[RE: ร้านอาหาร‘ ยอดขายร่วง 40% จ่อปิดกิจการอีกเพียบ]
เซียนซุ่ม พิมพ์ว่า:
killkill พิมพ์ว่า:
ผมเพิ่งเปิดร้านอาหารพืนที่เดียวกับบ้าน(พื้นที่ 5 ไร่ ) ที่ภาคอีสาน
เป็นห้องแอร์มีแค่ 4 โต๊ะ นั่งได้ 16-20 คน
ด้านนอกมีแคร่ไม้ไผ่หลังคามุงแฝงติดริมน้ำอีก 3 หลัง นั่งได้อีก 14คน
โต๊ะม้าหินอ่อนอีก 2 ชุด นั่งได้ 8 คน
ขายพวกอาหารทั่วไป ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ น้ำเมนูชง กาแฟ(เมนูเย็น)
ข้อดีคือพื้นที่กว้างขวาง มีสระน้ำ(ธรรมชาติขนาดใหญ่-น้ำใส) เด็กๆชอบมาเล่นน้ำ ไม่จมเพราะมีเสื้อชูชีพให้
ช่วงแรกๆ 1 เมษา - กลางคืน พ.ค.
ลูกค้าเยอะพอสมควร เต็มทุกโต๊ะ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกทำงานราชการ บางทีมากัน 7-8 คนพร้อมกัน
แต่มักจะมากันช่วงเที่ยงๆ - บ่าย 2 หลังจากนั้น จะแทบไม่มีคนแล้ว แต่ยอดขายก็ถือว่าดี
รายรับประมาณวันละ 3000-5000 แล้วแต่วัน
แต่พอหลังกลางเดือนพค เป็นต้นมา( เด็กเปิดเทอม) ลูกค้าหายไปประมาณ 90% เลย
เรียกว่า ถ้าผมจ่ายค่าเช่าที่ คือ เจ๊งแน่นอน
นี่โชคดี ร้านสร้างเอง ที่ตัวเอง เลยไม่มีค่าใช้จ่ายในจุดนี้ ส่วนค่าแรงก็ไม่เสีย เพราะ เมียกับแม่ยายช่วยกันทำ
ไม่ได้จ้างคนนอกเลย
ปล.บ้านและร้านผม จะอยู่ห่างจากหมู่บ้านใหญ่ประมาณ 800 เมตร มาสร้างกลางทุ่งนาเลย มีเพื่อนบ้านแค่หลังเดียว แต่ถนนหน้าบ้านเป็นคอนกรีต ระหว่างหมู่บ้าน มีรถยนต์-มอไซค์วิ่ง ตลอดวัน
ยังไม่คุ้มกับที่ลงทุนสร้างไปหลายอย่างเลยครับ
ถึงแม้ท่านบอกว่า ไม่มีค่าเช่า ยังทนอยู่ได้ แต่ท่านกำลัง ควักเนื้อ เอาเงินจากทางอื่น มาโปะค่าใช้จ่ายของร้าน
ผมคิดว่า ไม่ควรอยู่นิ่งเฉย รอดูสถาณการณ์ ท่านควรลงมือทำอะไรสักอย่าง
สำรวจความเห็นลูกค้า ดูหน่อยไหม อาหารเป็นไง รสชาติถูกปากไหม
ทำการตลาด เช่น เทศกาล หรือ คุยกับแม่ครัวทำเมนูใหม่
แล้วแต่ ท่านนะ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป หรือว่า จะลงมือทำอะไรสักอย่าง
ในส่วนค่าก่อสร้าง + อุปกรณ์ต่างๆประมาณ 4 แสน เราใช้เงินเก็บ(เงินเย็น)ของปีที่แล้วสร้าง ตรงนี้เลยไม่กระทบ ยังไม่คืนทุนตอนนี คาดว่าอีกหลายปีด้วยกว่าจะคืนทุน สมมุติว่าเจ๊งจริง ก็จะเปลียนเป็น ออฟฟิศ-โกดังเก็บเสื้อผ้าครับ เพราะรายได้หลักผมมาจากการขายออนไลน์แต่ตอนนี้ โกดังที่เก็บของอยู่นนทบุรี พนักงานก็อยู่นนทบุรีทำงานแทนผมทั้งหมด ( ซึ่งพนักงานที่ทำ ก็คนพื้นถิ่นนี้แหล่ะ สลับที่อยู่กันเฉยๆ)
ส่วนต้นทุนที่ต้องจ่ายเกือบทุกวัน
1.ค่าวัตถุดิบต่างๆในการปรุงอาหาร พวกนี้ เราวางแผนซื้อของทีละน้อย ไม่ได้ซื้อตุน
เพราะผมต้องขับรถเข้าเมืองไปส่งลูกที่โรงเรียนทุกเช้าและเย็นอยู่แล้ว
2.ค่าแก๊สกับค่าไฟ อันนี้แหล่ะที่ดูว่าแพงหน่อย ถ้าเฉลี่ยเป็นวัน รวมกันจะวันละ 200
(ห้องแอร์ตอนนี้จะเปิดเฉพาะลูกค้ามา ถ้าลูกค้าไม่มาก็ปิด) บางวันดีหน่อยลูกค้าไม่เข้าข้างในก็ดีไป
3.รายได้หลักจริงๆของร้าน น่าจะอยู่ที่ เมนูน้ำชง กับของกินเล่นเฟรนฟรายด์ทอด ที่ได้กำไร 50%
