ทำสงครามราคาแล้วไปกดพนักงานที่ส่งของของตัวเอง มีลาออกยกสาขา พอส่งช้า ของเสียหายก็พังทั้งระบบ

ที่ไหนมีกำไร ที่นั่นย่อมมีคู่แข่ง
ธุรกิจทุกประเภทที่ทำแล้วได้กำไร หรือกำลังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ ย่อมเป็นที่หมายปองของคู่แข่ง ในการลงมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด

ยิ่งรายได้บริษัทเติบโตดีเท่าไร ธุรกิจก็ยิ่งดีเท่านั้น
ประโยคดังกล่าว อาจไม่เป็นความจริงเสมอไป

จริง ๆ แล้ว กลุ่มบริษัทที่รายได้เติบโตระเบิด หากเป็นธุรกิจที่ยังไม่ทำกำไร ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะการที่บริษัทยังขาดทุนอยู่อย่างยาวนาน มันอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงสภาพธุรกิจที่อาจไม่ปกติ

“ค่าใช้จ่าย” ที่ยังเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามการเติบโตของรายได้

แล้วทำไมรายได้เติบโตดี แต่บริษัทยังคงขาดทุน ?

โดยปกติแล้ว การที่รายได้จะเติบโตได้ในระดับนี้ บริษัทเองก็ต้องใช้เงินลงทุน ในการขยายธุรกิจมากเช่นกัน

ต้องควบคลุมต้นทุนขาย ไม่ให้สูง

หากจะทำให้กำไรขั้นต้นเป็นบวก ก็มีอยู่สองอย่าง คือ

1. เพิ่มรายได้ เช่น บริษัทต้องขึ้นค่าขนส่ง

2. บริษัทต้องลดต้นทุนต่อหน่วย เช่น การขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นอีก เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือ ต้องลดค่าจ้างพนักงาน หรือค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้กับคู่ค้าลง

ยิ่งคู่แข่งเยอะ การเพิ่มราคา จะทำได้ค่อนข้างยากในปัจจุบัน

โดยหนี้ส่วนใหญ่ของบริษัท ก็จะเป็นเจ้าหนี้การค้า หรือก็คือค่าใช้จ่ายที่บริษัทค้างอยู่กับคู่ค้า ในกรณีนี้ก็เช่น ค่าจ้างไรเดอร์ที่ไม่ใช่พนักงานประจำของ kerry Express, ค่าเช่าที่, ค่าเช่ารถ

ผมขอพูดในฐานะลูกค้าเลยนะ ไม่ได้มีความรู้ทางเศรษศาสตร์หรือการเงิน/การบัญชีเลย

Kerry จะเจ๊งก็ไม่แปลกหรอก ค่าส่งก็แพง แล้วความเร็วก็ไม่ได้เร็วทุกครั้งด้วย บางครั้งวันเดียวถึง บางครั้งสองวันถึง ลูกค้าที่เขายอมเสียเงินส่งแพงก็ถอยดิ