เอ็งอะ หัวร้อนเพราะโดน ไปป่าว งานนี้


อ่านให้ดี

ไอพวกนี้มันตั้งใจบิดอยู่แล้วครับ จด บ.ใหม่ทุนล้านนึง เปลี่ยนชื่อทำไปเรื่อยๆ รู้เหลี่ยมกฏหมายด้วยไอพวกนี้ เพื่อนผมทำบ.เสื้อวิ่ง โดนเหลี่ยมไอพวกนี้จนเบื่อ

สำหรับท่านที่ถามว่าทำไมต้องเสียตังไปวิ่ง ผมว่างานวิ่งมันเหมือนสนามสอบอะครับ เราซ้อมวิ่งในลู่วิ่ง / สวนสาธารณะมาแทบตาย ก็อยากจะลองไปวิ่งตามงานที่เค้าจัดดู เพราะ

1.งานพวกนี้มี BIB ซึ่งจะมีการจับเวลาให้ตามจุด check point ต่างๆ (ยิ่งงานใหญ่ๆบางงาน สามารถใช้ ผลตรงนี้ qualify เอาไว้ไปวิ่งต่างประเทศได้อีก)

2.ได้ใช้ความพยายามที่ซ้อมมา ได้เห็นตัวเลข PB ที่มันดีขึ้นของแต่ละคน

3.คือเงินก็ไม่ได้เสียไปเปล่าๆหรอกครับ ปกติจะมีได้เสื้อวิ่ง / เหรียญ / อาหารแจก (ยิ่งงานใหญ่นี่ของกินเพียบบอกเลย) หรือบางงานก็อาจจะมีแจก พวกกระบอกน้ำ กระเป๋า ผ้าขนหนู และอื่นๆ

4.ได้เปลี่ยนบรรยากาศไปวิ่งในที่ที่ไม่เคยวิ่ง คิดดูว่ามาวิ่งบนถนน บนสะพาน จะมีโอกาสซักกี่ครั้ง 555 วิ่งในสวนในลู่จนเบื่อละ

5.เวลาอยู่ในงานวิ่งเหมือนได้บัฟอะครับ มันจะมีแรงฮึดขึ้นมากว่าต้อนซ้อมวิ่งคนเดียว

6.ได้รูปสวยๆตอนวิ่งของแต่ละคน เพราะในงานเค้าจ้างตากล้องมาค่อยถ่ายอยู่ครับ (แต่ผู้ชายก็รูปน้อยหน่อย ตากล้องแม่มจับแต่สาวๆ)

7.ข้อนี้สำคัญสุด สาวอย่างแจ่มมมมมมมมม

ข้อ7น่าสนใจที่สุด สำหรับคนไปงานวิ่งครั้งแรกเขาวิ่งกันกี่กิโลอะครับ กลัวจะลมจับก่อน

รูปตอนวิ่งจะได้มาจากไหนครับ และได้ทุกคนไหมครับ

และการจับเวลาเราต้องจับเองหรือมีนาฬิกากลางให้ครับ

เห็นพวกพิมพ์เอาหล่อ ทำไมต้องเสียตังไปงานวิ่ง ไอ้คนพวกนี้แม่มโลกหมุนรอบตัวเองล้วนๆ

ปกติจะมีแบ่งตามระยะครับ
Fun run : 5 km
Mini marathon : 10km
Half marathon : 21km
Full marathon : 42 km

ถ้าขั้นต่ำผมว่าซัก 10km ก็กำลังดีครับ ถ้า5km ผมว่าน้อยไปหน่อยไม่ค่อยคุ้มค่าแหกขี้ตาตื่นมาตี4ตี5 เพราะงานวิ่งเค้าจัดกันเช้ามากครับ

รูปบางรายการต้องซื้อครับ รายการใหญ่ๆก็แจกฟรี มีให้ทุกคนครับอยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเข้ากล้องมาก-น้อยแค่ไหน

ส่วนเวลาบางรายการจะมีชิบจับเวลาอยู่ที่ป้ายเบอร์ที่ติดกับตัวเรา พอวิ่งผ่านCheck pointก็จะบันทึกเวลา วิ่งจบก็สามารถเช็คในเว็บได้ แต่ทุกรายการจะมีนาฬิกากลางที่จุดปล่อยตัวครับก็สามารถดูเวลาตรงนี้ได้ นักวิ่งส่วนใหญ่ก็จะกดนาฬิากาจับเวลาไปด้วย