ซึ่งของพวกนี้จะขายดี เพราะลูกค้าที่มาจะสั่งเกือบทั้งนั้น ไม่อย่างใดก็อย่างนึง
โดยเฉพาะพวกเด็กๆที่มาเล่นน้ำ จะสั่งกันแค่ 2 เมนูนี้ กับ ข้าวไข่เจียว2ฟอง ที่เราขายให้เด็กๆแค่ 25-30 บาท
รวมๆแล้ว ต่อเดือน ยังกำไรอยู่ครับ แต่บางมาก เหมือนเราทำงานไม่ได้เงินเดือน เพราะกำไรที่ได้ก็เอาเข้าไปหมุนในร้านหมด แต่ก็ไม่ได้เอาเงินส่วนตัวไปเติม
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
ส่วนที่ผมได้จากท่านและปรับใช้ได้เลยคือ
1.เรื่องทำโปรโมชั่นเพราะคิดจะทำอยู่พอดี จริงๆเริ่มทำแล้วแต่ยังไม่ได้โฟกัสเต็มที่
2.เรื่องเพิ่มเมนูแปลกใหม่ ที่คนพื้นที่นี้ไม่มีขาย
ส่วนรสชาติอาหารนั้นไม่น่าห่วงครับ เพราะแม่ยายเป็นแม่ครัวแกขายมานานกว่า 30 ปีแล้วแต่หยุดไปช่วงนึง
พอมาเปิดร้านลูกค้าเก่ารู้ก็ตามมากิน บางคนเคยกินตั้งแต่ วัยประถมตอนนี้ทำงานแล้ว มีลูกแล้ว ก็บอกว่ารสชาติอร่อยเหมือนเดิมที่เคยกินตอนเด็กๆ กลุ่มลูกค้าที่มาส่วนใหญ่จะเป็นช่วงอายุ 9-18 , 40-70
พวกวัยรุ่นไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เพราะไปเรียนในเมืองกับทำงานในเมืองหรือต่างจังหวัดกันหมด
กับราคานั้น ถือว่าค่อนข้างถูก บางทีผมก็คิดว่าถูกเกินไปด้วย
ก๋วยเตี๋ยวเราเริ่มที่ 30 บาทเอง
ราดหน้า 35
พวกพิเศษก็เพิ่มอีกแค่ 5-10 บาทแล้วแต่ว่าเพิ่มอะไร
ข้อจำกัดของทีนี่คือ เป็นอำเภอเล็กๆ ไม่ใช่ตัวเือง และตำบลก็ยังเล็กประชากรไม่เยอะ ส่วนใหญ่ทำนา ทำสวน จะมีเงินเยอะเฉพาะช่วงฤดูเก็บเกียวเท่านั้น (ยกเว้นพวกเด็กๆ) ที่มีเงินค่าขนมไปโรงเรียนที่่พ่อแม่ให้
ข้อเด่นของร้านผมที่ลิสต์ไว้
1.ราคาถูกกว่าร้านอื่นๆ 5-15 บาท ( กระเพราะหมูสับร้านผมขาย 40 // ร้านในหมู่บ้านขาย 60-70 )
2.เป็นร้านอาหารร้านเดียว ในตำบลนี้ ที่เป็นร้านอาหารห้องแอร์
3.รสชาติแม่ครัวเก่าที่ขายอาหารร้านแรกในหมู่บ้านนี้ เพียงแต่หยุดขายไป 10 ปี(มาช่วยผมเลี้ยงลูกที่ กทม)
4.บรรยากาศร้าน ที่เป็นมากกว่าร้านอาหารทั่วไป แต่ก็เรียกตัวเองได้ไม่เต็มปากนักว่า คาเฟ่
เพราะมี ศาลาริมน้ำ มีสระน้ำ มีเรือถืบจักรยานน้ำ(เรือเป็ด)ให้บริการฟรีด้วย ถ้ามากินอาหารในร้าน
5.พื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือจอดรถได้ไม่แอร์อัดไม่ต้องกลัวไม่มีที่จอดรถ (เพราะเป็นทุ่งนา 555 )
6.มีสะพานไม้เสาปูนกว้าง 1.5 เมตร ยาว 66 เมตร ลงไปกลางทุ่งนา ที่ข้าวกำลังปลูก ไว้ถ่ายรูปเช็คอินได้
ส่วนข้อด้อย
1.ร้านอยู่ห่างจากแหล่งชุมชนหมู่บ้าน 800 เมตร ซึ่งถือว่าไกลและในหมู่บ้านก็มีร้านอาหารเหมือนกันถ้าต้องการแค่อิ่มท้อง ก็ซื้อกินใกล้ๆได้
2.ถ้าฝนตกก็จะยิ่งมาลำบากเข้าไปอีก ถ้ามอไซค์คือเปียกแน่นอนกว่าจะมาถึงร้าน
3.ยังไม่มีบริการส่งแบบเต็มรูปแบบ เพราะยังเคาะราคาไม่ได้ว่าจะคิดค่าส่งยังไง และ จะให้ไปส่ง
4.ด้วยความที่ ร้านสร้างในพืนที่เดียวกับบ้าน บางทีทำให้ลูกค้าลังเล ว่าเป็นร้านอาหาร หรือ บ้านคน
มีหลายคนขับรถเข้ามาจอดแล้วก็วนรถออกไปเลย หลายคันอยู่ หรือ แม่กระทั่งชะลอๆจะจอด ก็แต่ขับเลยไป แล้วกลับรถกลับบ้านไปเลยก็มี