เอาไว้เตือน เพื่อนหมอให้ระวัง

คนไข้ มารพ เอกชน เค้าจ่ายแพงขึ้นความคาดหวังสูง

เรื่องเล็กๆน้อยถ้ามันกระทบศักดิ์ศรี บางทีเค้าไม่ยอม

พี่หวิว ชัญวลี ศรีสุโข รุ่นพี่หมอเชียงใหม่ผม
และเป็นกรรมการแพทยสภา

ได้นำเรื่องราวร้องเรียนจริยธรรมเคสนี้มาโพสต์เตือนไว้

ขออนุญาติเอามาแชร์เตือนตัวเอง และเพื่อนหมอ

ความเห็นผมอยู่ต่อจากบทความข้างล่าง

==========
ไม่ทำให้หมอรวยขึ้นค่ะ
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568

คดีนี้ หากเป็น20ปีก่อนคงไม่เป็นคดี

เรื่องนี้สร้างบทเรียน ให้กับหมอหวิว จนอดเขียนถึงไม่ได้

เรื่องมีอยู่ว่า ผู้รับบริการคนหนึ่ง(เดี๋ยวนี้มาตรวจร่างกาย เขาห้ามเรียกว่าคนไข้หรือผู้ป่วย)

ไปตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาล ขนาดใหญ่ แห่งหนึ่ง

คุณหมอ คนแรก
ได้ตรวจร่างกาย และส่ง Lab หลังจากนั้น ก็ลงเวรไป โดยคิดค่า DF 500 บาท

คุณหมอคนที่สอง
มาอยู่เวรต่อ เป็นคนอ่านผลการตรวจร่างกาย ผลแลปทั้งหมดและคิด DF อีก 500 บาท

เมื่อผู้มารับบริการ
ไปจ่ายเงิน
ก็แจ้งว่าทำไมหมอคิด DF 2 ครั้ง
เขามาตรวจเพียงครั้งเดียว

ฝ่ายการเงิน จึงแจ้งคุณหมอคนที่ 2 ว่าคนไข้ ติงเรื่องนี้มา

คุณหมอคนที่ 2 จึงแจ้งคนไข้ว่า

"หมอยินดีที่จะไม่คิดค่าแพทย์ และจะแจ้งให้ทางการเงินยกเลิกเงินส่วนนี้เนื่องจากเงิน 500 บาท ไม่ทำให้หมอรวยขึ้นค่ะ"

ผู้รับบริการไม่พอใจฟ้องจริยธรรมแพทย์

ข้อบังคับแพทยสภา มีอยู่ว่าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องปฏิบัติต่อผู้ป่วยโดยสุภาพ

คดีนี้ต้องตีความว่า คำพูดว่า
ไม่ทำให้หมอรวยนั้น เป็นคำพูดที่สุภาพหรือไม่สุภาพ

เรื่องนี้มีการอภิปราย กันมาก โดย อนุกรรมการส่วนหนึ่งเห็นว่า หมอ ปฏิบัติผิดข้อบังคับ

หมอหวิว มีความเห็นว่าหมอไม่ผิดข้อบังคับ เพราะข้อบังคับ บอกว่า ปฏิบัติโดยสุภาพ

คำพูดว่าหมอ ไม่รวยขึ้นนั้น ไม่ใช่เป็นวาจาไม่สุภาพ แต่เป็นวาจาที่ไม่ควรพูด
ซึ่งไม่ได้ผิดตามตัวอักษรของข้อบังคับ

คดีกำลัง อยู่ในการพิจารณา

อย่างไรก็ตาม คุณหมอรายนี้ก็ได้รับความเดือดร้อน จากการฟ้องร้องของคนไข้

เรื่องเป็นบทเรียนย้ำให้หมอหวิวครั้งแล้วครั้งเล่าว่า
บางคำพูดไม่พูดเสียเลยจะดีกว่า
เก็บเอาไว้ในใจจะดีกว่า

พูดแล้ว อาจจะทำให้ตนเองช้ำชอกใจ ไม่หาย

แก่ปูนนี้ ก็ต้องสอนตนเองซ้ำ ซ้ำซากซาก

ชัญวลี ศรีสุโข
หมอหวิว

========
#ความเห็นส่วนตัว

คนไข้ไม่ผิด เมื่อรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายไม่เป็นธรรมซึ่งกรณี้ไม่เป็นธรรมผิดพลาด แย้งได้
ส่วนการที่มีคำพูด แค่นี้ไม่ทำให้หมอรวย แม้จะไม่แรง แต่ว่าก้อ เข้าใจได้ว่าเหมือนดูถูก ว่าเงินแค่เล็กน้อยอีกฝั่งจะไม่ให้ก้อได้เค้าไม่เดือดร้อน แต่แปลกที่ทำไมหมอพูดกับการเงินถึงไปถึงคนไข้ได้

หมอคนแรกไม่ผิด แต่ถ้าความเหมาะสมแค่สั่งตรวจไว้ แต่ตัวเองไม่ได้รออยู่อธิบายคนไข้ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ควรจะของดไม่รับ DF

ส่่วนหมอคนหลังรับ DF ค่าบริการเหมาะสมเพราะทำหน้าที่ แต่พลาดเรื่องการใชคำพูด ที่สุ่มเสี่ยง จนนำไปถึงการร้องเรียน

สุดท้ายระบบผิดต้องมีการวางมาตรการเรื่องการจัดการเรื่องนี้ให้ชัดเจนไม่เกิดปัญหา ทั้งต่อคนไข้ และ ผู้รับบริการริการ และ บุคลากร
 

ผิดพลาด แก้ไขก็จบ

จะแซะคนไข้ทำไมว่าแค่นี้ไม่เอาก็ได้ ไม่ทำให้รวยขึ้นหรอก


ถ้าเขาเลือกได้ ไม่ได้เจ็บป่วย ก็ไม่มีใครอยากมาใช้บริการหรอก


 

ตัดเรื่องแซะออกนะครับ คุณคิดว่าหมอคนที่2ไม่มีสิทธิคิดเงินหรอ ผมไม่เห็นว่าที่เค้าคิดเงินมันผิดตรงไหน
ไม่มีใครยอมทำงานฟรีหรอก จริงมะ