ผมชอบประโยคนี้มากครับ
ตอนผมบวช ผมสงสัยว่าคนทั่วไป ทำไมเค้าถึงไหว้พระ
ทั้งที่เราพึ่งจะบวชวันแรก ไม่ได้ปฏิบัติ สวดมนต์อะไรก็ไม่ได้
แต่ทำไมเค้าถึงไหว้ ก็เพราะพระสงฆ์คือ 1 ในพระรัตนตรัย
ไม่ได้ไหว้เพราะเรา แต่ไหว้เพราะผ้าเหลืองที่เราห่มอยู่

ทุกวันนี้ผมก็ไหว้พระสงฆ์ ใส่บาตรปกติ แต่ไม่ใส่เงิน
ส่วนคนที่ห่มนั้นจะทำดีหรือทำชั่ว ก็อยู่ที่ตัวเค้า

น่าจะแค่ไทยนะครับมี่เสื่อมหนัก ประเทศเพิ่แนบ้านผมว่าเขาเคร่งกว่าเราเยอะนะ

เป็นเหมือนพวกเลี้ยงแต่มะเร็งไว้ แล้วบังคับให้คนเชื่อฟังอย่าตั้งคำถามอย่าเถียง ใกล้เคียงราชการไทยแต่วงการนี้เครื่องแบบไม่เหมือนกัน

เสื่อมไปตามโลกครับ​ ยิ่งโลกพัฒนาคนก็ยิ่งตกต่ำ​ สนใจแต่สิ่งนอกตัวจนลืมว่าใจตัวเองกำลังติดสิ่งที่จะพาลงอบายภูมิอยู่​ จริงๆศาสนาของพระโคดมถ้าเทียบกับช่วงอายุท่านถือว่ายาวอยู่นะ​ ได้หลายชั่วอายุคน​ พอครบ5พันปีสิ้นศาสนาคนตายเกือบหมดโลกก็เข้ายุคใหม่​ ต้องรออีกไม่รู้กี่ล้านปีกว่าโลกจะฟท้นตัวคืนมา​ เรียกว่าใครหวังให้พระศรีมาเกิดไวๆก็ลืมไปได้เลย​ อาจต้องวนเป็นไดโนเสาร์อีกรอบก่อน​ พอยุคพระศรีแม้อยากจะดูว่าระยะเวลาของพระศาสนานานกว่า​ แต่ศาสนาพุทธของท่านก็จะสิ้นสุดลงเมื่อผ่านไปแค่เพียง3ชั่วอายุคน​ สรุปเลยว่าถ้าไม่หวังนิพพานชาตินี้ก็คงไม่มีวันได้ไป​แน่นอน​ แล้วโลกก็มอมเมาให้คนหลงคนประมาท​ เลยออกมาอย่างที่เห็นคือไกลธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

พระเลวคือใคร​ พระเลวก็คือคนเลวครับ​ ไม่ต้องไปคิดถึงว่าศาสนาสอนคนไม่ได้​ เอาแค่ชาวssช่วยกันรุมสอนจำไมยังสอนไรเค้าไม่ได้เลย​ แล้วการหลุดพ้นนี่ของยากสุดๆ​ ยากกว่าทุกอย่างในโลกในจักรวาลนี้ ถ้าคนกากๆคนไม่เอาจริงไปบวชก็จะคว้าน้ำเหลว​ ทำศาสนาด่างพร้อย​ พาตนเองลงขุมนรก​ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดจนกว่าจะหมดบาปที่ได้ทำนั้น​ เพราะการกระทำกับพระศาสนานั้นมีผลมาก ให้ทานคนก็ได้ไม่ตรีตอบ​ ส่วนให้ทานพระได้กำลังใจบวกสวรรค์สมบัติ​ ขออภัยที่ผมพูดตามความจริง​ มันมีผลต่างกันแบบนี้​ เหมือนซื้อกุ้นไทยกับหุ้นนอก​ หุ้นเหมือนกันแต่กำไรต่างกัน​ ส่วนปันผลก็ไปรับเอาตอนหลังตาย​ ใครทำใครได้ครับ​ อย่าไปสนใจคนอื่นมากนัก​ โชคดี

เขียนกันเองทั้งนั้น ใครมันจะไปคาดเดาได้แม่นขนาดนั้น ยุคนั้นถ้าเราไปบอกว่าคนจะขึ้นเครื่องบินแล้วลอยได้เขาคงคิดว่าบ้า

