BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: -# PUNCH #-
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 17147
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 14, 2024 10:22
[RE: รถค่ายญี่ปุ่น ขายแพงเกินจริง???]
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
Dolores พิมพ์ว่า:
ก็ญี่ปุ่น​ดันไม่ยอมทำรถไฟฟ้า​เอง ถ้าทำภาษี​มันก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็น​แล้ว แข่งกับรถจีนได้สบาย ยังไงแบรนด์​ก็น่า​เชื่อถือ​กว่า

รถไฮโดรเจน​ก็มีข่าว​พัฒนา​มา​เป็น​สิบปีแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ไปไหน

สรุปคือพัฒนา​ช้าเอง โดนจีนแซงแล้วล่ะ  

เหลือไม่กี่เปอร์เซนต์นี่คุณเอามาจากไหนครับถามหน่อย

ในเมื่อถ้าคุณนำเข้ามาแต่ไม่ได้นำเข้าจากจีนก็เจอเน้นๆก่อนละ ภาษีนำเข้า 80%

ส่วนจะประกอบไทยคุณก็ต้องลงทุน แล้วประเทศเรามีทรัพยากรอะไรที่ทำรถไฟฟ้าได้เองบ้าง ก็ไม่มี

ก็ต้องนำเข้ามาประกอบ แล้วถ้าไม่นำเข้าจากจีน ก็โดนภาษีอยู่ดี แล้วคุณเอาอะไรมาบอกว่าภาษีมันจะเหลือนิดเดียว
 


ญี่ปุ่นก็มีโรงงานผลิตในจีน ทำไมไม่ผลิตแล้วนำมาขายไทยแบบเทสล่าและอีกหลายๆแบรนด์หล่ะ?? ไม่มีใครห้ามนะ

ละผลิตในประเทศจะรถสันดาบรถไฟฟ้าก็ต้องมีlocal content 80% มั้งถ้าจำไม่ผิดตามboiลองหาดู

แล้วมันต่างกันยังไง?

ปล. เหล็กที่ใช้เป็นmaterial หลักในการผลิตรถยนต์ก็นำเข้าทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีในปท.
ญี่ปุ่นก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเอง บางทีก็จีนด้วย

ต้องถามว่าประเทศเรามีทรัพยากรอะไรมากกว่า?
มีแต่supplierที่ก็นำเข้า raw matมาอีกทีอยู่ดี
 

ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากได้นำเข้ามาแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องมีโรงงานครับ เอาเลย

ถ้าคุณไม่แคร์อุตสากรรมให้มันอยู่ในประเทศก็เอาเลย
 


เอ้าอะไรอ่ะงง

ก็ญี่ปุ่นมีทั้งโรงงานในจีนและไทยก็เลือกเอาซิซักทางไม่มีใครห้ามเลย

จะผลิตแล้วนำเข้าทั้งคันจากจีนแบบเทสล่าและbrandอื่นๆก็เสียสรรพสามิตไป8%แบบโพสต์บนบอก

หรือจะใช้boi นำเข้ามาส่วนนึงแล้วตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกส่วนนึงแบบพวกbyd Changnaก็เลือกเอา

ไม่ใช่ไม่เลือกซักอย่างแล้วมางอแงอยากได้สิทธิพิเศษทางภาษี

ซึ่งจริงๆก็ได้มาเป็นกี่สิบปีละboiอันเก่า ได้สิทธิภาษีมาเท่าไหร่

แต่พอมีสิทธิ์ภาษีแบบใหม่ๆกลับไม่ยอมเลือกทางเองว่าจะเอาแบบไหน

แล้วที่คุยกันข้างบนก็ที่ถามเองนะว่าไทยมีทรัพยากรแบบไหนผมก็มาตอบให้แล้ว

ส่วนเรื่องการห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ ในฐานะที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

อยากจะบอกว่าเริ่มปรับตัวทำแบบออสเตรเลียซักทีเถอะ ที่ไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นจนไม่ต้องพึ่งพายานยนต์อย่างเดียว

จนสุดท้ายก็ยกเลิกboiทั้งหมดในประเทศจนไม่มีโรงงานไหนละ

เพราะอะไร? เพราะสุดท้ายคนไทยก็ได้แค่ “การจ้างงาน”

เป็นลูกจ้างเค้าไปทั้งชีวิต ไม่ได้มีknow howอะไรในการผลิตรถทั้งนั้น

ก็จะได้แต่แรงงานskilled workerเฉพาะทาง แต่ต่อยอดอะไรไม่ได้

ส่วนsupplierในไทย ไปถามรง.ดูว่ารง.ใหญ่ๆที่ไหนไม่มีญป.มาหุ้นมาร่วมทุน

ญป.ถึงเปลี่ยนไปไฟฟ้าทันทีไม่ได้ไง เพราะraw earthก็ไม่มี

เงินลงทุนที่หว่านไปทุกอุตสาหกรรมถ้าเทsupplierเลยตัวเองก็ตายไปด้วย

อยากเข้าใจมากขึ้นลองไปฟังเทป9armที่ว่าทำไมหน้าจอรถสันดาปมันถึงล้าหลังกว่ารถev

ไม่ต้องไปห่วงญป.หรอกครับเค้าทำธุรกิจ เค้าก็ใช้boiสิทธิทางภาษีตามกม.เต็มที่

ขนเงินกลับประเทศ ทิ้งขยะทิ้งมลพิษทิ้งcarbon footprint ไว้ในไทยเท่าไหร่

จะบอกว่าก่อนถามคำว่าไทยมีทรพยากรอะไรต้องถามว่าญปไม่มีทรัพยากรอะไรถึงสู้evจีนไม่ได้  

ผมไม่ได้มาปกป้องญี่ปุ่นหรืออะไรทั้งนั้น ผมมาพูดเพราะว่าผมคือคนไทย ผมมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

ประเทศเราจะไม่มีโรงงานแบบออสเตรเลียก็ได้ แต่ถ้าเอาออกไปตอนนี้ แล้วประเทศไทยได้อะไร

ผมไม่ได้ต่อต้านซักหน่อย ถ้าคุณมีวิธีอื่นที่ทำสร้างรายได่ให้ประเทศได้พอๆกันหรือดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์

แล้วคุณเชื่อมือรัฐบาลแค่ไหนว่าจะทำอุตสาหกรรมใหม่ๆหรืออะไรให้มาทดแทนรถยนต์ ทุกวันนี้ยังเอาแต่จะแจกตังอย่างเดียวอยู่เลย

คุณมีมาตรการรับมือหรือยังถ้าเกิดว่าเขาถอนโรงงานออกไปแล้วคนไม่มีงานทำ กระทบอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ไปในทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ

ยิ่งเดี๋ยวพอนำเข้าแบบฟรีภาษีเข้ามาเยอะๆ รายได้รัฐหายก็มาขูดรีดภาษีที่อย่างอื่นอีก ค่าไฟงี้ น้ำมันงี้ ค่าครองชีพพุ่ง

รถถูกแต่ไม่มีตังจะซื้อแล้วมันเป็นยังไงเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น

ยังไม่นับว่าพอนำเข้าเยอะแต่ไม่มีส่งออกก็เสียดุลการค้าเยอะ ค่าเงินบาทลดอีก นำเข้าก็จะไม่ถูกแล้วแบบนี้ พังมันทั้งหมดนั่นแหละ

ญป เขาตามหลังจีนก็จริงเรื่อง BEV แต่ที่วันนี้คุณยังไม่ค่อยเห็นเพราะ BEV มันไม่ได้ contribute รายได้หลักของเขา

ทั่วโลกเขายังไม่ได้พร้อมจะใช้ BEV ไปดูสัดส่วนเอาก็ได้

แล้วเขาจะทำรถ BEV มาเพื่อรองรับประเทศกะลาแลนด์ประเทศเดียวที่ยอดขายเท่าขี้เล็บเมื่อเทียบกับทั้งโลกไปทำไม

เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอยากขายขึ้นมา เขาก็ไปทำในจีนแล้วนำเข้ามาแบบที่คุณไล่เขาไปทำอ่ะ

ไม่ต้องตั้งโรงงานอะไรเพิ่มด้วยซ้ำเพราะเขาก็มีโรงงานในจีนอยู่แล้วตอนนี้ เดี๋ยวคุณได้เห็นแน่เชื่อสิ

คุณพูดถูกที่ไม่ต้องห่วง ญป เขาไม่เจ๊งหรอก ห่วงประเทศไทยก่อนเหอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
อบรมขอไลเซนส์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Nov 2008
ตอบ: 28058
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 14, 2024 11:37
[RE: รถค่ายญี่ปุ่น ขายแพงเกินจริง???]
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
Dolores พิมพ์ว่า:
ก็ญี่ปุ่น​ดันไม่ยอมทำรถไฟฟ้า​เอง ถ้าทำภาษี​มันก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็น​แล้ว แข่งกับรถจีนได้สบาย ยังไงแบรนด์​ก็น่า​เชื่อถือ​กว่า

