- ขาดกองหน้าแต่ซื้อกองกลางก่อนเพื่ออะไร

- เออดี ขาดตำแหน่งนึง แต่ขยันไปซื้ออีกตำแหน่งนึง ฉลาดจริงโว้ยย

- ทำไมไม่ทำอย่างนู้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ทำไมโง่แบบนี้ บอร์ดขยะ ฯลฯ

เรามักจะเจอความเห็นทำนองนี้เวลาอ่านคอมเมนท์แนวข่าวการซื้อนักเตะ

หรือแม้แต่ Influ ด้านฟุตบอลของไทย ผมต่อให้เป็น Influ ที่มีชื่อเสียงเลย ก็ยังมีความคิดแบบนี้กันอยู่

สำหรับคนที่ยังคิดแบบนี้อยู่ คุณไม่ได้ผิด แค่คุณไม่รู้เรื่อง Project Management ครับ

ผมจะลองอธิบายตามความเข้าใจแบบคร่าวๆ ให้ลองอ่านนะครับ


---------


เบื้องต้นการจะซื้อนักเตะสักคนก่อนว่า โดยปกติมันมีขั้นตอนอะไรบ้าง (ใครพอรู้แล้วข้ามได้ แต่คนมักจะมองข้ามเรื่องพวกนี้กันเสมอ) ของจริงรายละเอียดมันจะซับซ้อนกว่านี้แหละ แต่ผมจะอธิบายคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ

1. สเกาต์นักเตะ โดยทีมงานสเกาต์ของสโมสรจะคอยติดตามฟอร์มของนักเตะ พิจารณาดูความเหมาะสมในเรื่องต่างๆ อันนี้น่าจะพอทราบกันไม่ลงรายละเอียดมาก ขั้นตอนนี้ใช้เวลามาก-น้อย ตามแต่กรณีเลย บางเคสก็ไม่กี่เดือน บางเคสก็ 3-4 ปีเลยทีเดียว

2. ติดต่อกับทีมเดิม หากนักเตะยังมีสัญญากับทีมเดิม สโมสรต้องขออนุญาตเจรจาจากทีมต้นสังกัดก่อน ถ้าทีมเดิมยินยอม สโมสรจะเสนอค่าตัวเพื่อแลกกับสิทธิในการซื้อตัวนักเตะ

3. เจรจากับนักเตะและเอเยนต์ เป็นการเจรจาสัญญาส่วนตัว เช่น ค่าเหนื่อย / โบนัส / ระยะเวลาสัญญา / เงื่อนไขพิเศษต่างๆ

4. ตรวจร่างกาย เมื่อตกลงกันได้ นักเตะจะต้องเข้ารับการตรวจร่างกายกับทีมแพทย์ของสโมสรใหม่

5. เซ็นสัญญา+ประกาศอย่างเป็นทางการ นักเตะ เอเย่นต์ และสโมสรใหม่จะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ และสโมสรจะประกาศ Official

หมายเหตุ: หากเป็นการย้ายทีมข้ามประเทศจะต้องมีเอกสารอย่าง ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) / ใบโอนย้ายระหว่างประเทศ (ITC)ด้วย ซึ่งความยากง่ายในการได้รับก็อาจไม่เท่ากันในแต่ละเคส

แค่พิมพ์ยังเหนื่อยเลย แล้วของจริงรายละเอียดมันมากกว่านี้หลายเท่า เลยทำให้การดำเนินการแต่ละอย่างในแต่ละดีลมันใช้เวลามากๆ และสิ่งสำคัญที่สุดจากขั้นตอนพวกนี้คือ มันไม่ได้เป็นการตบมือข้างเดียว ทุกอย่างไม่ได้ถูกกำหนดได้ด้วยทีมคุณทีมเดียวเลย มันมี Stakeholder เยอะมากในสมการนี้ แต่ทุกคนชอบมองข้ามจุดนี้ไปครับ


-------


ทีนี้มาลองดูเหตุการณ์กัน

เราลองมาจินตนาการกันว่า สมมติกรณีสโมสรหนึ่ง ตำแหน่งที่สโมสรต้องการตอนนี้โดยเรียงลำดับความสำคัญ คือ กองหน้า / กองหลัง / กองกลางตัวรับ
เราเปรียบเทียบการทำงานในดีลแต่ละตำแหน่งเป็น Project ดังนี้
กองหน้า >> Project A
กองหลัง >> Project B
กองกลางตัวรับ >> Project C

