ขนส่งไทยร้องจ๊าก! จีน มาแล้วจ้า ตั้งคลังส่งสินค้า นำเข้ารถส่งของจากจีน 10,000 คัน

สหพันธ์รถบรรทุกฯ เผย ขนส่งไทยอาจไร้ที่ยืน จีน ตั้งคลังส่งสินค้า นำเข้ารถส่งของจากจีน 10,000 คัน ใช้ในไทย และมีแน้วโน้มเพิ่มขึ้นอีก

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์รถบรรทุก ของสมาชิกสหพันธ์การขนส่ง ปัจจุบันภาพรวมค่อนข้างซบเซา รถบรรทุกเกือบ 50% ของสมาชิกต้องจอด สาเหตุจากผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้น งานจ้างขนส่งลดลง และหลังจากมีการปรับค่าขนส่งขึ้น 3-9% ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายสู้ไม่ไหว ขอยุติการเดินรถ


ปัจจัยหลักที่ทำให้กิจการรถบรรทุกไทยซบเซาคือ การเข้ามาของแพลตฟอร์มต่างชาติที่เข้ามาตั้งคลังส่งสินค้าเอง เช่น ผู้ประกอบการชาวจีน ที่เปิดกิจการขนส่งอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งนำเข้ารถบรรทุกจากต่างประเทศเข้ามาใช้งานเอง

ส่งผลทำให้การจ้างผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกในไทยลดน้อยลง ซึ่งปัจจุบันพบว่า ภายหลังการเปิดข้อตกลงการค้าเสรี อาเซียน-จีน ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก
โดยสินค้าจากจีนเหล่านั้น มีการใช้รถขนส่งสินค้าของจีนเกือบทั้งหมด ผ่านบริษัทนอมินี ซึ่งปัจจุบันประเมินว่ามีสัดส่วนราว 1% ของจำนวนรถบรรทุกในไทยทั้งหมด หรือราว 10,000 คัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 1% ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องการดัมพ์ราคาค่าขนส่ง ที่จีนมีต้นทุนต่ำกว่า ทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันไม่ได้

หากไม่เตรียมตัว หรือมีมาตรการรับมือที่ดีพอ อาจทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับความเดือดร้อน โดยภาครัฐต้องลงมาดูแลส่วนหนึ่ง รวมถึงเรื่องการนำเข้ารถบรรทุกของทางผู้ประกอบการต่างชาติ ที่ทางสหพันธ์จะนำเรื่องนี้เข้าไปคุยกับทางรัฐบาลเช่นกัน เนื่องจากปัญหาต่างชาติเข้ามาเปิดคลังสินค้าแบบเต็มรูปแบบเยอะเกินไป ค่อนข้างสร้างความเดือดร้อนให้กับกลุ่มคนรถสิบล้อในไทยค่อนข้างมาก

ในฐานะคนอยู่บริษัททำโลจิสติกแบบนี้ (รถพ่วงวิ่งส่งของ)

ค่าใช้จ่ายหลักๆมันจะอยู่ตามนี้
1. ค่าน้ำมัน
2. ค่ายาง (อันนี้หนักสุด)
3. ค่าวิ่งของพขร
4. ค่าซ่อมแซม

ข้อ 1 นี่ พวกบริษัทใหญ่จริงๆสามารถไปดีลได้ครับ ซื้อทีนึง 7-8 หมื่นลิตร ราคาถูกกว่าปั้มได้ แต่ไม่มากขนาดที่ว่าครึ่งราคาอะไรขนาดนั้น เอาเป็นว่าบริษัทน้ำมันดีลให้เพราะเวลารถ 18 เข้าปั้มทีมันเติมกันนานครับ (คันนึง 200-400 ลิตรได้อะท่าน)

ข้อ 2 อันนี้ก็เหมือนกัน บริษัทใหญ่ๆเขาก็จะดีลกับบริษัทยาง บริษัทยางก็ได้ข้อมูลวิ่งรถไปพัฒนายางมาขายได้
ถามว่าเปลี่ยนเท่าไหร่ 2-3 หมื่นโลก็เปลี่ยนละครับ มันรับน้ำหนักเยอะกว่าที่คิดมาก ละวิ่งกันโคตรโหด

ข้อ 3 ผลให้ข้อมูลคร่าวๆละกันว่า ถ้าวิ่งประมาณระยองมากทม.หัวละ 1.5 พันครับ ถ้าไกลกว่านั้นเช่นระยองไปอยุธยางี้ก็ขยับไป 2-3 พัน ถ้าไปเพื่อนบ้านเลยก็ครึ่งหมื่น

ข้อ 4 อันนี้แลัวแต่คนขับครับ บางคนก็ขับแบบไม่สนพ่อสนแม่ก็เยินง่ายหน่อย (ไปพร้อมกับยาง) บางคนก็ขับแบบเกรงใจก็ประหยัดยาวๆ

สิ่งที่จีนลดทอนได้คือพวกยางครับ บ้านเราใช้กันยี่ห้อดังๆ แย่สุดก็โอทานิ ของจีนเขาใช้ยางจีน ซึ่งบ.เคยลองเอามาใช้ดู ตอนแรกก็โอเค แต่พอไปยางระเบิดจนต้องขับรถ 6 ล้อไปเปลี่ยนยางให้ก็เข็ด

น้ำมันเขาใช้ของไทยอยู่แล้วแหละ ราคาขนมาไม่คุ้ม + บริษัทพวกนี้ดีลได้สบายๆ เอาแค่ 5 หมื่นลิตรก็ประหยัดไปหลายบาทแล้ว

รถส่วนมากก็ซื้อมือ 2 บ.อื่นเขามาแบบถูกๆ สภาพแบบแค่พอวิ่งได้ พังกลางทางก็บ่อย อะไหล่ก็จีน เอาแค่พอใช้งานได้ก็จบ

ถามว่ามัน distrupt มากไหม ก็ตอบเลยว่า ถ้ากับบริษัทเล็กก็แหลกครับ แต่บริษัทใหญ่ๆจะรู้และไม่จ้างพวกนี้

เหตุผลคือ พวกรถจีนเบี้ยวบ่อยครับ บางทีตกลงกันจะมารับเวลานี้ไปส่งของ สุดท้ายเบี้ยวไม่มา (อ้างว่ารถเสียบ้าง ทำเวลาไม่ทันบ้าง แต่หลักๆคือ ไปรับของเจ้าที่จ่ายเยอะสุด) เสียเงินเสียเวลาต้องไปหาบริษัทมารับของอีก (บางทีของต้องลงท่าเรืองี้ บุ้คเวลาไปแล้ว เอาขึ้นไม่ทันดีเลย์ไปอีกหลายสัปดาห์ก็ซวย)

พวกโลจิสติกส์เล็กในประเทศอันนี้ผมว่าไม่น่าเป็นห่วงครับ Lzd/SP พวกนี้ยังยึดเป็นแกนหลักอยู่ ประกอบกับส่งดี & ไว

ผมว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วงมากเท่าไหร่ครับ ในบ้านเราค่อนข้างแข็งอยู่

ไทยไม่ไหว ทำไมจีนไหว

จีนสู้ตายเพราะของเขาล้นถ่ายไม่เร่งระบายสุดท้ายบ.จีนเองจะล้มละลาย​ ส่วนบ้านเรารบ.ยังอึนๆโง่ๆกันอยู่​ คงปล่อยเบลอให้เขายึดประเทศเหมือนเคสปลาหมอคางดำ​

ไทกลัว

ถ้ามาแล้วถูก เคสนี้ ทำไมต้องกลัว?

ขอถามหน่อยครับ

1 ทำไมต้องเอารถเข้ามาเอง?
2 คนขับใช้คนไทยไหม หรือ จีนแล้วgoogle map เอา?

เขาทำยังไง ให้ต้นทุน ถูกกว่าไทย



ถ้าใช้ คนขับจีน ค่าแรง น่าจะแพงกว่าไทย


น้ำมัน แก้ส เติมในไทย น่าจะราคาเท่ากัน

ที่เอารถเข้ามาเองก็คงสาเหตุเดียวกับที่เอาคนเอาแรงงานเข้ามาเอง เอาวัตถุดิบเข้ามาเอง
ใช้ไทยเป็นตลาดขายของอย่างเดียว

ต่อไปอาจจะต้องเลิกอุ้มดีเซลเลย

เอาภาษีคนไทยไปอุดหนุนธุรกิจจีน ยม

ละรถมันไปเติมน้ำมันที่ไหนนิ ขนน้ำมันมาเองอีกเหรอ

เรื่องน้ำมันไม่ต้องห่วงหรอก มีตังก็เคลียได้ ทุกวันนี้น้ำมันเถื่อนวิ่งดีลโรงงานกันทั้งนั้น

ส่วนเรื่องรถ เรื่องคน มีสติ๊กเกอร์ก็จบ

สรุปหัวๆแดกไปทอดนึง ให้จีนมาตบไทยอีกรอบนึง

อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้ถูกกว่าไทย

ยิ่งถ้าเอารถมาเองนี่ต้นทุนขนรถอย่างหนักเลย น้ำมันก็ต้องเติมในไทยอยู่ดี

หรือจะขนน้ำมันมาเอง ต้นทุนขนส่งเผลอๆแพงกว่าเติมไทยอีกมั้ง

ของถูกยังพอเข้าใจได้

ปล.ไทยนี่เหมือนดินแดนเสรีของจีนเนอะ ดูไม่หือไม่อืออะไร จะทำอะไรก็ได้

ไม่แน่ใจว่าตำรวจเริ่มเข้มตั้งด่านกับพวกต่างชาติมากขึ้นไหม ออกไปตัดผมเจอด่าน ตร.ถามว่าคนไทยไหม นึกว่าผมนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้าเข้มงวดขึ้นก็ดีมากเลย บางคนไม่มีใบขับขี่ หลบหนีเข้ามาก็มีเยอะ

ทุนหนา เจ้าใหญ่ ตัดราคา ลดกำไรสิครับ ยิ่งขนจากจีนด้วย ไม่ต้องผ่านหลายช่วง พี่กินรวบ

ในฐานะคนอยู่บริษัททำโลจิสติกแบบนี้ (รถพ่วงวิ่งส่งของ)

ค่าใช้จ่ายหลักๆมันจะอยู่ตามนี้
1. ค่าน้ำมัน
2. ค่ายาง (อันนี้หนักสุด)
3. ค่าวิ่งของพขร
4. ค่าซ่อมแซม

ข้อ 1 นี่ พวกบริษัทใหญ่จริงๆสามารถไปดีลได้ครับ ซื้อทีนึง 7-8 หมื่นลิตร ราคาถูกกว่าปั้มได้ แต่ไม่มากขนาดที่ว่าครึ่งราคาอะไรขนาดนั้น เอาเป็นว่าบริษัทน้ำมันดีลให้เพราะเวลารถ 18 เข้าปั้มทีมันเติมกันนานครับ (คันนึง 200-400 ลิตรได้อะท่าน)

ข้อ 2 อันนี้ก็เหมือนกัน บริษัทใหญ่ๆเขาก็จะดีลกับบริษัทยาง บริษัทยางก็ได้ข้อมูลวิ่งรถไปพัฒนายางมาขายได้
ถามว่าเปลี่ยนเท่าไหร่ 2-3 หมื่นโลก็เปลี่ยนละครับ มันรับน้ำหนักเยอะกว่าที่คิดมาก ละวิ่งกันโคตรโหด

ข้อ 3 ผลให้ข้อมูลคร่าวๆละกันว่า ถ้าวิ่งประมาณระยองมากทม.หัวละ 1.5 พันครับ ถ้าไกลกว่านั้นเช่นระยองไปอยุธยางี้ก็ขยับไป 2-3 พัน ถ้าไปเพื่อนบ้านเลยก็ครึ่งหมื่น

ข้อ 4 อันนี้แลัวแต่คนขับครับ บางคนก็ขับแบบไม่สนพ่อสนแม่ก็เยินง่ายหน่อย (ไปพร้อมกับยาง) บางคนก็ขับแบบเกรงใจก็ประหยัดยาวๆ

สิ่งที่จีนลดทอนได้คือพวกยางครับ บ้านเราใช้กันยี่ห้อดังๆ แย่สุดก็โอทานิ ของจีนเขาใช้ยางจีน ซึ่งบ.เคยลองเอามาใช้ดู ตอนแรกก็โอเค แต่พอไปยางระเบิดจนต้องขับรถ 6 ล้อไปเปลี่ยนยางให้ก็เข็ด

น้ำมันเขาใช้ของไทยอยู่แล้วแหละ ราคาขนมาไม่คุ้ม + บริษัทพวกนี้ดีลได้สบายๆ เอาแค่ 5 หมื่นลิตรก็ประหยัดไปหลายบาทแล้ว

รถส่วนมากก็ซื้อมือ 2 บ.อื่นเขามาแบบถูกๆ สภาพแบบแค่พอวิ่งได้ พังกลางทางก็บ่อย อะไหล่ก็จีน เอาแค่พอใช้งานได้ก็จบ

ถามว่ามัน distrupt มากไหม ก็ตอบเลยว่า ถ้ากับบริษัทเล็กก็แหลกครับ แต่บริษัทใหญ่ๆจะรู้และไม่จ้างพวกนี้

เหตุผลคือ พวกรถจีนเบี้ยวบ่อยครับ บางทีตกลงกันจะมารับเวลานี้ไปส่งของ สุดท้ายเบี้ยวไม่มา (อ้างว่ารถเสียบ้าง ทำเวลาไม่ทันบ้าง แต่หลักๆคือ ไปรับของเจ้าที่จ่ายเยอะสุด) เสียเงินเสียเวลาต้องไปหาบริษัทมารับของอีก (บางทีของต้องลงท่าเรืองี้ บุ้คเวลาไปแล้ว เอาขึ้นไม่ทันดีเลย์ไปอีกหลายสัปดาห์ก็ซวย)

พวกโลจิสติกส์เล็กในประเทศอันนี้ผมว่าไม่น่าเป็นห่วงครับ Lzd/SP พวกนี้ยังยึดเป็นแกนหลักอยู่ ประกอบกับส่งดี & ไว

ผมว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วงมากเท่าไหร่ครับ ในบ้านเราค่อนข้างแข็งอยู่