รถไฮโดรเจน​ก็มีข่าว​พัฒนา​มา​เป็น​สิบปีแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ไปไหน

สรุปคือพัฒนา​ช้าเอง โดนจีนแซงแล้วล่ะ  

เหลือไม่กี่เปอร์เซนต์นี่คุณเอามาจากไหนครับถามหน่อย

ในเมื่อถ้าคุณนำเข้ามาแต่ไม่ได้นำเข้าจากจีนก็เจอเน้นๆก่อนละ ภาษีนำเข้า 80%

ส่วนจะประกอบไทยคุณก็ต้องลงทุน แล้วประเทศเรามีทรัพยากรอะไรที่ทำรถไฟฟ้าได้เองบ้าง ก็ไม่มี

ก็ต้องนำเข้ามาประกอบ แล้วถ้าไม่นำเข้าจากจีน ก็โดนภาษีอยู่ดี แล้วคุณเอาอะไรมาบอกว่าภาษีมันจะเหลือนิดเดียว
 


ญี่ปุ่นก็มีโรงงานผลิตในจีน ทำไมไม่ผลิตแล้วนำมาขายไทยแบบเทสล่าและอีกหลายๆแบรนด์หล่ะ?? ไม่มีใครห้ามนะ

ละผลิตในประเทศจะรถสันดาบรถไฟฟ้าก็ต้องมีlocal content 80% มั้งถ้าจำไม่ผิดตามboiลองหาดู

แล้วมันต่างกันยังไง?

ปล. เหล็กที่ใช้เป็นmaterial หลักในการผลิตรถยนต์ก็นำเข้าทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีในปท.
ญี่ปุ่นก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเอง บางทีก็จีนด้วย

ต้องถามว่าประเทศเรามีทรัพยากรอะไรมากกว่า?
มีแต่supplierที่ก็นำเข้า raw matมาอีกทีอยู่ดี
 

ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากได้นำเข้ามาแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องมีโรงงานครับ เอาเลย

ถ้าคุณไม่แคร์อุตสากรรมให้มันอยู่ในประเทศก็เอาเลย
 


เอ้าอะไรอ่ะงง

ก็ญี่ปุ่นมีทั้งโรงงานในจีนและไทยก็เลือกเอาซิซักทางไม่มีใครห้ามเลย

จะผลิตแล้วนำเข้าทั้งคันจากจีนแบบเทสล่าและbrandอื่นๆก็เสียสรรพสามิตไป8%แบบโพสต์บนบอก

หรือจะใช้boi นำเข้ามาส่วนนึงแล้วตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกส่วนนึงแบบพวกbyd Changnaก็เลือกเอา

ไม่ใช่ไม่เลือกซักอย่างแล้วมางอแงอยากได้สิทธิพิเศษทางภาษี

ซึ่งจริงๆก็ได้มาเป็นกี่สิบปีละboiอันเก่า ได้สิทธิภาษีมาเท่าไหร่

แต่พอมีสิทธิ์ภาษีแบบใหม่ๆกลับไม่ยอมเลือกทางเองว่าจะเอาแบบไหน

แล้วที่คุยกันข้างบนก็ที่ถามเองนะว่าไทยมีทรัพยากรแบบไหนผมก็มาตอบให้แล้ว

ส่วนเรื่องการห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ ในฐานะที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

อยากจะบอกว่าเริ่มปรับตัวทำแบบออสเตรเลียซักทีเถอะ ที่ไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นจนไม่ต้องพึ่งพายานยนต์อย่างเดียว

จนสุดท้ายก็ยกเลิกboiทั้งหมดในประเทศจนไม่มีโรงงานไหนละ

เพราะอะไร? เพราะสุดท้ายคนไทยก็ได้แค่ “การจ้างงาน”

เป็นลูกจ้างเค้าไปทั้งชีวิต ไม่ได้มีknow howอะไรในการผลิตรถทั้งนั้น

ก็จะได้แต่แรงงานskilled workerเฉพาะทาง แต่ต่อยอดอะไรไม่ได้

ส่วนsupplierในไทย ไปถามรง.ดูว่ารง.ใหญ่ๆที่ไหนไม่มีญป.มาหุ้นมาร่วมทุน

ญป.ถึงเปลี่ยนไปไฟฟ้าทันทีไม่ได้ไง เพราะraw earthก็ไม่มี

เงินลงทุนที่หว่านไปทุกอุตสาหกรรมถ้าเทsupplierเลยตัวเองก็ตายไปด้วย

อยากเข้าใจมากขึ้นลองไปฟังเทป9armที่ว่าทำไมหน้าจอรถสันดาปมันถึงล้าหลังกว่ารถev

ไม่ต้องไปห่วงญป.หรอกครับเค้าทำธุรกิจ เค้าก็ใช้boiสิทธิทางภาษีตามกม.เต็มที่

ขนเงินกลับประเทศ ทิ้งขยะทิ้งมลพิษทิ้งcarbon footprint ไว้ในไทยเท่าไหร่

จะบอกว่าก่อนถามคำว่าไทยมีทรพยากรอะไรต้องถามว่าญปไม่มีทรัพยากรอะไรถึงสู้evจีนไม่ได้  

ผมไม่ได้มาปกป้องญี่ปุ่นหรืออะไรทั้งนั้น ผมมาพูดเพราะว่าผมคือคนไทย ผมมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

ประเทศเราจะไม่มีโรงงานแบบออสเตรเลียก็ได้ แต่ถ้าเอาออกไปตอนนี้ แล้วประเทศไทยได้อะไร

ผมไม่ได้ต่อต้านซักหน่อย ถ้าคุณมีวิธีอื่นที่ทำสร้างรายได่ให้ประเทศได้พอๆกันหรือดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์

แล้วคุณเชื่อมือรัฐบาลแค่ไหนว่าจะทำอุตสาหกรรมใหม่ๆหรืออะไรให้มาทดแทนรถยนต์ ทุกวันนี้ยังเอาแต่จะแจกตังอย่างเดียวอยู่เลย

คุณมีมาตรการรับมือหรือยังถ้าเกิดว่าเขาถอนโรงงานออกไปแล้วคนไม่มีงานทำ กระทบอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ไปในทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ

ยิ่งเดี๋ยวพอนำเข้าแบบฟรีภาษีเข้ามาเยอะๆ รายได้รัฐหายก็มาขูดรีดภาษีที่อย่างอื่นอีก ค่าไฟงี้ น้ำมันงี้ ค่าครองชีพพุ่ง

รถถูกแต่ไม่มีตังจะซื้อแล้วมันเป็นยังไงเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น

ยังไม่นับว่าพอนำเข้าเยอะแต่ไม่มีส่งออกก็เสียดุลการค้าเยอะ ค่าเงินบาทลดอีก นำเข้าก็จะไม่ถูกแล้วแบบนี้ พังมันทั้งหมดนั่นแหละ

ญป เขาตามหลังจีนก็จริงเรื่อง BEV แต่ที่วันนี้คุณยังไม่ค่อยเห็นเพราะ BEV มันไม่ได้ contribute รายได้หลักของเขา

ทั่วโลกเขายังไม่ได้พร้อมจะใช้ BEV ไปดูสัดส่วนเอาก็ได้

แล้วเขาจะทำรถ BEV มาเพื่อรองรับประเทศกะลาแลนด์ประเทศเดียวที่ยอดขายเท่าขี้เล็บเมื่อเทียบกับทั้งโลกไปทำไม

เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอยากขายขึ้นมา เขาก็ไปทำในจีนแล้วนำเข้ามาแบบที่คุณไล่เขาไปทำอ่ะ

ไม่ต้องตั้งโรงงานอะไรเพิ่มด้วยซ้ำเพราะเขาก็มีโรงงานในจีนอยู่แล้วตอนนี้ เดี๋ยวคุณได้เห็นแน่เชื่อสิ

คุณพูดถูกที่ไม่ต้องห่วง ญป เขาไม่เจ๊งหรอก ห่วงประเทศไทยก่อนเหอะ
 


สรุปที่พูดมาคุณกังวลประเทศไทย?

แล้วถ้าอนาคตเป็นอย่างที่คุณพูด แล้วสรุปประเทศไทยได้อะไร?

ผมถึงบอกไงว่ารัฐบาลออสเตรเลียเค้าเห็นอนาคตนานละไง

ไทยยังจะจมอยู่กับคำว่า Detroit ของเอเชียได้อีกนานแค่ไหน?

