เป้าหมายมันก็บุคคลทั่วไปเหมือนกัน ต่างกันแค่คนเดินห้างกับนอกห้างแค่นั้น ถามว่าตี้น้อยไม่มีในห้างเหรอ ก็ไม่อย่าง jas urban เป็นต้น
สรุปกลุ่มเป้าหมายไม่ต่างกันแล้ว จุดขายคือราคาไปเรียบร้อยแล้ว ทุกคนติดคำว่า mk แพง

มันมีทั้งกลุ่มเดียวกันและคนละกลุ่มครับ

แต่ที่กระทบเยอะๆคือ ร้านแนวชาบูมีเยอะขึ้น ซึ่งคุณภาพดีและถูกกว่า mk มาก ทำให้คนกินmkรู้สึกไม่คุ้มค่า

mk ทำมาหลายรอบแล้วไล่เทค เช่น แหลมเจริญซีฟู้ดครับ

จากมุมมองผมก็ยังคนละตลาดนะ

คนใกล้ตัวผมยังไม่เห็นใครที่เปลี่ยนจาก mk ไปตี๋น้อยซักคน แต่หนีไป neo กันเกือบหมด

ก้ถูกแล้วนี่ มันคนละตลาดกันจริงๆ แค่ราคามันก้จับลูกค้าคนละกลุ่มแล้ว

ตี๋น้อยเนี่ยต่างจังหวัดส่วนใหญ่มีมั้ยครับ จังหวัดผมไม่มีน่ะ จะวัดอะไรพวกนี้ต้องดูทั้งประเทศนะ

ส่วนตัวเท่าที่ผ่าน mk คนก็ยังมีเรื่อยๆนะ ช่วงเทศกาลคนก็เยอะหน่อย ผมปีๆนึงก็อาจจะกินสัก 2-3 ครั้งได้ หลังๆรู้สึกว่าเป็ดมันอร่อยน้อยลง

ตอนนี้ถ้าจะกินชาบู ก็ไปร้านธรรมดาๆในจังหวัดแทน ไม่ได้มีแบรนด์อะไร รู้สึกถูกปากและคุ้มกว่า

เจ๊งหมายถึงหุ้นหรือหมายถึงร้านปิด?

เพราะผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามันคนละตลาด
ปัญหาของ mk จริงๆคือราคามันไม่สมกับปริมาณ แต่คุณภาพถ้าเทียบกันผมก็ยันว่า mk พวกอาหารสดยังไงก็ดีกว่า
เอาแค่ไอที่ใส่ถุงขายในเซเว่นก็ดีกว่าตี๋แล้ว

แต่ก็นั่นแหละ สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ให้นั่งกินสุกี้เป็นพันก็ไม่ไหวมั้ง

การวิเคราะห์เค้าแยกเกรดลูกค้าลึกกว่านั้น ราคาแพงกว่าก้ถูกจัดคนละเกรด

ผมว่าเป็นที่ลักษณะอาหารมากกว่านะ ลองมองกรณี 13 เหรียญ ผมว่าปัจจัยคือตอนคนเยอะเค้าคุมคุณภาพไม่ได้และเมนูหลักคือสเต็กที่ตอนนี้เค้าไม่นิยมรูปแบบที่ 13 เหรียญทำกันแล้ว

ส่วนเด็กๆ ในตอนนี้จะกลายเป็นแบรนด์รอยัลตี้มั้ย ก็คงต้องรอดูกันต่อไปเพราะถ้ามีเจ้าอื่นมาตีเรื่องราคาได้ ตี๋น้อยอาจจะแพ้ไปก่อนก็ได้ หรือบางทีพอมีรายได้มากขึ้นอาจจะเปลี่ยนไปกินของที่คุณภาพดีขึ้นไปอีก (เจ้าอื่นที่ไม่ใช่ mk)​ ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า โดยดูจากพฤติกรรมเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน

ส่วนตัวผมคิดว่าจุดแข็ง mk เค้าคือเป็ด ถ้าคนเลิกนิยมคิดว่าถึงขั้นเจ๊งได้อยู่

จะเอาลึกก็ให้นักลงทุนนักการตลาดจัดก็ถูกแล้วครับ ผมคนทั่วไป คนส่วนใหญ่ก็คิดแบบนี้แหละ เขาถึงเลือกไปกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ mk

แถวบ้านผมคนก็เต็มอยู่นะ วันหยุดรอคิวก็มีทั้งที่ร้านพื้นที่ใหญ่



ไม่อะ คนละตลาดจริง คุณลองไปนั่งดูก็ได้ทั้ง 2 ร้าน ไทป์คนค่อนข้างจะต่างกัน
คือรวยเงินในกระเป๋าต่างกันขนาดไหนผมไม่รู้ แต่มันต่างกันจริงๆ

เรื่อง loyalty นี่ผมมองว่าคนรุ่นใหม่มีน้อยกว่าคนรุ่นก่อนค่อนข้างมาก ยิ่งเป็นร้านอาหารพร้อมจะเปลี่ยนร้านได้เสมอๆ ถ้าจุดขายหายไปก็ถึงขั้นเจ๊งได้เลย ร้านอาหารสมัยนี้ไม่ง่ายเลยครับ

ผมแปลกมั๊ย ไม่ถูกปากตี๋น้อยเลย โดยเฉพาะน้ำจิ้ม หวานเกิ้น

ไปกินชาบูร้านอื่น คนไม่เยอะด้วย ราคาเท่าๆ กัน น้ำจิ้ม น้ำซุปดีกว่า

ส่วน MK นานๆที ผมกินเฉพาะ MK Gold สั่งกุ้งทีละ 100 ตัว ปลากะพง อีก แค่นี้ผมว่าคุ้มแล้ว

ผมว่าของ MK กับ ตี๋ ยังไม่ได้ใกล้เคียงขนาดกินแล้วรู้สึกไม่ต่าง

ยังรู้สึกว่า MK ดู Lite กว่า

ถ้ามองแบบแบ่งด้านราคา ผมก็ว่ามันคนละตลาดอยู่ดีนะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกอาหาร สุดท้ายมันจะมีการชนกันอยู่ไม่มากก็น้อย

สมมติเช่น กาแฟ ชาเขียว น้ำแดงโซดา โค้ก หรือน้ำอื่นๆ มันก็ดูเปนน้ำคนละแบบ แต่สุดท้ายวันนึงคนก็คงไม่เลือกกินทั้งหมดอยู่ดี กินได้อย่างมากก็ 2-3 อย่าง

นึกว่าเป็นคนเดียว ผมไปตี๋น้อยแต่แทบไม่กินน้ำจิ้มตี๋น้อยเลย ปกติจะสั่งน้ำจิ้มพอนสึมากินเอา