สถานการณ์จริงสิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีข่าวว่าเซ็นกองกลางตัวรับได้ก่อน ทั้งๆที่ความสำคัญน้อยที่สุด เอ้า!! ทำไมโง่แบบนี้ล่ะ ทำไมไม่เซ็นกองหน้าก่อน มัวแต่ไปเซ็นตำแหน่งอื่น 555

คำตอบของการกระทำสามารถอธิบายได้ตามนี้ครับ

1.ความสำคัญ (Priority) ≠ ความเร็ว
Project A อาจเป็นเป้าหมายหลัก (High Priority) แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำให้เสร็จได้เร็ว กว่าโครงการอื่นเสมอไปครับ โครงการที่ซับซ้อนกว่ามักต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากกว่าอยู่แล้ว เช่น คนที่ใช่ยังไม่มีในตลาด, การเจรจายากกว่า, นักเตะมีหลายทีมสนใจ, ต้นสังกัดไม่พร้อมขาย, เงื่อนไขสัญญาซับซ้อน ฯลฯ ในขณะที่ Project C อาจมีความซับซ้อนน้อยกว่า เจรจาได้ง่ายกว่า หรือมีความพร้อมมากกว่า ก็สามารถทำงานให้เสร็จสิ้นได้ก่อน

2. ข้อจำกัดของทรัพยากร
การจัดการหลายโครงการต้องใช้ทรัพยากรร่วมกัน (เวลา, คน, งบประมาณ) ทีมอาจแบ่งคนทำงานเป็นหลายชุด เช่น ทีมเจรจา, ทีมวิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ บาง Project เดินหน้าได้เร็วเพราะ "จังหวะพร้อม" แม้ไม่ใช่ priority หลัก สรุป Key ในการทำงานคือ จังหวะเหมาะ = ต้องคว้าไว้ก่อน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาส

3. Critical Path และ Dependency ต่างกัน
Project A อาจมี "คอขวด" (bottleneck) ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น รอคำตอบจากนักเตะหรือสโมสรเดิม ฯลฯ แต่ Project C อาจไม่มี dependency อะไรซับซ้อน สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอใคร ในการบริหารโครงการ เราจะไม่หยุดทั้งระบบเพียงเพราะโครงการหนึ่งยังไม่เสร็จ (เพราะถ้ามัวแต่รอทำอันนึงก่อน อีกอันไม่ทำ อาจจะพลาดทั้งกระดานได้นะ)

สรุปเลยนะครับ เวลาที่ต้องทำหลายสิ่งพร้อมกัน แน่นอนว่ามันย่อมต้องมี Priority ในการทำงานอยู่แล้วครับ และแน่นอนว่างานสำคัญที่สุดย่อมไม่ถูกละเลยอยู่แล้ว แต่การคิดง่ายๆแบบทำงานนี้ก่อนแล้วค่อยไปทำงานนั้นอะไรทำนองนี้ ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งกับคู่แข่งและแข่งกับเวลา มันไม่ทันกิน มันสุ้กับคู่แข่งที่เขาทำงานแบบขนานกันไปไม่ได้ครับ การบริหารโครงการมันไม่ใช่การเล่นเกมที่แค่เดินตามเควสหลักไปเรื่อยๆแล้วจะชนะ คุณต้องทำให้ทั้งระบบมันเดินงานไปพร้อมกันและเสร็จสิ้นได้ครบทั้งหมดครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

ไปก๊อปบทความใครมาวะ ให้เครดิตด้วย
***ผมกวน จขกท เฉยๆครับ

ผมอ่านจนจบนะ แต่แฟนบอลก็มีสิทธิ์บ่นะเขาสนับสนุนทีมไม่ว่าทางตรงทางอ้อม

แล้วไอ้ที่คุณพิมพ์มายืดยาว มันก็หน้าที่เขาเขาได้เงินเขาก็ต้องทำต้องคิด เขาไม่ได้ทำฟรีหนิ

หน้าที่ใครหน้าที่มัน เราเป็นแฟนบอลธรรมดาๆ ต้องไปคิดแทนเขาขนาดนั้นหรอครับ ผมว่าไม่จำเป็นนะ