ลองคิดดู…

อ้อละเค้าวางแผนกันเป็นสิบๆปีนะ ค่อยๆลดมาตรการboi ค่อยๆเพิ่มภาษี ค่อยๆบีบให้ออกไปเป็นสิบๆปี

ไม่ใช่จะมาประกาศในวันเดียวปีเดียว

แล้วจะบอกว่าไม่ต้องกังวลบ.ญี่ปุ่นหรอก เค้าทำrisk managementไว้เป็นชาติละว่สย้ายไปไหนได้บ้าง

ดังนั้นอย่างที่คึณว่านั่นแหละ “ห่วงประเทศไทยเหอะ”

จะจมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และการจ้างงานอรงงานต่อไปหรือจะทำยังไง

นี่แหละ “ที่ผมกังวล” ผมไม่ได้สนจีนสนญป.อะไรทั้งนั้นอ่ะ

แค่มาพูดให้ฟังมุมที่คุณอาจไม่รู้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: -# PUNCH #-
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 17147
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 14, 2024 11:48
[RE: รถค่ายญี่ปุ่น ขายแพงเกินจริง???]
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
Dolores พิมพ์ว่า:
ก็ญี่ปุ่น​ดันไม่ยอมทำรถไฟฟ้า​เอง ถ้าทำภาษี​มันก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็น​แล้ว แข่งกับรถจีนได้สบาย ยังไงแบรนด์​ก็น่า​เชื่อถือ​กว่า

รถไฮโดรเจน​ก็มีข่าว​พัฒนา​มา​เป็น​สิบปีแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ไปไหน

สรุปคือพัฒนา​ช้าเอง โดนจีนแซงแล้วล่ะ  

เหลือไม่กี่เปอร์เซนต์นี่คุณเอามาจากไหนครับถามหน่อย

ในเมื่อถ้าคุณนำเข้ามาแต่ไม่ได้นำเข้าจากจีนก็เจอเน้นๆก่อนละ ภาษีนำเข้า 80%

ส่วนจะประกอบไทยคุณก็ต้องลงทุน แล้วประเทศเรามีทรัพยากรอะไรที่ทำรถไฟฟ้าได้เองบ้าง ก็ไม่มี

ก็ต้องนำเข้ามาประกอบ แล้วถ้าไม่นำเข้าจากจีน ก็โดนภาษีอยู่ดี แล้วคุณเอาอะไรมาบอกว่าภาษีมันจะเหลือนิดเดียว
 


ญี่ปุ่นก็มีโรงงานผลิตในจีน ทำไมไม่ผลิตแล้วนำมาขายไทยแบบเทสล่าและอีกหลายๆแบรนด์หล่ะ?? ไม่มีใครห้ามนะ

ละผลิตในประเทศจะรถสันดาบรถไฟฟ้าก็ต้องมีlocal content 80% มั้งถ้าจำไม่ผิดตามboiลองหาดู

แล้วมันต่างกันยังไง?

ปล. เหล็กที่ใช้เป็นmaterial หลักในการผลิตรถยนต์ก็นำเข้าทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีในปท.
ญี่ปุ่นก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเอง บางทีก็จีนด้วย

ต้องถามว่าประเทศเรามีทรัพยากรอะไรมากกว่า?
มีแต่supplierที่ก็นำเข้า raw matมาอีกทีอยู่ดี
 

ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากได้นำเข้ามาแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องมีโรงงานครับ เอาเลย

ถ้าคุณไม่แคร์อุตสากรรมให้มันอยู่ในประเทศก็เอาเลย
 


เอ้าอะไรอ่ะงง

ก็ญี่ปุ่นมีทั้งโรงงานในจีนและไทยก็เลือกเอาซิซักทางไม่มีใครห้ามเลย

จะผลิตแล้วนำเข้าทั้งคันจากจีนแบบเทสล่าและbrandอื่นๆก็เสียสรรพสามิตไป8%แบบโพสต์บนบอก

หรือจะใช้boi นำเข้ามาส่วนนึงแล้วตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกส่วนนึงแบบพวกbyd Changnaก็เลือกเอา

ไม่ใช่ไม่เลือกซักอย่างแล้วมางอแงอยากได้สิทธิพิเศษทางภาษี

ซึ่งจริงๆก็ได้มาเป็นกี่สิบปีละboiอันเก่า ได้สิทธิภาษีมาเท่าไหร่

แต่พอมีสิทธิ์ภาษีแบบใหม่ๆกลับไม่ยอมเลือกทางเองว่าจะเอาแบบไหน

แล้วที่คุยกันข้างบนก็ที่ถามเองนะว่าไทยมีทรัพยากรแบบไหนผมก็มาตอบให้แล้ว

ส่วนเรื่องการห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ ในฐานะที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

อยากจะบอกว่าเริ่มปรับตัวทำแบบออสเตรเลียซักทีเถอะ ที่ไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นจนไม่ต้องพึ่งพายานยนต์อย่างเดียว

จนสุดท้ายก็ยกเลิกboiทั้งหมดในประเทศจนไม่มีโรงงานไหนละ

เพราะอะไร? เพราะสุดท้ายคนไทยก็ได้แค่ “การจ้างงาน”

เป็นลูกจ้างเค้าไปทั้งชีวิต ไม่ได้มีknow howอะไรในการผลิตรถทั้งนั้น

ก็จะได้แต่แรงงานskilled workerเฉพาะทาง แต่ต่อยอดอะไรไม่ได้

ส่วนsupplierในไทย ไปถามรง.ดูว่ารง.ใหญ่ๆที่ไหนไม่มีญป.มาหุ้นมาร่วมทุน

ญป.ถึงเปลี่ยนไปไฟฟ้าทันทีไม่ได้ไง เพราะraw earthก็ไม่มี

เงินลงทุนที่หว่านไปทุกอุตสาหกรรมถ้าเทsupplierเลยตัวเองก็ตายไปด้วย

อยากเข้าใจมากขึ้นลองไปฟังเทป9armที่ว่าทำไมหน้าจอรถสันดาปมันถึงล้าหลังกว่ารถev

ไม่ต้องไปห่วงญป.หรอกครับเค้าทำธุรกิจ เค้าก็ใช้boiสิทธิทางภาษีตามกม.เต็มที่

ขนเงินกลับประเทศ ทิ้งขยะทิ้งมลพิษทิ้งcarbon footprint ไว้ในไทยเท่าไหร่

จะบอกว่าก่อนถามคำว่าไทยมีทรพยากรอะไรต้องถามว่าญปไม่มีทรัพยากรอะไรถึงสู้evจีนไม่ได้  

ผมไม่ได้มาปกป้องญี่ปุ่นหรืออะไรทั้งนั้น ผมมาพูดเพราะว่าผมคือคนไทย ผมมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

ประเทศเราจะไม่มีโรงงานแบบออสเตรเลียก็ได้ แต่ถ้าเอาออกไปตอนนี้ แล้วประเทศไทยได้อะไร

ผมไม่ได้ต่อต้านซักหน่อย ถ้าคุณมีวิธีอื่นที่ทำสร้างรายได่ให้ประเทศได้พอๆกันหรือดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์

แล้วคุณเชื่อมือรัฐบาลแค่ไหนว่าจะทำอุตสาหกรรมใหม่ๆหรืออะไรให้มาทดแทนรถยนต์ ทุกวันนี้ยังเอาแต่จะแจกตังอย่างเดียวอยู่เลย

คุณมีมาตรการรับมือหรือยังถ้าเกิดว่าเขาถอนโรงงานออกไปแล้วคนไม่มีงานทำ กระทบอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ไปในทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ

ยิ่งเดี๋ยวพอนำเข้าแบบฟรีภาษีเข้ามาเยอะๆ รายได้รัฐหายก็มาขูดรีดภาษีที่อย่างอื่นอีก ค่าไฟงี้ น้ำมันงี้ ค่าครองชีพพุ่ง

รถถูกแต่ไม่มีตังจะซื้อแล้วมันเป็นยังไงเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น

ยังไม่นับว่าพอนำเข้าเยอะแต่ไม่มีส่งออกก็เสียดุลการค้าเยอะ ค่าเงินบาทลดอีก นำเข้าก็จะไม่ถูกแล้วแบบนี้ พังมันทั้งหมดนั่นแหละ

ญป เขาตามหลังจีนก็จริงเรื่อง BEV แต่ที่วันนี้คุณยังไม่ค่อยเห็นเพราะ BEV มันไม่ได้ contribute รายได้หลักของเขา

ทั่วโลกเขายังไม่ได้พร้อมจะใช้ BEV ไปดูสัดส่วนเอาก็ได้

แล้วเขาจะทำรถ BEV มาเพื่อรองรับประเทศกะลาแลนด์ประเทศเดียวที่ยอดขายเท่าขี้เล็บเมื่อเทียบกับทั้งโลกไปทำไม

เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอยากขายขึ้นมา เขาก็ไปทำในจีนแล้วนำเข้ามาแบบที่คุณไล่เขาไปทำอ่ะ

ไม่ต้องตั้งโรงงานอะไรเพิ่มด้วยซ้ำเพราะเขาก็มีโรงงานในจีนอยู่แล้วตอนนี้ เดี๋ยวคุณได้เห็นแน่เชื่อสิ

คุณพูดถูกที่ไม่ต้องห่วง ญป เขาไม่เจ๊งหรอก ห่วงประเทศไทยก่อนเหอะ
 


สรุปที่พูดมาคุณกังวลประเทศไทย?

