขึ้นมาเผื่อน้องๆมาอ่าน แล้วจะเหมาว่า ก็ไปเทค คอส ไม่ต้องเสียเวลา 4ปีก็ได้

เอาที่เรามองว่า เหมาะกับเราที่สุดละครับ

ไม่ตอบโจทย์​แล้วมีเป้าหมายก็เข้าใจได้นะ ไปทางงานบันเทิงเต็มตัว

แต่ไหงไปลงคอร์ส​อินทิเรียออนไลน์​หว่า เรียนจริงๆหรือลงไว้เฉยๆ

ตระกูลอะไรยังไงนั่นมันก็ชีวิตเค้าอ่ะครับผมว่า
คือตอนนี้เหมือนท่านกำลังยกชีวิตคนกลุ่มนึงมาเป็นบรรทัดฐานคนอีกกลุ่มนึงอยู่

ซึ่งชีวิตแต่ละคนมันไม่ได้มีกฎตายตัวอ่ะว่าแบบไหนถูกแบบไหนผิด
แต่ดูท่านจะไปตัดสินว่าคนรวยที่ใช้ชีวิตแบบนี้คือคนเฮงซวยซะแล้ว

อย่างดาราคนนี้คือบ้านเค้ารวย เค้าก็อยากได้ชีวิตที่มีชื่อเสียง มีคนชื่นชอบ
แค่นี้ชีวิตเค้าก็ถือว่าคอมพลีทแล้ว ได้ทำในสิ่งที่อยากทำโดยไม่ต้องมากังวลว่าอนาคตจะไม่มีกิน
ผมว่าคนที่ต้องทำงานเพราะกลัวว่าตอนแก่จะไม่มีกินนั่นแหละชีวิตเฮงซวยของแท้เลย

ผมว่าแล้วแต่ว่าอยากจะทำอาชีพอะไรในอนาคตมากกว่าน่ะ

เช่นอยากเป็นผู้พิพากษา แต่ไม่อยากเรียนปตรี ให้จบ
มันคงจะเป็นได้หรอกน่ะ

แต่ถ้าเป็นดารา นักแสดง เชฟ
ก็ไม่ต้องเรียนให้จบตรีก็ได้ เรียนคอร์สระยะสั้น
ตอบโจทย์กว่า

บ้านมีฐานะอยู่แล้ว ไม่ต้องซีเรียส รวยแล้วแถมเป็นดาราอีก

ดาราวัยรุ่นสมัยนี้เห็นเรียนที่มหาลัยเอกชน คณะนิเทศ แทบไม่ได้เข้าเรียน ยังจบเลย

คนที่จะพูดแบบนี้ได้มันต้องมีอะไรจับต้องได้จริงๆแบบ มาร์คซัค บิลเกต นู่นอ่ะ(จริงๆสองคนนี้จะเอาให้จบก็ได้ง่ายๆเลยแต่เขาจะเปลี่ยนโลกไง) นอกนั้นผมถือว่าก็แค่คนห่วยๆที่ไร้ความพยายามคนนึง อย่างอันนี้ลองบ้านไม่รวยหน้าตาไม่สวยดิจะเหลืออะไร

คือผมไม่ได้ว่าอะไรนะจะเลือกทางนี้แบบนี้เพราะคุณมีต้นทุนที่ต่างกับคนอื่นทั้งหน้าตาและฐานะ แต่เลือกสัมภาษณ์แบบนี้เห็นถึงทัศนคติที่โคตรกาก

ลืมไปแล้ว