[RE: 3 อาชีพที่จะไม่โดน AI ดิสรัปของบิล เกตต์... ไม่มีหมอ]
SeQueda พิมพ์ว่า:
bennikun พิมพ์ว่า:
SeQueda พิมพ์ว่า:
jocolenoname1234 พิมพ์ว่า:
แต่ โปรแกรมเมอร์ นี่
มีคนบอกว่า สมัยนี้ แค่เขียน promt เป็น สั่ง ai ให้ทำ ก็ทำได้แล้วท่าน ง่ายนิดเดียว
จากปากพวกไม่ใช่ engineer ทั้งนั้น พอคิดว่าตัวเองสร้างเกมส์งู เกมส์ปิงปอง หน้าเว็ปดาดๆ static webpage ได้ก็ยืดก็โม้ละกุเทพกุเก่ง
AI ไม่ทำให้ programmer หายไปไหรอก มีแต่จะทำให้เข้าถึงง่ายกว่าเดิมและคนเป็นได้ง่ายกว่าเดิม ยิ่งดีเลยเพราะตอนนี้ขาดแคลนคนเก่งๆเพราะเรียนมหาลัยจบปุ๊ปเลิก code กันทั้งนั้น
มี AI เผื่อจะทำให้อะไรๆง่ายขึ้นบ้างจนคนไม่ท้อเลิกก่อน
อาจจะต้องวงเล็บว่า "ที่เก่งๆ" ไว้ด้วย ผมก็ทำงานสายนี้อยู่หลายปี ด้วยความเคารพ คนเก่งนี่ ai คงแทนยากจริงๆ แต่เอาระดับทั่วๆไปผมว่าแทนได้สบาย
ผมว่าไม่หายหรอก มันก็จับคนไม่เก่งมาใช้ AI ให้งานเร็วขึ้นแก้ปัญหายากขึ้นได้นั่นแหละ เพราะทุกวันนี้ลำพังแค่ programmer ธรรมดายังมีไม่พอเลย
ลำดับของการทำงานในทีม software dev จะเป็นแบบนี้ครับ
Business need > Requirement > technical spec > coding > testing > implement > go live
junior หรือ programmer แบบที่รับๆกัน(เยอะๆ)มาทำงาน จะทำแค่ coding+testing(บางที่) คือรับมาทำแค่ก้อนของตัวเอง ไม่เก่งพอจะมอง cross function หรือมองย้อนกลับไปหา business need ได้ ซึ่งถ้าเราเขียน technical spec ได้ดีพอละเอียดพอ ก็เอาไปทำเป็น prompt สำหรับให้ ai gen code ไปได้หลาย % เลย เหลือ code อีกนิดเดียว แต่ถ้า requirement เฉพาะทางจริงๆ ai ก็จะช่วยได้น้อยลง
ดังนั้นในอนาคต code แบบทั่วๆไป เราแทบจะไม่ต้อง hard code เองกันแล้วครับ ปัญหาถัดมาคือ programmer คนนั้นต้องสามารถตัดสินได้ว่า code แบบนี้ตอบ requirement หรือไม่ มี requirement ข้อไหนที่ต้องตีกลับไปคุยกับลูกค้า อาจเพราะทำไม่ได้ หรือขัดแย้งกันเองกับ requirement ข้ออื่น มันจะหมดยุค code ตาม technical spec > tester > ลูกค้า test > ขอแก้ วนๆ 6เดือนยังไม่จบ
ตอนผมยังทำงาน project ทีมผม senior ล้วนๆงานทั้งเยอะทั้งยาก แต่ชิลๆ happy งานไม่วนลูป กลัวอย่างเดียวต้องไปทำร่วมกับ junior ทีมอื่น โอกาสทำงานไม่ได้หลับได้นอนสูงขึ้นเยอะมากครับ