ปัญหาบางอย่างไม่สามารถแก้ให้หายได้ไงครับ ท่านอาจจะโชคดีที่มีสุขภาพจิตที่แข็งแรง บางคนมีปัญหาความรุนแรงในครอบครัวตั้งแต่เด็ก โดนบูลลี่ตั้งแต่เด็ก หรือบางคนเจอเหตุการต่างๆ ที่กระทบรุนแรงกับจิตใจ แล้วเค้าก้าวผ่านไปไม่ได้ แล้วมันกระทบต่อชิวิตประจำวัน คนเราไม่ได้แข็งแรงทายกายภาพเหมือนกันหมด จิตใจก็เช่นกัน จะให้คนธรรมดาไปยกน้ำนักเท่านักกีฬาโอลิมปิกก็ไม่ได้ เพราะงั้นแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนตัวเคยพบทั้งนักจิตวิทยา และ จิตแพทย์

นักจิต ผมมองว่าเป็นคนที่มาทำงานร่วมกับเราในการแก้ปัญหาที่อยู่ในจิตใจเรา บางทีคนที่ประสบปัญหาเค้ามองไม่ออก นักจิตวิทยาจะพยายามหา Trigger point แล้ว Work กับคนไข้ให้คนไข้ ให้เข้าใจว่าทำไมตัวเองรู้สึกไม่ดี มันเกิดจากอะไร แล้วก็วิธีมองมัน แล้วก้าวข้ามเหตุการณ์นั้นๆ ไปได้

หมอจิตแพทย์ วินิฉัยโรค ส่วนมากเกิดจากตรวจแล้วสมองบางส่วนทำงานผิดปกติ จ่ายยาที่มีผลต่อสมอง อาการบางอย่างเช่น ADHD ADD ยาบางชนิดสามารถกระตุ้นสมองบางส่วนให้ทำงานได้ปกติเหมือนคนทั่วไปได้

ใดๆ คือใช้เงินค่อนข้างเยอะ บ้านเราโชคดีคือมีวัด ไปหาวัดดีๆ ปฏิบัติธรรมก็ช่วยได้เหมือนกัน

หมอเขาจะแก้ที่สาเหตุของปัญหาครับ ถ้าเป็นจากสารเคมีในสมองก็ให้ยา ถ้าเป็นจากพฤติกรรมเขาก็จะมีให้ทำบำบัด คือโรคจิตเวชมันไม่ใช่โรคที่เป็น "นามธรรม" ครับ เพราะมันมีอาการและสาเหตุเหมือนโรคทั่วไป ผมแนะนำว่าถ้ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจิตเวชก็ไปพบแพทย์เถอะครับ คิดซะว่าไปเล่าเรื่องเครียดให้เพื่อนฟัง เพราะหมอเขารับมือได้ดีมากครับ

มันไม่ใช่นามธรรมแบบที่คิดไง

มันเป็นเรื่องของสารเคมีในสมองในร่างกายด้วย

จิตแพทย์จะมีทั้งเทคนิค จิตวิทยาและความเข้าใจเรื่องกลไกทางจิตและปฎิกริยาเคมีในสมองครับ

การพูดปรับความคิด การใช้ยาบำบัด และนำเสนอมุมมองให้กับผู้ป่วย(อาการป่วยทางจิตก็มาจากสมองแหละมันคืออาการที่เกิดจาก

Mulfunction Brain รูปแบบนึง) ถ้ามันจัดการความคิด ความรู้สึกในสมองในจิตใจตัวเองได้ง่ายขนาดนั้น

โลกเราคงไม่มีคนบ้า คนที่ Lost Control ไม่มีคนฆ่าตัวตาย ไม่มีฆาตกรต่อเนื่อง ไม่มีคนป่วยจิตเวชแล้วล่ะครับ

นักจิตวิทยาหรือนักบำบัดจิตสำหรับผมนี่เป็นอะไรที่โคตรสำคัญสำหรับโลกใบนี้เลยครับ คนหลายสิบหลายร้อยล้านคนบนโลก

ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในชีวิตมาได้เพราะได้รับการบำบัดทางจิตนี่แหละ รวมถึงคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตระดับตัวท็อปๆในหลายๆสาขาวิชาชีพด้วย

จิตวิทยาไม่ได้มีแค่เรื่องของการบำบัด Mental Illness เพียงอย่างเดียว บางคนจิตปกตินี่แหละไม่ได้ป่วยอะไรแต่การปรึกษานักจิตวิทยา

อาจจะเป็นการปรับมายด์เซ็ท สร้าง Motivation จนนำไปสู่ความสำเร็จอะไรได้แบบมหาศาลบานตะไทเลย อันนี้คือพูดในมุมของคน

ที่ไม่ได้รู้อะไรเชิงลึกเกี่ยวกับจิตวิทยามากนัก แต่ก็พอเข้าใจกลไกการทำงานจิตใจและสมองในระดับนึง สมองและจิตใต้สำนึกคนเรา

