เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนนะ ว่าจะตั้งวันอาทิตย์แต่รอฝุ่นเริ่มหายหน่อยดีกว่า

ในมุมของ speech of expression
การวิพากษ์วิจารณ์การเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นโยบาย และรวมถึงผลการเลือกตั้งและพฤติกรรมการลงคะแนนของผู้คน ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของเสรีภาพนี้ ถึงแม้ว่าการใช้คำพูดที่รุนแรง เช่น "โง่" อาจจะไม่สร้างสรรค์และสร้างความแตกแยกไปบ้าง แต่มันก็ยังคงอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเสรีภาพในการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย (ตราบใดที่ไม่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทที่ผิดกฎหมาย หรือเป็นการยุยงให้เกิดความรุนแรงอะนะ)

แต่ในมุมของ การเคารพเจตจำนงของประชาชน (Respect for Popular Will)
ก็อาจจะไม่อยู่ในขอบเขตในเชิงเจตนารมณ์อะนะ
เพราะหัวใจสำคัญของประชาธิปไตยคือหลักการ "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน" (Popular Sovereignty) การเลือกตั้งคือกลไกที่ประชาชนแสดงเจตจำนงนั้นออกมา การดูถูกหรือด้อยค่าการตัดสินใจของผู้ลงคะแนนเสียงคนอื่นว่า "โง่" ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นการไม่เคารพหลักการพื้นฐานนี้อะนะ
แล้วก็มันดูเหมือนเป็นการแสดงทัศนะแบบ "อภิสิทธิ์ชน" (Elitism) ที่มองว่าตนเองหรือกลุ่มตนเองฉลาดกว่า และรู้ดีกว่าประชาชนนึงที่เลือก เอาจริงๆมันก็ดูจะขัดแย้งกับเจตนารมณ์ประชาธิปไตยที่เชื่อมั่นในวิจารณญาณของประชาชน


คิดเช่นไรฮะ

คนแม่งไปตีกันบนคำว่า "คนโง่" โดนซื้อเสียง

ทั้งๆที่ประเด็นจริงๆ มันอยู่ที่คำว่า "ซื้อเสียง" โดยไม่มีบทลงโทษ หรือการตรวจสอบที่ซื่อตรงมากกว่า

เถียงกันไร้สาระจัดเลย ทั้งๆ ที่เห็นๆ อยู่ว่าความยุติธรรมในประเทศแม่งกาก

คิทเช่นครัว

คำว่า “โง่” เป็นคำ “ด่า” ครับ ไม่ใช่ คำวิจารณ์

ผมว่าไม่เกี่ยวกัน เราจะคิดว่าใครโง่ในความคิดของเราก็ได้ ไม่ว่าเค้าจะเลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครที่เราชอบ ด่าได้แค่ไม่ไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกันก็พอ

ส่วนมากคนที่ด่าก็คงไม่ได้มองว่าโง่หลอกแต่มองว่าโดนซื้อเสียงเลยด่าว่าโง่

ซึ่งก็ไม่ค่อยชอบนะคนด้วยกันคิดไม่เหมือนกันกลายเป็นคนโง่

ตราบใดที่ไม่ไปทำร้าย ลากไปกระทืบ ฟ้องปิดปาก บังคับให้เลือกแบบเดียวกับเรา มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ

อีกมุมมันก็คือการถ่วงดุลกันเองด้วย ถ้าด่ากันคน2คน ก็ไม่น่ามีผลอะไร

แต่ถ้าเสียงดังเยอะๆ คนด่าทั้งสังคม มันก็อาจจะทำให้ฉุกคิดได้ว่า มันก็มีอีกหลายคนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้นะ นำไปสู่ second thought ซึ่งถ้ามั่นคงยืนยันการตัดสินใจเดิม ก็ไม่มีใครทำอะไรได้นะ

