คุณมองแค่เรื่องเงินของตัวเอง แต่พ่อแม่คุณมองเรื่องทายาทมรดกการสืบสกุล

ไม่ใช่เรื่องแปลก

คนรุ่นพ่อแม่บางคน คนมองเรื่องการสืบสกุลการสร้างฐานะแบบให้ตระกูลตัวเองโตไปเรื่อยๆในระยะยาว คนในตระกูลควรช่วยกันทำให้สกุลมันโตขึ้นๆ


คนรุ่นใหม่บางคน คิดถึงแต่ตัวเอง ทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์ไหม ไม่ได้ไม่ทำแล้วตีว่าไม่คุ้ม ได้แต่ตัวเองไม่อยากได้ไม่ทำเพราะตีว่าไม่ใช่แนว



พอเวลาคุยกัน ฝั่งนึงเอาคนหมู่มาก (สกุล) เป็นที่ตั้ง กับฝั่งนึงเอาตัวเองคนเดียวเป็นที่ตั้ง คุยยังไงก็ไม่ลงตัว

อันที่คุณกำลังเรียก ผมไม่ได้เรียกว่าทรัพย์สินครับ อันนั้นเรียกเงินลงทุนครับ เอาง่ายอีกตัวอย่างละครับ Art Piece หรือ Art Object บางตัวที่ราคาแพงๆ แบบระดับสิบล้าน อันนี้คุณเรียกว่าทรัพย์สินหรือเปล่าครับ เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้กับคุณนะครับ แถมยังต้องมีค่าดูแลรักษาด้วย แบบนี้คุณเรียกอะไรครับ (อันนี้ตามหลักบ้านเรา ถ้าเป็นนักการเมือง อันนี้ต้อง declare ว่าเป็นทรัพย์สินนะครับ)

ผมว่าคุณต้องแยกให้ได้ก่อนกว่า ทรัพย์มีหลายประเภท มีทั้งที่ก่อให้เกิดรายได้และไม่ก่อให้เกิดรายได้นะครับ แต่คุณเล่น considered ว่าทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ + มี upkeep cost เป็น non-asset ไม่ได้ครับ

defind ทรัพย์สิน ให้ผมทีเริ่มงงกะตัวเองละ

ขายบ้านมันต้องใช้เวลาครับ

บ้านเก่าพ่อผม ประกาศขายปี 59 ... มาขายออกตอนปี 67 เลย ช่วงแรกลงขายสารพัด มีท้อไม่ประกาศอะไรเลยก็หลายช่วงหลายปีอยู่ สุดท้ายมาขายออกเพราะข้างบ้าน เพื่อนเค้าอยากได้

บ้านสามารถมองได้ทั้งในแง่ของ สินทรัพย์ (asset) และ หนี้สิน (debt) ขึ้นอยู่กับมุมมองและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล:

ในมุมมองของสินทรัพย์:
* มูลค่า: บ้านเป็นสิ่งที่มีมูลค่าและมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว (การเก็งกำไร)
* ความเป็นเจ้าของ: เมื่อคุณผ่อนบ้านไปเรื่อยๆ ส่วนที่คุณเป็นเจ้าของ (ส่วนของผู้ถือหุ้น) จะเพิ่มขึ้น
* ศักยภาพในการสร้างรายได้: คุณสามารถปล่อยเช่าบ้านเพื่อสร้างรายได้
* ความมั่นคง: การมีบ้านเป็นของตัวเองให้ความรู้สึกมั่นคงและเป็นรากฐานของชีวิต

ในมุมมองของหนี้สิน:
* ภาระผูกพันทางการเงิน: หากคุณซื้อบ้านด้วยการกู้เงิน (มีหนี้จำนอง) คุณจะมีภาระต้องผ่อนชำระหนี้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งถือเป็นหนี้สิน
* ค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง: การเป็นเจ้าของบ้านมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมา เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ค่าประกันภัย ค่าบำรุงรักษา และค่าซ่อมแซม
* ต้นทุนเสียโอกาส: เงินที่นำไปซื้อบ้าน (โดยเฉพาะเงินดาวน์จำนวนมาก) อาจนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าได้

สรุป:
โดยทั่วไปแล้ว บ้านถือเป็นสินทรัพย์ เนื่องจากมีมูลค่าและศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน หนี้จำนองที่มาพร้อมกับการซื้อบ้านถือเป็นหนี้สิน ที่ต้องมีการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของบ้านก็เป็นปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย

ดังนั้น การมองว่าบ้านเป็นสินทรัพย์หรือหนี้สินจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินส่วนบุคคลและมุมมองในการบริหารจัดการทรัพย์สินและหนี้สินของคุณ