ในกรณีที่บ่นๆนะ แต่ด่าสาดเสียเทเสียอันนี้ก็ตามนั่น

เขียนแนวคิดแล้วให้ GPT เรียบเรียงข้อความให้ครับ

ทำไมถึงคิดแบบนี้ล่ะ เคยเห็นบทความนี้หรือครับ

ถ้าเคยเห็นที่ไหนก็บอกผมด้วยนะ

ถ้าไม่ใช่กรุณาขอโทษด้วยก็ดีนะ

อ่านแล้วมันช่วยตอบยังไงกว่า ทำไมไม่ซื้อกองหน้าสักที

แฟนปืนไม่ได้บ่นเรื่องกองหน้าตลาดนี้

เค้าบ่นมาหลายตลาดแล้ว

แสดงว่า project a ล่มมาหลายตลาด

ซึ่งแปลว่ามันไม่ดีถูกป่ะ

อีกอย่าง มันมีเรื่องการ manage คงามคาดหวังของแฟนบอลด้วย

จะมาทำงาน a b c โดยไม่สนแหล่งรายได้อย่างแฟนบอล มันใช่หรอ

คุณอาจจะอ่านแล้วเข้าใจผิดนะ

แฟนบอลจะบ่นผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา ก็บ่นไปสิ มันแนวใครแนวมันจริงไหมครับ

ที่เขียนมานี้ก็เพียงอธิบายว่า เออ ถ้าลองติดเทียบความจริงในการทำงานมันอาจจะเป็นแบบนี้นะ

ใครใคร่จะเลือกดูแบบไม่ต้องมาคิดเรื่องพวกนี้ก็ได้ ผมก็ไม่ได้บังคับกีดกันอะไรสักหน่อย

แต่ถ้าจะลองหาความรู้เพิ่ม จะลองศึกษาอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง ลองคิดมันก็ไม่เสียหายนี่ครับจริงไหม

ไปก็อปเพจไอ่เบลมาม้าง ซึ่งไอ่เบลก็ไปก็อปคนอื่นมาอีกที ไม่ก็วิเคราะห์บอลจิงจัง

ถ้าคิดแบบตามกระทู้ อาจจะเป็นงานที่ยากกว่า และต้องใช้เวลามากกว่าล่ะมั้งครับ เพราะ ทีมที่ขาดกองหน้ามีเยอะ แต่กองหน้าที่ดี และเงื่อนไขพร้อมมีน้อย

ถ้าผมมีกองหน้าดีๆในทีม แล้วทีมอื่นจ้องจะซื้อ ผมก็ต้องทำทุกอย่างให้ได้กำไรมากสุดอยู่แล้ว โขกราคาเว่อร์ ไรงี้ หรือถ้าผมเป็นเอเย่นต์ก็ต้องโขกค่าเหนื่อยกับเงื่อนไข เอาได้เอาสุดอยู่แล้ว

ถ้าลองคิดแบบเหตุผลง่ายๆ เอ้ยเราขาดกองหน้านะ ทุกคนรู้ แต่เราไม่ซื้อเพราะเราไม่อยากซื้อหรอ

แบบนี้มันแปลก ฝืนธรรมชาติไปไหมครับ เบื้องลึกมันอาจจะมากกว่านั้นก็ได้นะ

ในเมื่อกล้ากล่าวหา ก็ไปหาหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหาด้วยครับ ถ้าไม่มีก็กรุณาตั้งกระทู้ขอโทษด้วยนะ

บางอย่างมันไม่ต้องมีหลักฐานหรอกครับ คุณทำไรคุณรู้อยู่แก่ใจ เหมือนตำรวจตรวจพัทยาไม่เจอกะหรี่อะ พูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น

ผมทำในรุปแบบตามที่ผมเขียนไว้ครับ ไม่ได้ก็อปใครครับ

เวลาคนพยายามทำอะไรสักอย่างมา คุณก็เลือกที่จะทำพฤติกรรม Toxic ด้วยการกล่าวหาง่ายๆ แบบนี้หรือครับ

การตัดสินแค่เพราะใช้ความรู้สึกส่วนตัว โดยไม่มีหลักฐาน พอถามหาหลักฐานก็มาตอบว่ารู้อยู่แก่ใจ แบบนี้คุณควรต้องถามตัวเองนะ ว่าคุณเป็นคนแบบไหน

ฮะ !!!!! นี้ตรรกะไหนเนี้ย น่าเกลียดมาก กล่าวหาเขาโดยไร้หลักฐาน และไม่ยอมขอโทษด้วย นี้มันวิธีคิดของสลิ่มชัดๆ

เบิ้ลเฉย ขออภัย

แล้วแต่ครับ ขี้เกียจเถียงละ

คำนี้ใช้ได้เฉพาะบอร์ดวาไรตี มาใช้บอร์ดนี้โดนแบนนะครับ