ของผมธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

ยอดสูงกว่าปีก่อนเกือบ 100% นะครับ

ไทยพึ่งการท่องเที่ยวมาก

ภาคการท่องเที่ยวตอนนี้โอเคเลยนะครับ แต่เงินมันไม่หมุนไปกิจการอื่น

เมื่อก่อนคือ การท่องเที่ยวดี คนในภาคการท่องเที่ยวก็ใช้เงิน เงินก็หมุนไปร้านข้าวในจังหวัด หมุนไปร้านนั่นร้านนี่ มันก็หมุนทำให้คนทั่วประเทศมีรายได้ เพราะแต่ละธุรกิจได้เงินมา ก็ต้องใช้ไปให้ธุรกิจอื่นๆ

แต่ตอนนี้ ถึงยอดผมจะเพิ่ม แต่ผมไม่ค่อยใช้เงิน เพราะยังกลัวเศรษฐกิจ+ศึกษาการเงินมากขึ้น เก็บเงินสำรองมากขึ้น

กลายเป็นได้มาเยอะ แต่ผมเก็บลงทุนทองและลงทุนหุ้นต่างประเทศ ทำให้เงินมันไม่หมุนเข้าธุรกิจท้องถิ่น และคิดว่ามีคนทำแบบผมอีกเยอะ

แย่จริง แต่มันก็แย่มานานแล้ว
ถ้าไปคุยย้อนๆกันคือ ประมาณ ปีนี้เผาจริง ปีที่แล้วเผาหลอก มันแย่มา ประมาณ7-8 ปีแล้วในความคิดผมนะ

แต่ปีสองปีที่ผ่านมาคือมันมีปัจจัยภายใน/นอกประเทศ ที่ทำให้เงินไหลออก แล้วไม่มีมุมไม่มีแนวโน้มที่เงินมันจะไหลเข้าเลย
พอเงินมันไหลออก ส่งออกแย่ ท่องเที่ยวแบกไม่ไหว สุดท้ายก็ตายกันเป็นทอดๆเพราะเงินมันไม่หมุน แรงส่งในประเทศ หนี้ครัวเรือนระดับนี้ มัน สุดแล้ว

บ.ไหนค้าขาย เทรดดิ่ง จะเห็นชัดๆเลยครับ แม้แต่ภาคบริษัทเองก็เงียบเอามากๆ

ที่ขายได้ก็จะมีแต่ของกินเป็นหลัก เพราะทำเองกินคนสองคน ก็แพงกว่าซื้อกินแบบสำเร็จ

ผมเป็นคนค้าขาย และ รับจ้างแรงงาน 1 คน ดังนั้น 1 เสียงครับ ที่ บอกว่า "แย่"

ผมว่าการกระจายรายได้ในประเทศนี้มันค่อนข้างแย่ มันอยู่ที่ว่าช่วงนี้เงินมันหมุนไปอยู่ตรงไหน

แต่ส่วนตัวธุรกิจประเภทซื้อมาขายไป ในยุคนี้ต่อให้คนมีอำนาจจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ผมว่ามันก็ไปต่อลำบากนะ
ด้วยนิสัยคนไทย ผมว่าถ้ามีรายได้มากขึ้นคงไปเอาใช้ฟุ่มเฟือย กับพวกท่องเที่ยว ซื้อแบรนด์เนม กินร้านหรูๆ ซะมากกว่า

คนไม่จับจ่ายซื้อของบางอย่าง ไม่ได้แปลว่าเศรศฐกิจแย่เสมอไป

เซ้งร้านกันเต็มไปหมด ขายของไม่ได้ต้นทุนแพง ขึ้นราคาไม่ได้คนซื้อเลือกซื้อมากขึ้น ใช้จ่ายประหยัดขึ้น
(ในส่วนมากไม่นับคนมีตัง มีรายได้สูง)

ค่าแรงก็อยากขึ้นให้ลูกน้อง แต่จะไปแบกต้นทุนยังไง Cost ขึ้นทุกด้าน ราคาขายต่องลดอีกงั้นคนก็ไม่ซื้อ ขนาดโรงงานใหญ่ๆปิดกันไม่รู้กี่โรงงาน


ร้านอาหารก็ต้องเน้นราคาถูกช่วยกันแม่ค้าอยากขายให้คนกินถูกๆคุ้มๆ คนซื้ออยากกินถูก ดี อิ่ม อร่อย

แต่ราคาแก๊ซ ไฟฟ้า หมู ไก่ ผัก ไม่รอแล้ว สุดท้ายทำไปทำไม จ่ายสิ้นเดือน ค่อยๆปิดไปทีละร้าน

ค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายพื้นฐานเกินครึ่งของค่าแรงขั้นต่ำละมั้ง คนจนรายได้น้อยสมัยนี้ทั้งอากาศ ทั้งมลพิษ ไม่เปิดแอร์ก็อยู่แทบไม่ได้ สุดท้ายป่วยก็ต้องใช้ตัง รพ รัฐ ก็ไม่รู้ยังไงก็ต้องไปซื้อประกันอีก ทำงานก็ต้องใช้ตังเดินทาง รถสาธารณะไม่สะดวกก็ต้องซื้อรถ เติมน้ำมันอีก ไม่เหลือไปหมุนในระบบด้วยกันเท่าไหร่หรอก หมุนกลับเข้าไปกระจายที่เดิมๆนั้นแหละ