ไม่ดิ การด่ากันไปมาเป็นเรื่องปกติของโหวตเตอร์อยู่แล้ว อเมกาที่โคตรประชาธิปไตย คนกาทรัมป์ยังโดนด่าเลย

ปัญหาของไทยคือไอ้พวกนักการเมืองที่เอาเงินมาแจกกับ กกต.ที่เอาผิดใครไม่ได้เนี่ยแหละเป็นอันตรายต่อระบบประชาธิปไตยของจริง

เพราะการเลือกตั้งมันไม่สะท้อนเจตุจำนงที่แท้จริงของประชาชน กลายเป็นทุกวันนี้กาเพราะใครให้เงินมากกว่ากันมากกว่ากาเพราะการทำงานหรืออุดมการณ์พรรค นามสกุลเดิมๆสืบทอดอำนาจกันได้เป็นสิบๆปีโดยแทบไม่มีผลงานเป็นวงจรอุบาศของประเทศไทย

ถ้าเขามาด่าคุณว่าโง่บ้างแล้วคุณโอเคมั้ยล่ะ ผมว่าคำว่าโง่มันดูเป็นคำด่าเกินไป แต่การจะวิจารณ์ผู้ลงคะแนนเสียงเนี่ย มันไม่ผิดเลยนะ

เพราะมันคือเสรีภาพ แต่ต้องอยู่ในกรอบกติกาด้วย เพราะอย่าลืมว่าเสียงคนพวกนั้นมันก็มีค่าเท่ากับเสียงของคุณ

เสียงของคุณหมอท่านหนึ่งก็มีค่าเท่ากับเสียงเด็กอายุ 20 ธรรมดาคนนึง

มันก็ไม่ค่อยดีหรอก คนโดนด่ายังไงก็ไม่ชอบ แต่บางทีก็อดด่าไม่ได้

แต่คนที่จะมาวิจารณ์เรื่องนี้ อย่าให้เห็นนะว่าตอนรัฐประหารเห็นดีเห็นงามด้วย อวยคนทำรัฐประหารน่ะ มันหนักกว่าด่าโง่เยอะ

เรื่องโง่ โง่กันทุกคนนั่นแหละครับ ฝั่งชาวบ้านก็โง่ที่เลือกแบบเดิม

ฝั่งคนก้าวหน้าก็โง่ที่หาวิธีชนะไม่ได้ แต่การด่าคนอื่นโง่คือ
วิธีที่ง่ายที่สุด


เพราะสังคมของการแข่งขัน ไม่จำเป็นต้องแกร่งที่สุด
ขอแค่มีคนกากกว่าเราเยอะๆก็พอ

คนแม่งไปตีกันบนคำว่า "คนโง่" โดนซื้อเสียง

ทั้งๆที่ประเด็นจริงๆ มันอยู่ที่คำว่า "ซื้อเสียง" โดยไม่มีบทลงโทษ หรือการตรวจสอบที่ซื่อตรงมากกว่า

เถียงกันไร้สาระจัดเลย ทั้งๆ ที่เห็นๆ อยู่ว่าความยุติธรรมในประเทศแม่งกาก

คนซื้อ คนขาย คนจับ พอกัน

คุณไปด่าเขาว่า โง่ เลือกพวกนี้


เขาก็ด่าคุณว่า โง่ ได้เช่นกัน



ด่ามา ด่ากลับ ไม่โกง

ประชาธิปไตยมันต้องด่ากันได้ซิครับ

ใครจะมาด่าผมว่าโง่ที่เลือกพรรคส้มก็ด่าไป

ไม่เห็นต้องแคร์

ผมไม่อยากจะบอกว่าโง่นะ แต่ที่จริงคนมันก็ควรจะคิดได้หน่อยว่าพวกซื้อเสียงมันเอาเงินจากไหนมาซื้อ เงินเดือนนายกเทศบาลไม่น่าเกิน 30000 ถ้ามันเอาเงินมันเองมาแจก มันก็ต้องถอนทุนคืนจากงบประมาณอยู่แล้ว