แล้วถ้าอนาคตเป็นอย่างที่คุณพูด แล้วสรุปประเทศไทยได้อะไร?

ผมถึงบอกไงว่ารัฐบาลออสเตรเลียเค้าเห็นอนาคตนานละไง

ไทยยังจะจมอยู่กับคำว่า Detroit ของเอเชียได้อีกนานแค่ไหน?

ลองคิดดู…

อ้อละเค้าวางแผนกันเป็นสิบๆปีนะ ค่อยๆลดมาตรการboi ค่อยๆเพิ่มภาษี ค่อยๆบีบให้ออกไปเป็นสิบๆปี

ไม่ใช่จะมาประกาศในวันเดียวปีเดียว

แล้วจะบอกว่าไม่ต้องกังวลบ.ญี่ปุ่นหรอก เค้าทำrisk managementไว้เป็นชาติละว่สย้ายไปไหนได้บ้าง

ดังนั้นอย่างที่คึณว่านั่นแหละ “ห่วงประเทศไทยเหอะ”

จะจมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และการจ้างงานอรงงานต่อไปหรือจะทำยังไง

นี่แหละ “ที่ผมกังวล” ผมไม่ได้สนจีนสนญป.อะไรทั้งนั้นอ่ะ

แค่มาพูดให้ฟังมุมที่คุณอาจไม่รู้  

ทำไมผมจะไม่รู้ ก็เพราะรู้ไงถึงได้มาบอก

ผมถึงได้ถามไงว่าในเมื่อคุณเห็นอนาคตแล้ว คุณเห็นอนาคตแบบเดียวกับผมรึเปล่าละ

คุณจะทำอะไรต่อถ้าคุณอยากเอาอุตสาหกรรมนี้ออกนอกประเทศไป คุณมีมาตรการรองรับอะไรบ้าง

คุณจะหาเงินเข้าประเทศยังไง คุณจะทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยที่วันนี้มันแย่ลงๆทุกวันให้มันดีขึ้นได้ยังไง

บอกผมมาสิ ไปบอกรัฐบาลด้วยนะ ถ้าทำได้ผมเอาด้วยเลย
แก้ไขล่าสุดโดย LUCIFER_GT เมื่อ Sun Jul 14, 2024 11:50, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
อบรมขอไลเซนส์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Nov 2008
ตอบ: 28058
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 14, 2024 12:33
[RE: รถค่ายญี่ปุ่น ขายแพงเกินจริง???]
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
Dolores พิมพ์ว่า:
ก็ญี่ปุ่น​ดันไม่ยอมทำรถไฟฟ้า​เอง ถ้าทำภาษี​มันก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็น​แล้ว แข่งกับรถจีนได้สบาย ยังไงแบรนด์​ก็น่า​เชื่อถือ​กว่า

รถไฮโดรเจน​ก็มีข่าว​พัฒนา​มา​เป็น​สิบปีแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ไปไหน

สรุปคือพัฒนา​ช้าเอง โดนจีนแซงแล้วล่ะ  

เหลือไม่กี่เปอร์เซนต์นี่คุณเอามาจากไหนครับถามหน่อย

ในเมื่อถ้าคุณนำเข้ามาแต่ไม่ได้นำเข้าจากจีนก็เจอเน้นๆก่อนละ ภาษีนำเข้า 80%

ส่วนจะประกอบไทยคุณก็ต้องลงทุน แล้วประเทศเรามีทรัพยากรอะไรที่ทำรถไฟฟ้าได้เองบ้าง ก็ไม่มี

ก็ต้องนำเข้ามาประกอบ แล้วถ้าไม่นำเข้าจากจีน ก็โดนภาษีอยู่ดี แล้วคุณเอาอะไรมาบอกว่าภาษีมันจะเหลือนิดเดียว
 


ญี่ปุ่นก็มีโรงงานผลิตในจีน ทำไมไม่ผลิตแล้วนำมาขายไทยแบบเทสล่าและอีกหลายๆแบรนด์หล่ะ?? ไม่มีใครห้ามนะ

ละผลิตในประเทศจะรถสันดาบรถไฟฟ้าก็ต้องมีlocal content 80% มั้งถ้าจำไม่ผิดตามboiลองหาดู

แล้วมันต่างกันยังไง?

ปล. เหล็กที่ใช้เป็นmaterial หลักในการผลิตรถยนต์ก็นำเข้าทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีในปท.
ญี่ปุ่นก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเอง บางทีก็จีนด้วย

ต้องถามว่าประเทศเรามีทรัพยากรอะไรมากกว่า?
มีแต่supplierที่ก็นำเข้า raw matมาอีกทีอยู่ดี
 

ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากได้นำเข้ามาแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องมีโรงงานครับ เอาเลย

ถ้าคุณไม่แคร์อุตสากรรมให้มันอยู่ในประเทศก็เอาเลย
 


เอ้าอะไรอ่ะงง

ก็ญี่ปุ่นมีทั้งโรงงานในจีนและไทยก็เลือกเอาซิซักทางไม่มีใครห้ามเลย

จะผลิตแล้วนำเข้าทั้งคันจากจีนแบบเทสล่าและbrandอื่นๆก็เสียสรรพสามิตไป8%แบบโพสต์บนบอก

หรือจะใช้boi นำเข้ามาส่วนนึงแล้วตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกส่วนนึงแบบพวกbyd Changnaก็เลือกเอา

ไม่ใช่ไม่เลือกซักอย่างแล้วมางอแงอยากได้สิทธิพิเศษทางภาษี

ซึ่งจริงๆก็ได้มาเป็นกี่สิบปีละboiอันเก่า ได้สิทธิภาษีมาเท่าไหร่

แต่พอมีสิทธิ์ภาษีแบบใหม่ๆกลับไม่ยอมเลือกทางเองว่าจะเอาแบบไหน

แล้วที่คุยกันข้างบนก็ที่ถามเองนะว่าไทยมีทรัพยากรแบบไหนผมก็มาตอบให้แล้ว

ส่วนเรื่องการห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ ในฐานะที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

อยากจะบอกว่าเริ่มปรับตัวทำแบบออสเตรเลียซักทีเถอะ ที่ไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นจนไม่ต้องพึ่งพายานยนต์อย่างเดียว

จนสุดท้ายก็ยกเลิกboiทั้งหมดในประเทศจนไม่มีโรงงานไหนละ

เพราะอะไร? เพราะสุดท้ายคนไทยก็ได้แค่ “การจ้างงาน”

เป็นลูกจ้างเค้าไปทั้งชีวิต ไม่ได้มีknow howอะไรในการผลิตรถทั้งนั้น

ก็จะได้แต่แรงงานskilled workerเฉพาะทาง แต่ต่อยอดอะไรไม่ได้

ส่วนsupplierในไทย ไปถามรง.ดูว่ารง.ใหญ่ๆที่ไหนไม่มีญป.มาหุ้นมาร่วมทุน

ญป.ถึงเปลี่ยนไปไฟฟ้าทันทีไม่ได้ไง เพราะraw earthก็ไม่มี

เงินลงทุนที่หว่านไปทุกอุตสาหกรรมถ้าเทsupplierเลยตัวเองก็ตายไปด้วย

อยากเข้าใจมากขึ้นลองไปฟังเทป9armที่ว่าทำไมหน้าจอรถสันดาปมันถึงล้าหลังกว่ารถev

ไม่ต้องไปห่วงญป.หรอกครับเค้าทำธุรกิจ เค้าก็ใช้boiสิทธิทางภาษีตามกม.เต็มที่

ขนเงินกลับประเทศ ทิ้งขยะทิ้งมลพิษทิ้งcarbon footprint ไว้ในไทยเท่าไหร่

จะบอกว่าก่อนถามคำว่าไทยมีทรพยากรอะไรต้องถามว่าญปไม่มีทรัพยากรอะไรถึงสู้evจีนไม่ได้  

ผมไม่ได้มาปกป้องญี่ปุ่นหรืออะไรทั้งนั้น ผมมาพูดเพราะว่าผมคือคนไทย ผมมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

ประเทศเราจะไม่มีโรงงานแบบออสเตรเลียก็ได้ แต่ถ้าเอาออกไปตอนนี้ แล้วประเทศไทยได้อะไร

ผมไม่ได้ต่อต้านซักหน่อย ถ้าคุณมีวิธีอื่นที่ทำสร้างรายได่ให้ประเทศได้พอๆกันหรือดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์