ข้างบนนี้ให้ Gemini ช่วยตอบ
ข้างล่าง ผมเพิ่มมิติในการใช้บ้านนอกเหนือจากการอยู่ให้

สิ่งที่คุณลืมคิดคือ สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ
ซึ่งสามารถขายได้ และเอาไปค้ำประกันได้

หลายคน ซื้อ/ผ่อนบ้าน แล้วเอาไปเข้าธนาคาร กู้เอาเงินออกมาใช้ได้
ถ้ามั่นใจว่า สามารถหาเงินจากการลงทุน
ได้มากกว่า ต้นทุนการเงิน(ดอกที่จ่าย)มันก็เป็นทรัพยสิน

ยกตัวอย่าง นักลงทุน
เพื่อนนักลงทุนที่ผมรู้จักหลายคนก็มีทั้ง
ซื้อบ้านแล้วผ่อนให้ยาวที่สุด แล้วเอาเงินมาลงทุน

บางคนก็เช่าเป็นหลัก เพราะไม่รู้แผนในอนาคต
บางคนก็ซื้อสดเลย เพราะคำนึงหลายๆปัจจัยและสภาวะเขาเลือกได้

ถ้าตลาดทุนขาขึ้น
คนที่มีเงินลงทุนมาก ก็ได้กำไรมาก
คนที่ซื้อบ้านหรือผ่อนเยอะ ก็เสียโอกาส

แต่กลับกัน ตลาดขาลง
คนทีมีหุ้นเยอะเยอะ ก็เจ็บเยอะ แถมเครียด
คนที่เลือกบ้านก่อน พอร์ตหุ้นเล็กลง ก็เจ็บน้อยหน่อย

ตรงนึ้ก็ขึ้นกับการบริหารความเสี่ยง

อีกตัวอย่าง
หลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เขามีเงินสด
เขายังกู้เงินธนาคาร มาทำธุรกิจเลยครับ
เพราะเขามั่นใจในสมการธุรกิจของเขา

แต่คนทั่วไป ถ้าไม่มีประสบการณ์ ก็เสี่ยง

สรุป มันเป็นได้ทั้ง 2 อย่าง
และมันมีประโยช์น์มากกว่าแค่ที่พักอาศัย
คือเป็นหลักประกันได้ด้วย

ของบางอย่างเป็นได้หลายสถานะ
เหมือน น้ำ เป็นของเหลว ของแข็ง หรืออก๊าซ ก็ได้
ขึ้นกับบริบทในเวลานั้นๆ

บ้าน = บาน
รถ = ลด

ถึงแม้ในทางกฎหมายบ้านที้ยังติดหนี้ธนาคารจะยังไม่ใช่ของเรา
แต่ความรู้สึกมันก็เป็นของเราแหละครับ ความstable ความcomfortมันมากกว่าบ้านเช่า

จะแก้ไขต่อเติม จะทำสกปรกเลอะเทอะยังไงก็ได้
ลูกอยากจะวาดรูปบนกำแพง อยากจะต่อเติมห้องให้ลูก ลูกจะพาเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้าน
มันทำได้เลย ไม่ต้องขอผู้ให้เช่าเขาapprove

ไม่แน่ว่าการที่คุณเติบโตมาที่หน้าที่การงานดี มีความรู้ความสามารถ
ส่วนนึงก็อาจจะเพราะว่าครอบครัวคุณมีบ้านของตัวเอง เป็นที่พักกายพักใจในวัยเด็กนะครับ

เด็กแว้นบางคน มีเงินหลายสิบล้าน จากการขายบ้าน ขายที่ มรดกนี่แหละ

เข้าทำนอง คุณหาเงิน แต่คนใช้เงินเป็นลูกหลาน

ที่มองบ้านเป็นหนี้สิน เพราะคุณยังจ่ายมันไม่หมดไง วันไหนจ่ายหมดก็เป็นทรัพย์สิน สืบทอดได้ชั่วลูกชั่วหลาน

การที่คุณมีแนวคิดกุหากุก็ต้องใช้ให้หมดก็ไม่ผิดครับ

และการที่พ่อแม่คุณมีแนวคิด กุหาแต่ลูกหลานกุต้องสบาย ก็ไม่ผิดเช่นกัน

ถ้ามองมุมคุณนะ

ถ้าขายได้ราคามากกว่าซื้อ ก็ก็กลายเป็นทรัพย์สินไป

ถ้าขายไม่ได้ราคาแล้วขาดทุน ก็ไม่เห็นต่างอะไรกับจ่ายค่าเช่า ที่คุณตั้งใจจะจ่ายทิ้งไป ก็ไม่เห็นต้องคิดเยอะ