คนใช้ตรรกะความคิด เป็นเหตุเป็นผลกันมากขึ้น

และแยกสัดส่วนของ ความเชื่อ ออกจากศาสนา ความเชื่อในทีนี้คือ สายมู สายดูดวง

ส่วนศาสนา จะโดนตั้งคำถามเยอะขึ้นเพราะ ตัวผู้เผยแผ่ มีแต่ข่าวหลอกเอาเงิน ไม่ได้อยู่ในหลักคำสอนของศาสนาจริงๆ

รวมๆ ผมสรุปว่า คนจะหันไปเชื่อในสิ่งที่สังคมเชื่อเช่น สายมูทั้งหลาย สังคมเอนไปทางไหนก็จะตามๆเชื่อกัน

ส่วนศาสนาจะเสื่อมไวขึ้นจาก พฤติกรรมของผู้เผยแผ่

สำหรับผมนะ การที่พระใช้อินเทอร์เน็ตได้

มันก็ส่งผลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว

ไอ้พวกโล้นทั้งนั้นแหละที่ทำคนเอือมศาสนา

ส่วนใหญ่มันเป็นธุรกิจ ของจริงเหลือเเพียงส่วนน้อย

แก่นของพุทธ คืออริยะสัจ 4 พิสูจน์ได้ตลอดเวลาด้วยตัวเองครับ และเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย

สามารถเอามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี ผมยกตัวอย่าง เรื่องหนี้ ถ้าเอาคำสอนพุทธมาใช้

1. หาเหตุแห่งหนี้ว่าเกิดเพราะอะไร ใช้เงินเกินตัวไหม อยากได้อยากมีเกินกำลังไหม ถ้าใช่

2. ก็ไปหาหนทางดับทุกข์ ซึ่งก็คือ จัดการหนี้ ก็ต้องไปหางานเพิ่ม ทำงานเพิ่ม

3. หาหนทางที่จะไม่กลับไปเป็นหนี้อีก ก็ลดกิเลสตัวเอง ไม่อยากได้อยากมีเกินตัว


ใช้ได้กับแทบทุกเรื่องในชีวิต

ผมก็นับถือปฏิบัติตามสมควรพอให้มีสติให้ใจเป็นสุขอยู่นะ

แต่ผมเม้นตามหลักสัจจะความจริง สภาพโลกในปีพศ.5000จะเป็นยังไง

อุณหภูมิอาจ50-60+อาหารจะยังพอเพียงต่อชาวโลกมั้ย การเพาะปลูกจะได้ผลดีในในพื้นที่ที่ปัจจุบันได้ผลดีมั้ย ความเหลื่อมล้ำของสังคม,เศรษฐกิจ
ค่าครองชีพ ณ เวลานั้น จะโหดเหี้ยมกว่าทุกวันนี้แค่ไหน บลาๆๆๆในทางที่โลกจะเสื่อมกว่าทุกวันนี้

แล้วสภาพชีวิตที่จะกินเข้าไปยังไม่มี หายใจยังลำบากเช่นเวลานั้น ธรรมะจะช่วยอะไรได้

มีนักบวชก็ต้องมีคนใส่บาตร แต่สภาพที่ทุกคนอยู่อย่างยากลำบาก จะมีอารมณ์เอาอาหารไปเลี้ยงนักบวช ไปนั่งสมาธิ ฟังธรรมคำสอนกันมั้ย

ธรรมมะเป็นเครื่องช่วยให้คนยับยั้งชั่งใจ ไม่ให้ทำสิ่งไม่ดีครับ สมมติสภาพเป็นตามที่ท่านบอก
ทางเลือกของมนุษย์ก็จะมี
1. ซอฟต์หน่อย ก็ขโมยอาหาร
2. ยกระด้บขึ้นมาก็ ปล้น ฆ่า แย่งชิงอาหาร
3. ร้ายแรงสุดๆก็ กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง
4. ยอมอดตาย ดีกว่าไปทำร้ายคนอื่น
5. ค้นหาวิธีผลิตอาหาร และ วิธีอยู่รอดในสภาพอากาศที่เลวร้าย

ท่านนึกสภาพถ้ามีแต่คนเลือกข้อ 2 3 มนุษย์ก็น่าจะสูญพันธ์ครับ ธรรมะก็ช่วยให้คนไปเลือกข้อ 4 5 ยังไงล่ะครับ
ซึ่งอาจจะเป็นทางรอดของมนุษย์

เหลือแต่คนเข้าใจแก่นพระธรรม ก็ดีคับ

เห็นข้อ3แล้วนึกภาพพระศรีฯนั่งสมาธิหรือนั่งสอนธรรมะอยู่ มีคนมารุมฆ่าแล้วลากไปแบ่งกันกิน