[RE: รถค่ายญี่ปุ่น ขายแพงเกินจริง???]
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
Dolores พิมพ์ว่า:
ก็ญี่ปุ่นดันไม่ยอมทำรถไฟฟ้าเอง ถ้าทำภาษีมันก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็นแล้ว แข่งกับรถจีนได้สบาย ยังไงแบรนด์ก็น่าเชื่อถือกว่า
รถไฮโดรเจนก็มีข่าวพัฒนามาเป็นสิบปีแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ไปไหน
สรุปคือพัฒนาช้าเอง โดนจีนแซงแล้วล่ะ
เหลือไม่กี่เปอร์เซนต์นี่คุณเอามาจากไหนครับถามหน่อย
ในเมื่อถ้าคุณนำเข้ามาแต่ไม่ได้นำเข้าจากจีนก็เจอเน้นๆก่อนละ ภาษีนำเข้า 80%
ส่วนจะประกอบไทยคุณก็ต้องลงทุน แล้วประเทศเรามีทรัพยากรอะไรที่ทำรถไฟฟ้าได้เองบ้าง ก็ไม่มี
ก็ต้องนำเข้ามาประกอบ แล้วถ้าไม่นำเข้าจากจีน ก็โดนภาษีอยู่ดี แล้วคุณเอาอะไรมาบอกว่าภาษีมันจะเหลือนิดเดียว
ญี่ปุ่นก็มีโรงงานผลิตในจีน ทำไมไม่ผลิตแล้วนำมาขายไทยแบบเทสล่าและอีกหลายๆแบรนด์หล่ะ?? ไม่มีใครห้ามนะ
ละผลิตในประเทศจะรถสันดาบรถไฟฟ้าก็ต้องมีlocal content 80% มั้งถ้าจำไม่ผิดตามboiลองหาดู
แล้วมันต่างกันยังไง?
ปล. เหล็กที่ใช้เป็นmaterial หลักในการผลิตรถยนต์ก็นำเข้าทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีในปท.
ญี่ปุ่นก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเอง บางทีก็จีนด้วย
ต้องถามว่าประเทศเรามีทรัพยากรอะไรมากกว่า?
มีแต่supplierที่ก็นำเข้า raw matมาอีกทีอยู่ดี
ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากได้นำเข้ามาแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องมีโรงงานครับ เอาเลย
ถ้าคุณไม่แคร์อุตสากรรมให้มันอยู่ในประเทศก็เอาเลย
เอ้าอะไรอ่ะงง
ก็ญี่ปุ่นมีทั้งโรงงานในจีนและไทยก็เลือกเอาซิซักทางไม่มีใครห้ามเลย
จะผลิตแล้วนำเข้าทั้งคันจากจีนแบบเทสล่าและbrandอื่นๆก็เสียสรรพสามิตไป8%แบบโพสต์บนบอก
หรือจะใช้boi นำเข้ามาส่วนนึงแล้วตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกส่วนนึงแบบพวกbyd Changnaก็เลือกเอา
ไม่ใช่ไม่เลือกซักอย่างแล้วมางอแงอยากได้สิทธิพิเศษทางภาษี
ซึ่งจริงๆก็ได้มาเป็นกี่สิบปีละboiอันเก่า ได้สิทธิภาษีมาเท่าไหร่
แต่พอมีสิทธิ์ภาษีแบบใหม่ๆกลับไม่ยอมเลือกทางเองว่าจะเอาแบบไหน
แล้วที่คุยกันข้างบนก็ที่ถามเองนะว่าไทยมีทรัพยากรแบบไหนผมก็มาตอบให้แล้ว
ส่วนเรื่องการห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ ในฐานะที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้
อยากจะบอกว่าเริ่มปรับตัวทำแบบออสเตรเลียซักทีเถอะ ที่ไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นจนไม่ต้องพึ่งพายานยนต์อย่างเดียว
จนสุดท้ายก็ยกเลิกboiทั้งหมดในประเทศจนไม่มีโรงงานไหนละ
เพราะอะไร? เพราะสุดท้ายคนไทยก็ได้แค่ “การจ้างงาน”
เป็นลูกจ้างเค้าไปทั้งชีวิต ไม่ได้มีknow howอะไรในการผลิตรถทั้งนั้น
ก็จะได้แต่แรงงานskilled workerเฉพาะทาง แต่ต่อยอดอะไรไม่ได้
ส่วนsupplierในไทย ไปถามรง.ดูว่ารง.ใหญ่ๆที่ไหนไม่มีญป.มาหุ้นมาร่วมทุน
ญป.ถึงเปลี่ยนไปไฟฟ้าทันทีไม่ได้ไง เพราะraw earthก็ไม่มี
เงินลงทุนที่หว่านไปทุกอุตสาหกรรมถ้าเทsupplierเลยตัวเองก็ตายไปด้วย
อยากเข้าใจมากขึ้นลองไปฟังเทป9armที่ว่าทำไมหน้าจอรถสันดาปมันถึงล้าหลังกว่ารถev
ไม่ต้องไปห่วงญป.หรอกครับเค้าทำธุรกิจ เค้าก็ใช้boiสิทธิทางภาษีตามกม.เต็มที่
ขนเงินกลับประเทศ ทิ้งขยะทิ้งมลพิษทิ้งcarbon footprint ไว้ในไทยเท่าไหร่
จะบอกว่าก่อนถามคำว่าไทยมีทรพยากรอะไรต้องถามว่าญปไม่มีทรัพยากรอะไรถึงสู้evจีนไม่ได้
ผมไม่ได้มาปกป้องญี่ปุ่นหรืออะไรทั้งนั้น ผมมาพูดเพราะว่าผมคือคนไทย ผมมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ประเทศเราจะไม่มีโรงงานแบบออสเตรเลียก็ได้ แต่ถ้าเอาออกไปตอนนี้ แล้วประเทศไทยได้อะไร
ผมไม่ได้ต่อต้านซักหน่อย ถ้าคุณมีวิธีอื่นที่ทำสร้างรายได่ให้ประเทศได้พอๆกันหรือดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์
แล้วคุณเชื่อมือรัฐบาลแค่ไหนว่าจะทำอุตสาหกรรมใหม่ๆหรืออะไรให้มาทดแทนรถยนต์ ทุกวันนี้ยังเอาแต่จะแจกตังอย่างเดียวอยู่เลย
คุณมีมาตรการรับมือหรือยังถ้าเกิดว่าเขาถอนโรงงานออกไปแล้วคนไม่มีงานทำ กระทบอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ไปในทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ
ยิ่งเดี๋ยวพอนำเข้าแบบฟรีภาษีเข้ามาเยอะๆ รายได้รัฐหายก็มาขูดรีดภาษีที่อย่างอื่นอีก ค่าไฟงี้ น้ำมันงี้ ค่าครองชีพพุ่ง
รถถูกแต่ไม่มีตังจะซื้อแล้วมันเป็นยังไงเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น
ยังไม่นับว่าพอนำเข้าเยอะแต่ไม่มีส่งออกก็เสียดุลการค้าเยอะ ค่าเงินบาทลดอีก นำเข้าก็จะไม่ถูกแล้วแบบนี้ พังมันทั้งหมดนั่นแหละ
ญป เขาตามหลังจีนก็จริงเรื่อง BEV แต่ที่วันนี้คุณยังไม่ค่อยเห็นเพราะ BEV มันไม่ได้ contribute รายได้หลักของเขา
ทั่วโลกเขายังไม่ได้พร้อมจะใช้ BEV ไปดูสัดส่วนเอาก็ได้
แล้วเขาจะทำรถ BEV มาเพื่อรองรับประเทศกะลาแลนด์ประเทศเดียวที่ยอดขายเท่าขี้เล็บเมื่อเทียบกับทั้งโลกไปทำไม
เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอยากขายขึ้นมา เขาก็ไปทำในจีนแล้วนำเข้ามาแบบที่คุณไล่เขาไปทำอ่ะ
ไม่ต้องตั้งโรงงานอะไรเพิ่มด้วยซ้ำเพราะเขาก็มีโรงงานในจีนอยู่แล้วตอนนี้ เดี๋ยวคุณได้เห็นแน่เชื่อสิ
คุณพูดถูกที่ไม่ต้องห่วง ญป เขาไม่เจ๊งหรอก ห่วงประเทศไทยก่อนเหอะ
สรุปที่พูดมาคุณกังวลประเทศไทย?
แล้วถ้าอนาคตเป็นอย่างที่คุณพูด แล้วสรุปประเทศไทยได้อะไร?
ผมถึงบอกไงว่ารัฐบาลออสเตรเลียเค้าเห็นอนาคตนานละไง
ไทยยังจะจมอยู่กับคำว่า Detroit ของเอเชียได้อีกนานแค่ไหน?
ลองคิดดู…
อ้อละเค้าวางแผนกันเป็นสิบๆปีนะ ค่อยๆลดมาตรการboi ค่อยๆเพิ่มภาษี ค่อยๆบีบให้ออกไปเป็นสิบๆปี
ไม่ใช่จะมาประกาศในวันเดียวปีเดียว
แล้วจะบอกว่าไม่ต้องกังวลบ.ญี่ปุ่นหรอก เค้าทำrisk managementไว้เป็นชาติละว่สย้ายไปไหนได้บ้าง
ดังนั้นอย่างที่คึณว่านั่นแหละ “ห่วงประเทศไทยเหอะ”
จะจมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และการจ้างงานอรงงานต่อไปหรือจะทำยังไง
นี่แหละ “ที่ผมกังวล” ผมไม่ได้สนจีนสนญป.อะไรทั้งนั้นอ่ะ
แค่มาพูดให้ฟังมุมที่คุณอาจไม่รู้
ทำไมผมจะไม่รู้ ก็เพราะรู้ไงถึงได้มาบอก
ผมถึงได้ถามไงว่าในเมื่อคุณเห็นอนาคตแล้ว คุณเห็นอนาคตแบบเดียวกับผมรึเปล่าละ
คุณจะทำอะไรต่อถ้าคุณอยากเอาอุตสาหกรรมนี้ออกนอกประเทศไป คุณมีมาตรการรองรับอะไรบ้าง
คุณจะหาเงินเข้าประเทศยังไง คุณจะทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยที่วันนี้มันแย่ลงๆทุกวันให้มันดีขึ้นได้ยังไง
บอกผมมาสิ ไปบอกรัฐบาลด้วยนะ ถ้าทำได้ผมเอาด้วยเลย
ไม่ทราบครับ อันนี่หน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล
แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีใครเริ่มนะ อย่างที่ผมบอกคนในอุตสาหกรมมนี้เค้าเห็นอนาคตมากันนานละ
ถึงได้บอกว่าเค้าทำrisk managementกันมาตลอด แต่มาจิงจังตอนหมดการสนับสนุนeco car
และสอท ก็ยังกังวลกับอุสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่อยุ่ในช่วงถดถอยไปเรื่อยๆ
ยังชงให้รัฐบาลไปหนุนอุตสาหกรรมอื่นๆแทน
ก็อย่างที่ผมบอกsupplierหลายรายก็หันไปผลิตเครื่องมือการแพทย์ หรือพวกafter marketแทนกันบางส่วนละ
อยุ่ที่รัฐบาลละว่าจะมีปัญญาออกนโยบายยังไงให้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านแบบนี้ไปได้เหมือน
หรือยังจะหวังลมๆแล้งๆกับอุสาหกรรมนี้ ในเมื่อผู้ผลิตเองยังไม่เห็นอนาคตประเทศไทยเหมือนกัน ยังเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว
ก็คิดดูคับว่าคนไทยยังหวังกับ “การจ้างงาน” ในอุตสาหกรรมนี้ตาอไป หรือยังไง
คุณกับผมก็ไม่มีใครมีวันรู้อนาคต
อนาคตรัฐบาลอาจพาอุตสาหกรรมนี่กลับมาได้ก็ได้ใครจะรู้
หรืออาจจะจบไปเลยก็ได้แบบที่ผมบอก
แต่ที่แน่ๆคือฝั่งผู้ผลิตเค้าเตรียมพร้อมแล้ว
ไม่เริ่มตอนนี่จะรอตอนไหน?
คนไทยพร้อมยัง?