Edit ผมว่าก็ต้องมองว่าเป็นหนี้ แต่ก็ต้องไปดูลักษณะบ้านว่าน่าจะเป็นหนี้ดี หรือ หนี้ไม่ดี หนี้ดีมันจะทำเงิน หนี้ไม่ดีมันเสียเงิน

ถ้าบ้านทำเลดี ที่ดินขาขึ้น ราคาบ้านโครงการใหม่สูง ก็ดี เพราะน่าจะขายง่ายได้ราคา

ถ้าที่ดินราคาไม่ขึ้น โครงการบ้านใหม่เยอะ หรือราคาไม่ดี ขายไม่หมด ราคาก็ตกไม่คุ้มเงินมันก็หายไป หรือค่าเสียโอกาส

มองว่าคุณได้เป็นเจ้าของมันไหม ถ้าเป็นเจ้าของมันก็เป็นทรัพย์สินอย่างนึง แต่อย่าไปพูดถึงมูลค่ามันนะ เพราะเมื่อเราผ่อนหมด มันอาจไม่ได้มีมูลค่าที่มากขึ้นก็ได้ ซ้ำร้ายบางที่มูลค่าลดลงก็มี เพราะงั้นก็ต้องประเมินเอาว่าคุ้มค่าจะผ่อนระยะยาวไหม

เพราะเคยเจอคนขายบ้านเค้าซื้อ 3 ล้าน ผ่อนเสร็จ 5 ล้าน เค้าจะขาย 6 ล้านมั้ง แต่แถวนั้นบ้านโครงการใหม่ราคา 3-4 ล้านเอง ติดป้ายมา 2 ปีล่ะยังไม่ออก ยอมลดมาเท่าราคาผ่อนก็ยังไม่มีคนเอา ถ้าคุณมองว่ามันไม่คุ้มกันกับเอาเงินไปลงทุนก็อีกเรื่อง คุณมองในแบบความคุ้มค่าของสินทรัพย์นั้นๆ มากกว่าคุณค่าของมัน

ทรัพย์สิน = สิ่งที่เราถือครองและตีค่าเป็นเงินได้

ทำไมถึงมองว่าต้องขายออกไปก่อนถึงจะเป็นทรัพย์สินอ่ะ

สำหรับผมบ้านเป็๋นทั้งทรัพย์สิน แหละหนี้สินด้วยครับ

แต่รถยนต์ไม่ใช่ทรัพย์สินครับ ไม่กี่ปีก็เสื่อมสภาพ มูลค่าหายหมดครับ

ส่วนเรื่องซื้อไม่ซื้อ อยู่ที่สภาพการงาน ถ้าต้องย้ายที่ทำงานเรื่อยๆ รึว่างานไม่มั่นคง เช่าเอาก็ดีกว่าครับ

แต่ของผมปักหลักได้ก็เลยซื้อเลยดีกว่า

อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน

อ่านมาสรุปคือความหมายคำว่าทรัพย์สินของจขกท.กับคำว่าทรัพย์สินของคนทั่วไปมันคนละอย่างกันคุยกันไม่น่าจะรู้เรื่องหรอกงี้

ของผมบ้านหลังที่อยู่ปัจจุบันซื้อขาดมาแล้วไม่ต้องผ่อน ส่วนคอนโดที่ผ่อนไว้เคยใช้อยู่มา 9 ปี ตอนนี้ปล่อยเช่าเดือนละ 7500 ค่าผ่อนเดือนละ 4000 ครับ ส่วนดอกเบี้ยสามารถเอาไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกปีละประมาณ 2-3 หมื่น

ดังนั้นอสังหาขึ้นอยู่กับว่าคุณจะบริหารมันยังไงมันก็จะเป็นได้อย่างนั้นครับ จะหนี้สินก็ได้ จะสินทรัพย์ก็ได้ครับ

ลองตีความในแบบคนทั่วไปก่อนดีมั้ยครับ


ทรัพย์สิน = ของที่อยู่ในครอบครองของคุณและตีมูลค่าได้ จบ


เอาง่ายๆ ถ้าวันนึงขโมยขึ้นบ้านคุณ ตำรวจสอบถามคุณว่า "ทรัพย์สินคุณมีอะไรหายไปบ้าง"

จะตอบแบบนี้มั้ยครับ "อ๋อไม่มีเลย เพราะของในบ้านทำรายได้ให้ผมไม่ได้ ผมไม่ถือเป็นทรัพย์สิน"

ตำรวจยิ้มเลย โอเคปิดเคส