แล้วคุณเชื่อมือรัฐบาลแค่ไหนว่าจะทำอุตสาหกรรมใหม่ๆหรืออะไรให้มาทดแทนรถยนต์ ทุกวันนี้ยังเอาแต่จะแจกตังอย่างเดียวอยู่เลย

คุณมีมาตรการรับมือหรือยังถ้าเกิดว่าเขาถอนโรงงานออกไปแล้วคนไม่มีงานทำ กระทบอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ไปในทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ

ยิ่งเดี๋ยวพอนำเข้าแบบฟรีภาษีเข้ามาเยอะๆ รายได้รัฐหายก็มาขูดรีดภาษีที่อย่างอื่นอีก ค่าไฟงี้ น้ำมันงี้ ค่าครองชีพพุ่ง

รถถูกแต่ไม่มีตังจะซื้อแล้วมันเป็นยังไงเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น

ยังไม่นับว่าพอนำเข้าเยอะแต่ไม่มีส่งออกก็เสียดุลการค้าเยอะ ค่าเงินบาทลดอีก นำเข้าก็จะไม่ถูกแล้วแบบนี้ พังมันทั้งหมดนั่นแหละ

ญป เขาตามหลังจีนก็จริงเรื่อง BEV แต่ที่วันนี้คุณยังไม่ค่อยเห็นเพราะ BEV มันไม่ได้ contribute รายได้หลักของเขา

ทั่วโลกเขายังไม่ได้พร้อมจะใช้ BEV ไปดูสัดส่วนเอาก็ได้

แล้วเขาจะทำรถ BEV มาเพื่อรองรับประเทศกะลาแลนด์ประเทศเดียวที่ยอดขายเท่าขี้เล็บเมื่อเทียบกับทั้งโลกไปทำไม

เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอยากขายขึ้นมา เขาก็ไปทำในจีนแล้วนำเข้ามาแบบที่คุณไล่เขาไปทำอ่ะ

ไม่ต้องตั้งโรงงานอะไรเพิ่มด้วยซ้ำเพราะเขาก็มีโรงงานในจีนอยู่แล้วตอนนี้ เดี๋ยวคุณได้เห็นแน่เชื่อสิ

คุณพูดถูกที่ไม่ต้องห่วง ญป เขาไม่เจ๊งหรอก ห่วงประเทศไทยก่อนเหอะ
 


สรุปที่พูดมาคุณกังวลประเทศไทย?

แล้วถ้าอนาคตเป็นอย่างที่คุณพูด แล้วสรุปประเทศไทยได้อะไร?

ผมถึงบอกไงว่ารัฐบาลออสเตรเลียเค้าเห็นอนาคตนานละไง

ไทยยังจะจมอยู่กับคำว่า Detroit ของเอเชียได้อีกนานแค่ไหน?

ลองคิดดู…

อ้อละเค้าวางแผนกันเป็นสิบๆปีนะ ค่อยๆลดมาตรการboi ค่อยๆเพิ่มภาษี ค่อยๆบีบให้ออกไปเป็นสิบๆปี

ไม่ใช่จะมาประกาศในวันเดียวปีเดียว

แล้วจะบอกว่าไม่ต้องกังวลบ.ญี่ปุ่นหรอก เค้าทำrisk managementไว้เป็นชาติละว่สย้ายไปไหนได้บ้าง

ดังนั้นอย่างที่คึณว่านั่นแหละ “ห่วงประเทศไทยเหอะ”

จะจมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และการจ้างงานอรงงานต่อไปหรือจะทำยังไง

นี่แหละ “ที่ผมกังวล” ผมไม่ได้สนจีนสนญป.อะไรทั้งนั้นอ่ะ

แค่มาพูดให้ฟังมุมที่คุณอาจไม่รู้  

ทำไมผมจะไม่รู้ ก็เพราะรู้ไงถึงได้มาบอก

ผมถึงได้ถามไงว่าในเมื่อคุณเห็นอนาคตแล้ว คุณเห็นอนาคตแบบเดียวกับผมรึเปล่าละ

คุณจะทำอะไรต่อถ้าคุณอยากเอาอุตสาหกรรมนี้ออกนอกประเทศไป คุณมีมาตรการรองรับอะไรบ้าง

คุณจะหาเงินเข้าประเทศยังไง คุณจะทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยที่วันนี้มันแย่ลงๆทุกวันให้มันดีขึ้นได้ยังไง

บอกผมมาสิ ไปบอกรัฐบาลด้วยนะ ถ้าทำได้ผมเอาด้วยเลย
 


ไม่ทราบครับ อันนี่หน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล

แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีใครเริ่มนะ อย่างที่ผมบอกคนในอุตสาหกรมมนี้เค้าเห็นอนาคตมากันนานละ

ถึงได้บอกว่าเค้าทำrisk managementกันมาตลอด แต่มาจิงจังตอนหมดการสนับสนุนeco car

และสอท ก็ยังกังวลกับอุสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่อยุ่ในช่วงถดถอยไปเรื่อยๆ

ยังชงให้รัฐบาลไปหนุนอุตสาหกรรมอื่นๆแทน

ก็อย่างที่ผมบอกsupplierหลายรายก็หันไปผลิตเครื่องมือการแพทย์ หรือพวกafter marketแทนกันบางส่วนละ

อยุ่ที่รัฐบาลละว่าจะมีปัญญาออกนโยบายยังไงให้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านแบบนี้ไปได้เหมือน

หรือยังจะหวังลมๆแล้งๆกับอุสาหกรรมนี้ ในเมื่อผู้ผลิตเองยังไม่เห็นอนาคตประเทศไทยเหมือนกัน ยังเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

ก็คิดดูคับว่าคนไทยยังหวังกับ “การจ้างงาน” ในอุตสาหกรรมนี้ตาอไป หรือยังไง

คุณกับผมก็ไม่มีใครมีวันรู้อนาคต

อนาคตรัฐบาลอาจพาอุตสาหกรรมนี่กลับมาได้ก็ได้ใครจะรู้

หรืออาจจะจบไปเลยก็ได้แบบที่ผมบอก

แต่ที่แน่ๆคือฝั่งผู้ผลิตเค้าเตรียมพร้อมแล้ว

ไม่เริ่มตอนนี่จะรอตอนไหน?

คนไทยพร้อมยัง?
แก้ไขล่าสุดโดย the Smirnoff เมื่อ Sun Jul 14, 2024 12:35, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: -# PUNCH #-
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 17147
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 14, 2024 13:08
[RE: รถค่ายญี่ปุ่น ขายแพงเกินจริง???]
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
Dolores พิมพ์ว่า:
ก็ญี่ปุ่น​ดันไม่ยอมทำรถไฟฟ้า​เอง ถ้าทำภาษี​มันก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็น​แล้ว แข่งกับรถจีนได้สบาย ยังไงแบรนด์​ก็น่า​เชื่อถือ​กว่า

รถไฮโดรเจน​ก็มีข่าว​พัฒนา​มา​เป็น​สิบปีแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ไปไหน

สรุปคือพัฒนา​ช้าเอง โดนจีนแซงแล้วล่ะ  

เหลือไม่กี่เปอร์เซนต์นี่คุณเอามาจากไหนครับถามหน่อย

ในเมื่อถ้าคุณนำเข้ามาแต่ไม่ได้นำเข้าจากจีนก็เจอเน้นๆก่อนละ ภาษีนำเข้า 80%

ส่วนจะประกอบไทยคุณก็ต้องลงทุน แล้วประเทศเรามีทรัพยากรอะไรที่ทำรถไฟฟ้าได้เองบ้าง ก็ไม่มี

ก็ต้องนำเข้ามาประกอบ แล้วถ้าไม่นำเข้าจากจีน ก็โดนภาษีอยู่ดี แล้วคุณเอาอะไรมาบอกว่าภาษีมันจะเหลือนิดเดียว
 


ญี่ปุ่นก็มีโรงงานผลิตในจีน ทำไมไม่ผลิตแล้วนำมาขายไทยแบบเทสล่าและอีกหลายๆแบรนด์หล่ะ?? ไม่มีใครห้ามนะ

ละผลิตในประเทศจะรถสันดาบรถไฟฟ้าก็ต้องมีlocal content 80% มั้งถ้าจำไม่ผิดตามboiลองหาดู

แล้วมันต่างกันยังไง?