เอาง่าย ๆ ดูค่าแก้ส ค่าน้ำมัน ค่าไฟครับ

เงินเฟ้อมากขึ้น สินค้า ของอุปโภคบริโภค พุ่งสูงขึ้น

แต่รายได้ ค่าแรงขั้นต่ำประชาชนไม่โตตาม

ยกตัวอย่างผลกระทบง่าย ๆ จากบ้านผมทำโรงงาน

ค่าไฟเมื่อก่อน 6-8 แสน ปัจจุบันยิ่งช่วงหน้าร้อนเดือนละ 1m ++

แล้วมีข่าวบอกจะขึ้นค่า FT ปลายปีอีก

วัตถุดิบซื้ออาหารให้คนงานก็แพงขึ้นอีก

ไหนจะค่าน้ำมันอีกครับ ธุรกิจจำเป็นต้องหาวิธีลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด

นี่ต้นทุนแม่งเพิ่มทุกอย่าง ค่าน้ำมัน ค่าไฟ วัตถุดิบอาหาร

เงินปันผลจากบ้านผมที่ผมควรได้ก็ลดลง

แล้วผมได้ ห. ไรจากไอ้รัฐบาลหัว ค. พวกนี้บ้างครับ

ประชาชนไม่มีแดก ไม่มีเงินซื้อสินค้า กำลังซื้อเค้าลดลง

เค้าถึงไม่ค่อยอยากจะจับจ่ายใช้สอยกัน มันก็ส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ

มีกิน มีใช้ พ. มึงตรัย

ของอย่างนี้มันโกหกกันไม่ได้ครับจากตลาดหุ้น การลงทนลดลงเทียบ yoy เหมือนกันกับ household debt 91% ต่อ GDP ประกาศ npl มา2.7% เเต่จริงๆพอคำนวนจริงๆมันคือ 12% ค่าครองชีพสูงขึ้น ดูจากค่าน้ำมัน ค่าไฟ ค่าเเก๊ส อาหารเช่นไข่ไก่หมูดิบ หลายธุรกิจปิดตัวร้านอาหารปิดตัวลง 40%จากทั้งหมด ถามว่าหนักมั้ยบอกเลยว่ามาก เเต่สิ่งที่ไม่ควรทำ ถ้าทำเเละดูโง่มากสุด คือการเเจกเงินเเบบ helicopter money มันพิสูจน์มาหลายครั้งว่าดีขึ้นเเค่ตัวเลข gdp เเต่เนื้อข้างในยังกลวงโบ๋ สิ่งที่ต้องเร่งทำคือการช่วยเหลือ smeให้เเข่งได้ ขึ้นภาษีสินค้าจากจีนเพราะ ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ผู้ประกอบการในประเทศตายหมดเเน่นอนม กระตุ้น FDI เเทนที่จะเอาเงินไปเเจกเอาเงินนี้มาทำboi ดีๆเพื่อให้เกิดการลงทุน สุดท้ายจะได้การจ้างงานที่มี sustain ภาคการส่งออก ต้องเพิ่มงบ R&D ช่วยเอกชนเพื่อให้สินค้าเราเกิดค.unique เเละลงทุนในพัฒนาในสินค้าที่ตลาดต้องการ พวก semi conductor (เเต่เหมือนจะช้าไปหลายปี) สุดท้ายภาคการท่องเที่ยว ทุกวันนี้ผมว่ายังห่วยมาก จำได้ว่าตอนที่ทำดีๆคือย้อนไปช่วง amazing thailand

เห็นเค้าว่ามะก่อนกินกำไรกัน30-50% ตอนนี้กินกำไร10-20%

เพราะถ้าขึ้นราคาคนไม่ซื้อต้องขายราคาเดิมทั้งที่ต้นทุนแพงขึ้น

ค่าไฟก็ขึ้นน้ำมันแก๊สขึ้น ต้นทุนทุกอย่างก็ขึ้น ผมขายของมือ2ก็ขาย

ยากครับ ที่พักริมสระส่วนตัวก็ลดราคาลงมาเยอะ น่าจะแย่จริง

จริงๆ ก็เป็นเกือบทั้งโลกนะครับ งานโรงงานผมขายแต่บริษัทที่ส่งออกอย่างเดียว ยอดก็หายไป 50% จากปีที่แล้ว ส่วนธุรกิจอื่นที่ทำงานบริการยอดก็ไม่ได้ปังเหมือนที่คิด แค่พอประคองไปได้

ร้านอาหารในตลาดรวมทรัพย์ ตอนมาทำงานใหม่ๆ ต้นปียังเห็นเปิดอยู่ พอมากลางปี หายไป 2-3 ร้านแล้ว

เรื่องร้านชำนี้ ไม่แปลกใจ โดน 7-11 แย่งลูกค้าไปหมด

แต่ทำไมร้านชำถึงโดนแย่ง อันนี้ก็ไม่แปลกใจ แถวบ้านผมราคาของร้านชำ แพงกว่าใน 7-11 อีก
แถมใน 7-11 มันมีโปร เช่นพวกขนมอะ ซื้อ 2 แถม 1 หรือ ซื้อชิ้นที่ 2 ถูกลง ครึ่งนึง อะไรงี้ แถมยังมีเก็บแต้มไว้เป็นส่วนลดอีก

ร้านชำมันก็สู้ยากอะ ในมุมคนซื้อ จะมีคิดว่าเราต้องช่วยร้านชำให้อยู่รอด มันก็คิดยากนะ ในเมื่อเรามีดีลที่คุ้มค่ากว่าอยู่ มันทำให้เราประหยัดเงินกว่า

ปีนี้ลงทุนจัดเต็มในต่างประเทศ รอลุ้นโบนัสปีนี้จะเกิน 12 เดือนไหม

อย่าเอาไข่ทุกใบใส่หมดที่ประเทศไทย อย่างเดียวพี่ มันเสี่ยง