มันทรงพลังมากนะครับ ถ้าสมองและจิตใจคนเราทำงานแบบ Positive มากๆเนี่ยมันขับเคลื่อนให้มนุษย์สร้างสรรสิ่งดีๆให้กับโลกได้อย่างมหาศาลเลย

โรคจิตเวชเป็น paradox ครับ

เครียด จิตตก กังวล->โรคจิต

วนไปเรื่อยๆ หมอจ่ายยาเพื่อตัดวงจรอุบาทว์ให้ขาด

ร่างกายเวลาป่วยไปหาหมอทำไมครับ
เหตุผลน่าจะเหมือนกัน

ผมเป็นแพนิค ยังต้องไปพบจิตแพทย์เลยครับ

เพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยน่ะสิ

วิทยาศาสตร์ = รูปธรรม

เคยอ่านหนังสือเรื่องความสุข

มันจะมีฮอโมนเซโรโทนิน ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมต่างๆ ซึ่งเวลามีความทุกข์ ฮอโมนจะลดลง ทุกอย่างจะแย่ไปหมด ถ้าปรับแนวคิดให้บวกได้ ฮอโมนก็จะเพิ่มขึ้นเอง ไม่ต้องไปหาหมอ

แต่บางคนเขาทำไม่ได้ เวลาไปหาหมอก็จะให้ยาเพิ่มฮอโมนพวกนี้แหละครับ

อันนี้ผมเพิ่มเติมจากประสบการณ์คนใกล้ตัวผมเอง หมอจิตเวชไม่ใช่แค่โรคซึมเศร้านะครับ

เขารวมถึงโรคสมองเสื่อมด้วย (หลงลืม) ซึ่งอาการนี้ก็ทำให้อารมณ์แปรปวนได้เหมือนกัน

สมองไม่สามารถหยุดคิดเรื่องไม่ดีได้เลย คนว่าคนนั้นจะทำร้าย คิดเป็นตุเป็นตะ ว่ามีเงินคนนั้นนี้ยืม

คิดไปเอง ตอนแรกก็คิดว่าแกคิดมากไปเอง จนอาการมันหนักมากๆ ครับผิดสังเกต

เลยพาไปหาหมอรักษา ก็รักษาด้วยการกินยาครับเพราะเคมีในสมองทำงานผิดปกติ

เวลาคุณไม่สบายแล้วอาการไม่ดีสักที คุณหาหมอไหมละ นั้นแหละแค่นั้น

ไม่ได้เรียกว่าขวางโลก แต่ไม่รู้เรื่อง/ผิดประเด็น/โยงมั่ว ในเรื่องที่ถามเลย

เอาจริงๆคือเสริชเน็ทอ่านตามความสงสัยทีละจุดที่เป็นfactไปเลย มาถามเอาความเห็นมันก็ผิดประเด็นไปอีก เพราะต่างคนต่างตอบแบบไม่มีreference อาจถูกบ้างผิดบ้าง เพราะนี่มันเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องของความเห็นหรือความเชื่อ มันมีการศึกษา จับต้องได้ ทดลอง วัดผลได้ ไม่ใช่เรื่องที่มโนๆกันเองสักหน่อย

เหมือนเราตัวร้อนไม่สบาย ท้องเสีย

บางเคส(ส่วนใหญ่) ก็ทานยาลดปวด นอนพักผ่อนก็หาย

บางเคสต้องพบแพทย์ ทานยาฆ่าเชื้อถึงจะดีขึ้นครับ

โรค/ภาวะทางจิต ก็เช่นเดียวกันครับ

บางคนนั่งสมาธิก็หาย บางคนต้องทานยา บางคนออกกำลังกายครับ

เดี๋ยวนี้นอกจากจะมีคนป่วยทางร่างกายแล้ว คนที่ป่วยทางจิตใจก็มีมากขึ้น

ไม่ว่าจะทั้งpanic, อารมณ์ร้อน, มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ และอีกหลายๆอย่าง ลึกๆแล้วมันส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งตัวเองและคนรอบข้างครับ

การไปรักษากับจิตแพทย์,นักจิตเวช ก็เพื่อช่วยให้เราๆท่านๆใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกตินี่ละฮะ

เรื่องทางจิตบางอย่างมันไม่ใช่แค่ที่นิสัยความนึกคิดครับ บางอย่างมันเป็นที่สารเคมีในสมองด้วย
เลยต้องมีหมอเฉพาะทาง มียาเฉพาะทาง ปล. ผมพบแพทย์จิตเวชทุกเดือนอยู่ครับ เป็นโรค สมองติดยากับซึมเศร้าครับ รักษามา 6 เดือนแล้ว ตอนแรกๆก็เข้าใจแบบ จขกท คิดนั้นละครับ