ปล. เหล็กที่ใช้เป็นmaterial หลักในการผลิตรถยนต์ก็นำเข้าทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีในปท.
ญี่ปุ่นก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเอง บางทีก็จีนด้วย

ต้องถามว่าประเทศเรามีทรัพยากรอะไรมากกว่า?
มีแต่supplierที่ก็นำเข้า raw matมาอีกทีอยู่ดี
 

ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากได้นำเข้ามาแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องมีโรงงานครับ เอาเลย

ถ้าคุณไม่แคร์อุตสากรรมให้มันอยู่ในประเทศก็เอาเลย
 


เอ้าอะไรอ่ะงง

ก็ญี่ปุ่นมีทั้งโรงงานในจีนและไทยก็เลือกเอาซิซักทางไม่มีใครห้ามเลย

จะผลิตแล้วนำเข้าทั้งคันจากจีนแบบเทสล่าและbrandอื่นๆก็เสียสรรพสามิตไป8%แบบโพสต์บนบอก

หรือจะใช้boi นำเข้ามาส่วนนึงแล้วตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกส่วนนึงแบบพวกbyd Changnaก็เลือกเอา

ไม่ใช่ไม่เลือกซักอย่างแล้วมางอแงอยากได้สิทธิพิเศษทางภาษี

ซึ่งจริงๆก็ได้มาเป็นกี่สิบปีละboiอันเก่า ได้สิทธิภาษีมาเท่าไหร่

แต่พอมีสิทธิ์ภาษีแบบใหม่ๆกลับไม่ยอมเลือกทางเองว่าจะเอาแบบไหน

แล้วที่คุยกันข้างบนก็ที่ถามเองนะว่าไทยมีทรัพยากรแบบไหนผมก็มาตอบให้แล้ว

ส่วนเรื่องการห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ ในฐานะที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

อยากจะบอกว่าเริ่มปรับตัวทำแบบออสเตรเลียซักทีเถอะ ที่ไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นจนไม่ต้องพึ่งพายานยนต์อย่างเดียว

จนสุดท้ายก็ยกเลิกboiทั้งหมดในประเทศจนไม่มีโรงงานไหนละ

เพราะอะไร? เพราะสุดท้ายคนไทยก็ได้แค่ “การจ้างงาน”

เป็นลูกจ้างเค้าไปทั้งชีวิต ไม่ได้มีknow howอะไรในการผลิตรถทั้งนั้น

ก็จะได้แต่แรงงานskilled workerเฉพาะทาง แต่ต่อยอดอะไรไม่ได้

ส่วนsupplierในไทย ไปถามรง.ดูว่ารง.ใหญ่ๆที่ไหนไม่มีญป.มาหุ้นมาร่วมทุน

ญป.ถึงเปลี่ยนไปไฟฟ้าทันทีไม่ได้ไง เพราะraw earthก็ไม่มี

เงินลงทุนที่หว่านไปทุกอุตสาหกรรมถ้าเทsupplierเลยตัวเองก็ตายไปด้วย

อยากเข้าใจมากขึ้นลองไปฟังเทป9armที่ว่าทำไมหน้าจอรถสันดาปมันถึงล้าหลังกว่ารถev

ไม่ต้องไปห่วงญป.หรอกครับเค้าทำธุรกิจ เค้าก็ใช้boiสิทธิทางภาษีตามกม.เต็มที่

ขนเงินกลับประเทศ ทิ้งขยะทิ้งมลพิษทิ้งcarbon footprint ไว้ในไทยเท่าไหร่

จะบอกว่าก่อนถามคำว่าไทยมีทรพยากรอะไรต้องถามว่าญปไม่มีทรัพยากรอะไรถึงสู้evจีนไม่ได้  

ผมไม่ได้มาปกป้องญี่ปุ่นหรืออะไรทั้งนั้น ผมมาพูดเพราะว่าผมคือคนไทย ผมมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

ประเทศเราจะไม่มีโรงงานแบบออสเตรเลียก็ได้ แต่ถ้าเอาออกไปตอนนี้ แล้วประเทศไทยได้อะไร

ผมไม่ได้ต่อต้านซักหน่อย ถ้าคุณมีวิธีอื่นที่ทำสร้างรายได่ให้ประเทศได้พอๆกันหรือดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์

แล้วคุณเชื่อมือรัฐบาลแค่ไหนว่าจะทำอุตสาหกรรมใหม่ๆหรืออะไรให้มาทดแทนรถยนต์ ทุกวันนี้ยังเอาแต่จะแจกตังอย่างเดียวอยู่เลย

คุณมีมาตรการรับมือหรือยังถ้าเกิดว่าเขาถอนโรงงานออกไปแล้วคนไม่มีงานทำ กระทบอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ไปในทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ

ยิ่งเดี๋ยวพอนำเข้าแบบฟรีภาษีเข้ามาเยอะๆ รายได้รัฐหายก็มาขูดรีดภาษีที่อย่างอื่นอีก ค่าไฟงี้ น้ำมันงี้ ค่าครองชีพพุ่ง

รถถูกแต่ไม่มีตังจะซื้อแล้วมันเป็นยังไงเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น

ยังไม่นับว่าพอนำเข้าเยอะแต่ไม่มีส่งออกก็เสียดุลการค้าเยอะ ค่าเงินบาทลดอีก นำเข้าก็จะไม่ถูกแล้วแบบนี้ พังมันทั้งหมดนั่นแหละ

ญป เขาตามหลังจีนก็จริงเรื่อง BEV แต่ที่วันนี้คุณยังไม่ค่อยเห็นเพราะ BEV มันไม่ได้ contribute รายได้หลักของเขา

ทั่วโลกเขายังไม่ได้พร้อมจะใช้ BEV ไปดูสัดส่วนเอาก็ได้

แล้วเขาจะทำรถ BEV มาเพื่อรองรับประเทศกะลาแลนด์ประเทศเดียวที่ยอดขายเท่าขี้เล็บเมื่อเทียบกับทั้งโลกไปทำไม

เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอยากขายขึ้นมา เขาก็ไปทำในจีนแล้วนำเข้ามาแบบที่คุณไล่เขาไปทำอ่ะ

ไม่ต้องตั้งโรงงานอะไรเพิ่มด้วยซ้ำเพราะเขาก็มีโรงงานในจีนอยู่แล้วตอนนี้ เดี๋ยวคุณได้เห็นแน่เชื่อสิ

คุณพูดถูกที่ไม่ต้องห่วง ญป เขาไม่เจ๊งหรอก ห่วงประเทศไทยก่อนเหอะ
 


สรุปที่พูดมาคุณกังวลประเทศไทย?

แล้วถ้าอนาคตเป็นอย่างที่คุณพูด แล้วสรุปประเทศไทยได้อะไร?

ผมถึงบอกไงว่ารัฐบาลออสเตรเลียเค้าเห็นอนาคตนานละไง

ไทยยังจะจมอยู่กับคำว่า Detroit ของเอเชียได้อีกนานแค่ไหน?

ลองคิดดู…

อ้อละเค้าวางแผนกันเป็นสิบๆปีนะ ค่อยๆลดมาตรการboi ค่อยๆเพิ่มภาษี ค่อยๆบีบให้ออกไปเป็นสิบๆปี

ไม่ใช่จะมาประกาศในวันเดียวปีเดียว

แล้วจะบอกว่าไม่ต้องกังวลบ.ญี่ปุ่นหรอก เค้าทำrisk managementไว้เป็นชาติละว่สย้ายไปไหนได้บ้าง

ดังนั้นอย่างที่คึณว่านั่นแหละ “ห่วงประเทศไทยเหอะ”

จะจมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และการจ้างงานอรงงานต่อไปหรือจะทำยังไง

นี่แหละ “ที่ผมกังวล” ผมไม่ได้สนจีนสนญป.อะไรทั้งนั้นอ่ะ

แค่มาพูดให้ฟังมุมที่คุณอาจไม่รู้  

ทำไมผมจะไม่รู้ ก็เพราะรู้ไงถึงได้มาบอก

ผมถึงได้ถามไงว่าในเมื่อคุณเห็นอนาคตแล้ว คุณเห็นอนาคตแบบเดียวกับผมรึเปล่าละ

คุณจะทำอะไรต่อถ้าคุณอยากเอาอุตสาหกรรมนี้ออกนอกประเทศไป คุณมีมาตรการรองรับอะไรบ้าง

คุณจะหาเงินเข้าประเทศยังไง คุณจะทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยที่วันนี้มันแย่ลงๆทุกวันให้มันดีขึ้นได้ยังไง

บอกผมมาสิ ไปบอกรัฐบาลด้วยนะ ถ้าทำได้ผมเอาด้วยเลย
 


ไม่ทราบครับ อันนี่หน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล

แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีใครเริ่มนะ อย่างที่ผมบอกคนในอุตสาหกรมมนี้เค้าเห็นอนาคตมากันนานละ

ถึงได้บอกว่าเค้าทำrisk managementกันมาตลอด แต่มาจิงจังตอนหมดการสนับสนุนeco car

และสอท ก็ยังกังวลกับอุสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่อยุ่ในช่วงถดถอยไปเรื่อยๆ

ยังชงให้รัฐบาลไปหนุนอุตสาหกรรมอื่นๆแทน

ก็อย่างที่ผมบอกsupplierหลายรายก็หันไปผลิตเครื่องมือการแพทย์ หรือพวกafter marketแทนกันบางส่วนละ

อยุ่ที่รัฐบาลละว่าจะมีปัญญาออกนโยบายยังไงให้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านแบบนี้ไปได้เหมือน

หรือยังจะหวังลมๆแล้งๆกับอุสาหกรรมนี้ ในเมื่อผู้ผลิตเองยังไม่เห็นอนาคตประเทศไทยเหมือนกัน ยังเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

ก็คิดดูคับว่าคนไทยยังหวังกับ “การจ้างงาน” ในอุตสาหกรรมนี้ตาอไป หรือยังไง

คุณกับผมก็ไม่มีใครมีวันรู้อนาคต

อนาคตรัฐบาลอาจพาอุตสาหกรรมนี่กลับมาได้ก็ได้ใครจะรู้

หรืออาจจะจบไปเลยก็ได้แบบที่ผมบอก

แต่ที่แน่ๆคือฝั่งผู้ผลิตเค้าเตรียมพร้อมแล้ว

ไม่เริ่มตอนนี่จะรอตอนไหน?

คนไทยพร้อมยัง?  

ในเมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว ประเด็นที่จะพูดต่อก็คือว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ว่าที่ก็ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เ้นี่ย

มันก็ยังจะต้องประคองอุตสาหกรรมนี้อยู่ให้มันค่อยๆเลี้ยงระบบอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ให้มันส่งผลกับเศรษฐกิจโดยรวมน้อยที่สุด

การเปลี่ยนผ่านโดยไม่มีมาตรการที่เพียงพอ มันจะเป็นผลเสียที่มากกว่า

แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้นอกจากยังไม่เห็นว่ารัฐทำอะไรที่มันขับเคลือนประเทศได้

ยังให้รถนำเข้ามาแบบไม่มีภาษี แถมเอาภาษีไปอุดหนุนอีก

มันเป็นการเร่งให้กระบวนการนี้มันเร็วกว่าที่มันควรจะเป็น ไม่ได้มีผลดีอะไรเลย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่รัฐกำลังทำอยู่ซะด้วย

คนซื้อก็อวยกันเข้าไป แล้วก็มาด่ารถอื่นว่าแพง

ก็เลยคิดว่าถ้ายังปล่อยแบบนี้อยู่ อีกไม่นานก็จะชิบหายแน่ประเทศนี้

แก้ไขล่าสุดโดย LUCIFER_GT เมื่อ Sun Jul 14, 2024 13:10, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
อบรมขอไลเซนส์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Nov 2008
ตอบ: 28058
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Jul 14, 2024 15:08
[RE: รถค่ายญี่ปุ่น ขายแพงเกินจริง???]
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
LUCIFER_GT พิมพ์ว่า:
Dolores พิมพ์ว่า:
ก็ญี่ปุ่น​ดันไม่ยอมทำรถไฟฟ้า​เอง ถ้าทำภาษี​มันก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็น​แล้ว แข่งกับรถจีนได้สบาย ยังไงแบรนด์​ก็น่า​เชื่อถือ​กว่า

รถไฮโดรเจน​ก็มีข่าว​พัฒนา​มา​เป็น​สิบปีแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ไปไหน

สรุปคือพัฒนา​ช้าเอง โดนจีนแซงแล้วล่ะ  

เหลือไม่กี่เปอร์เซนต์นี่คุณเอามาจากไหนครับถามหน่อย

ในเมื่อถ้าคุณนำเข้ามาแต่ไม่ได้นำเข้าจากจีนก็เจอเน้นๆก่อนละ ภาษีนำเข้า 80%

ส่วนจะประกอบไทยคุณก็ต้องลงทุน แล้วประเทศเรามีทรัพยากรอะไรที่ทำรถไฟฟ้าได้เองบ้าง ก็ไม่มี

ก็ต้องนำเข้ามาประกอบ แล้วถ้าไม่นำเข้าจากจีน ก็โดนภาษีอยู่ดี แล้วคุณเอาอะไรมาบอกว่าภาษีมันจะเหลือนิดเดียว
 


ญี่ปุ่นก็มีโรงงานผลิตในจีน ทำไมไม่ผลิตแล้วนำมาขายไทยแบบเทสล่าและอีกหลายๆแบรนด์หล่ะ?? ไม่มีใครห้ามนะ

ละผลิตในประเทศจะรถสันดาบรถไฟฟ้าก็ต้องมีlocal content 80% มั้งถ้าจำไม่ผิดตามboiลองหาดู

แล้วมันต่างกันยังไง?

ปล. เหล็กที่ใช้เป็นmaterial หลักในการผลิตรถยนต์ก็นำเข้าทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีในปท.
ญี่ปุ่นก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเอง บางทีก็จีนด้วย

ต้องถามว่าประเทศเรามีทรัพยากรอะไรมากกว่า?
มีแต่supplierที่ก็นำเข้า raw matมาอีกทีอยู่ดี
 

ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากได้นำเข้ามาแบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องมีโรงงานครับ เอาเลย

ถ้าคุณไม่แคร์อุตสากรรมให้มันอยู่ในประเทศก็เอาเลย
 


เอ้าอะไรอ่ะงง

ก็ญี่ปุ่นมีทั้งโรงงานในจีนและไทยก็เลือกเอาซิซักทางไม่มีใครห้ามเลย

จะผลิตแล้วนำเข้าทั้งคันจากจีนแบบเทสล่าและbrandอื่นๆก็เสียสรรพสามิตไป8%แบบโพสต์บนบอก

หรือจะใช้boi นำเข้ามาส่วนนึงแล้วตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกส่วนนึงแบบพวกbyd Changnaก็เลือกเอา

ไม่ใช่ไม่เลือกซักอย่างแล้วมางอแงอยากได้สิทธิพิเศษทางภาษี

ซึ่งจริงๆก็ได้มาเป็นกี่สิบปีละboiอันเก่า ได้สิทธิภาษีมาเท่าไหร่

แต่พอมีสิทธิ์ภาษีแบบใหม่ๆกลับไม่ยอมเลือกทางเองว่าจะเอาแบบไหน

แล้วที่คุยกันข้างบนก็ที่ถามเองนะว่าไทยมีทรัพยากรแบบไหนผมก็มาตอบให้แล้ว

ส่วนเรื่องการห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ ในฐานะที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

อยากจะบอกว่าเริ่มปรับตัวทำแบบออสเตรเลียซักทีเถอะ ที่ไปเน้นอุตสาหกรรมอื่นจนไม่ต้องพึ่งพายานยนต์อย่างเดียว

จนสุดท้ายก็ยกเลิกboiทั้งหมดในประเทศจนไม่มีโรงงานไหนละ

เพราะอะไร? เพราะสุดท้ายคนไทยก็ได้แค่ “การจ้างงาน”

เป็นลูกจ้างเค้าไปทั้งชีวิต ไม่ได้มีknow howอะไรในการผลิตรถทั้งนั้น

ก็จะได้แต่แรงงานskilled workerเฉพาะทาง แต่ต่อยอดอะไรไม่ได้

ส่วนsupplierในไทย ไปถามรง.ดูว่ารง.ใหญ่ๆที่ไหนไม่มีญป.มาหุ้นมาร่วมทุน

ญป.ถึงเปลี่ยนไปไฟฟ้าทันทีไม่ได้ไง เพราะraw earthก็ไม่มี

เงินลงทุนที่หว่านไปทุกอุตสาหกรรมถ้าเทsupplierเลยตัวเองก็ตายไปด้วย

อยากเข้าใจมากขึ้นลองไปฟังเทป9armที่ว่าทำไมหน้าจอรถสันดาปมันถึงล้าหลังกว่ารถev

ไม่ต้องไปห่วงญป.หรอกครับเค้าทำธุรกิจ เค้าก็ใช้boiสิทธิทางภาษีตามกม.เต็มที่

ขนเงินกลับประเทศ ทิ้งขยะทิ้งมลพิษทิ้งcarbon footprint ไว้ในไทยเท่าไหร่

จะบอกว่าก่อนถามคำว่าไทยมีทรพยากรอะไรต้องถามว่าญปไม่มีทรัพยากรอะไรถึงสู้evจีนไม่ได้  

ผมไม่ได้มาปกป้องญี่ปุ่นหรืออะไรทั้งนั้น ผมมาพูดเพราะว่าผมคือคนไทย ผมมองที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

ประเทศเราจะไม่มีโรงงานแบบออสเตรเลียก็ได้ แต่ถ้าเอาออกไปตอนนี้ แล้วประเทศไทยได้อะไร

ผมไม่ได้ต่อต้านซักหน่อย ถ้าคุณมีวิธีอื่นที่ทำสร้างรายได่ให้ประเทศได้พอๆกันหรือดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์

แล้วคุณเชื่อมือรัฐบาลแค่ไหนว่าจะทำอุตสาหกรรมใหม่ๆหรืออะไรให้มาทดแทนรถยนต์ ทุกวันนี้ยังเอาแต่จะแจกตังอย่างเดียวอยู่เลย

คุณมีมาตรการรับมือหรือยังถ้าเกิดว่าเขาถอนโรงงานออกไปแล้วคนไม่มีงานทำ กระทบอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ไปในทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ

ยิ่งเดี๋ยวพอนำเข้าแบบฟรีภาษีเข้ามาเยอะๆ รายได้รัฐหายก็มาขูดรีดภาษีที่อย่างอื่นอีก ค่าไฟงี้ น้ำมันงี้ ค่าครองชีพพุ่ง

รถถูกแต่ไม่มีตังจะซื้อแล้วมันเป็นยังไงเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น

ยังไม่นับว่าพอนำเข้าเยอะแต่ไม่มีส่งออกก็เสียดุลการค้าเยอะ ค่าเงินบาทลดอีก นำเข้าก็จะไม่ถูกแล้วแบบนี้ พังมันทั้งหมดนั่นแหละ

ญป เขาตามหลังจีนก็จริงเรื่อง BEV แต่ที่วันนี้คุณยังไม่ค่อยเห็นเพราะ BEV มันไม่ได้ contribute รายได้หลักของเขา

ทั่วโลกเขายังไม่ได้พร้อมจะใช้ BEV ไปดูสัดส่วนเอาก็ได้

แล้วเขาจะทำรถ BEV มาเพื่อรองรับประเทศกะลาแลนด์ประเทศเดียวที่ยอดขายเท่าขี้เล็บเมื่อเทียบกับทั้งโลกไปทำไม

เดี๋ยวพอถึงเวลาเขาอยากขายขึ้นมา เขาก็ไปทำในจีนแล้วนำเข้ามาแบบที่คุณไล่เขาไปทำอ่ะ

ไม่ต้องตั้งโรงงานอะไรเพิ่มด้วยซ้ำเพราะเขาก็มีโรงงานในจีนอยู่แล้วตอนนี้ เดี๋ยวคุณได้เห็นแน่เชื่อสิ

คุณพูดถูกที่ไม่ต้องห่วง ญป เขาไม่เจ๊งหรอก ห่วงประเทศไทยก่อนเหอะ
 


สรุปที่พูดมาคุณกังวลประเทศไทย?

แล้วถ้าอนาคตเป็นอย่างที่คุณพูด แล้วสรุปประเทศไทยได้อะไร?

ผมถึงบอกไงว่ารัฐบาลออสเตรเลียเค้าเห็นอนาคตนานละไง

ไทยยังจะจมอยู่กับคำว่า Detroit ของเอเชียได้อีกนานแค่ไหน?

ลองคิดดู…

อ้อละเค้าวางแผนกันเป็นสิบๆปีนะ ค่อยๆลดมาตรการboi ค่อยๆเพิ่มภาษี ค่อยๆบีบให้ออกไปเป็นสิบๆปี

ไม่ใช่จะมาประกาศในวันเดียวปีเดียว

แล้วจะบอกว่าไม่ต้องกังวลบ.ญี่ปุ่นหรอก เค้าทำrisk managementไว้เป็นชาติละว่สย้ายไปไหนได้บ้าง

ดังนั้นอย่างที่คึณว่านั่นแหละ “ห่วงประเทศไทยเหอะ”

จะจมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และการจ้างงานอรงงานต่อไปหรือจะทำยังไง

นี่แหละ “ที่ผมกังวล” ผมไม่ได้สนจีนสนญป.อะไรทั้งนั้นอ่ะ

แค่มาพูดให้ฟังมุมที่คุณอาจไม่รู้  

ทำไมผมจะไม่รู้ ก็เพราะรู้ไงถึงได้มาบอก

ผมถึงได้ถามไงว่าในเมื่อคุณเห็นอนาคตแล้ว คุณเห็นอนาคตแบบเดียวกับผมรึเปล่าละ

คุณจะทำอะไรต่อถ้าคุณอยากเอาอุตสาหกรรมนี้ออกนอกประเทศไป คุณมีมาตรการรองรับอะไรบ้าง

คุณจะหาเงินเข้าประเทศยังไง คุณจะทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยที่วันนี้มันแย่ลงๆทุกวันให้มันดีขึ้นได้ยังไง

บอกผมมาสิ ไปบอกรัฐบาลด้วยนะ ถ้าทำได้ผมเอาด้วยเลย
 


ไม่ทราบครับ อันนี่หน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล

แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีใครเริ่มนะ อย่างที่ผมบอกคนในอุตสาหกรมมนี้เค้าเห็นอนาคตมากันนานละ

ถึงได้บอกว่าเค้าทำrisk managementกันมาตลอด แต่มาจิงจังตอนหมดการสนับสนุนeco car

และสอท ก็ยังกังวลกับอุสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่อยุ่ในช่วงถดถอยไปเรื่อยๆ

ยังชงให้รัฐบาลไปหนุนอุตสาหกรรมอื่นๆแทน

ก็อย่างที่ผมบอกsupplierหลายรายก็หันไปผลิตเครื่องมือการแพทย์ หรือพวกafter marketแทนกันบางส่วนละ

อยุ่ที่รัฐบาลละว่าจะมีปัญญาออกนโยบายยังไงให้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านแบบนี้ไปได้เหมือน

หรือยังจะหวังลมๆแล้งๆกับอุสาหกรรมนี้ ในเมื่อผู้ผลิตเองยังไม่เห็นอนาคตประเทศไทยเหมือนกัน ยังเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

ก็คิดดูคับว่าคนไทยยังหวังกับ “การจ้างงาน” ในอุตสาหกรรมนี้ตาอไป หรือยังไง

คุณกับผมก็ไม่มีใครมีวันรู้อนาคต

อนาคตรัฐบาลอาจพาอุตสาหกรรมนี่กลับมาได้ก็ได้ใครจะรู้

หรืออาจจะจบไปเลยก็ได้แบบที่ผมบอก

แต่ที่แน่ๆคือฝั่งผู้ผลิตเค้าเตรียมพร้อมแล้ว

ไม่เริ่มตอนนี่จะรอตอนไหน?

คนไทยพร้อมยัง?  

ในเมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว ประเด็นที่จะพูดต่อก็คือว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ว่าที่ก็ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เ้นี่ย

มันก็ยังจะต้องประคองอุตสาหกรรมนี้อยู่ให้มันค่อยๆเลี้ยงระบบอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ให้มันส่งผลกับเศรษฐกิจโดยรวมน้อยที่สุด

การเปลี่ยนผ่านโดยไม่มีมาตรการที่เพียงพอ มันจะเป็นผลเสียที่มากกว่า

แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้นอกจากยังไม่เห็นว่ารัฐทำอะไรที่มันขับเคลือนประเทศได้

ยังให้รถนำเข้ามาแบบไม่มีภาษี แถมเอาภาษีไปอุดหนุนอีก

มันเป็นการเร่งให้กระบวนการนี้มันเร็วกว่าที่มันควรจะเป็น ไม่ได้มีผลดีอะไรเลย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่รัฐกำลังทำอยู่ซะด้วย

คนซื้อก็อวยกันเข้าไป แล้วก็มาด่ารถอื่นว่าแพง

ก็เลยคิดว่าถ้ายังปล่อยแบบนี้อยู่ อีกไม่นานก็จะชิบหายแน่ประเทศนี้

 


ก็แพงจริง และกั๊กspecจริงๆหนิ

เอาเป็นว่าผมมาแจงรายละเอียดทั้งหมดตรงนี้ไม่ได้ มันลึกไป

แต่โดยรวมคือบ.แม่ญปเค้าเอากำไรที่fixไว้แล้วว่ากี่%

ต้องเผื่อ%กำไรให้บ.ลูกที่จริงๆแค่ย้ายประเป๋าเงินไปมา

ต้องเผื่อให้supplier ที่ตัวเองไปร่วมทุน

ที่เหลือบ.ในประเทศนั้นๆมึงไปตั้งราคา+กันเอาเอง ทำราคาไม่ได้ก็หั่นspecลง

ถึงได้ทั้งแพงทั้งหั่นspecกันแบบนี้

ภาษีแค่ส่วนนึง แต่ส่วนมากคือกำไรที่fixไว้แล้ว

ถ้าจะลดจริงๆก็ทำได้ถ้าบ.แม่ยอมหั่น%

แบบที่ทำอยู่กับตย.เช่น ativ, yaris cross

คิดว่าชาตินี้ถ้าไม่มีรถจีน

คนไทยจะมีปัญญาได้เห็นรถรารานี้ specแบบนี้มั๊ย บอกเลยว่าไม่

ซึ่งคนในบ.เองก็ยังพูดว่า สัx จะทำเพื่อยังครองตลาดก็ทำได้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel