เป็นหนึ่งในระบบที่ผมไม่ค่อยชอบ

แต่อย่างเม๊นท์บนๆครับ ลีคอื่นใช้กันมานานมากๆแล้ว

ลิเวอร์พูลก็เคยใช้นะครับ เรียกว่ากึ่งๆละกัน คือตอน BR กับ TC นั่นแหละครับ

ปัญหาคือคนซื้อไม่ได้ใช้ แล้วก็คนใช้ไม่ได้ซื้อ ส่วนนึง FSG ตอนนั้นก็ยังถือว่าใหม่พอสมควร ตอนนี้ระบบอะไรมันก็เข้าที่เข้าทางมาสักพัก

เพจ Scouse Bastard วิเคราะห์ไว้แม่นมาก คือแกบอกว่ายังไงยุคใหม่ก็จะออกมาลักษณะนี้ ยุคซุปเปอร์โค้ชก็หมดไปพร้อมคลอปป์ โค้ชใหม่เข้ามาก็ทำงานภายใต้การบริหารของเอ็ด

โค้ชก็ใช้ผลงานเมื่อเอาเครดิตไว้งัดกับเอ็ด ถ้าเจ๋งจริงก็อาจจะเป็นซุปเปอร์โค้ชคนต่อไป สโมสรได้ประโยชน์

ถ้าไม่ - FSG ก็ยังมีเอ็ดที่เป็นคนที่รู้เรื่องฟุตบอล แล้วก็มีผลงานมากพอที่จะหาโค้ชใหม่มาคุมนักเตะที่เลือกจากแนวทางการเล่นและค่าสถิติต่างๆต่อไป และสโมสรก็ยังคงได้ประโยชน์ต่อไปอยู่ดี

ผมเห็นด้วยนะ ยิ่ง ขนาดorg ใหญ่ขึ้นยิ่งต้องแบ่งหน้าที่รับผิดชอบดีๆ

ระบบนี้ดีนะ ถ้าทีมบริหารทำงานกันเทพๆนี่ โค้ชสบายเลย

แฟนน่อลขอบอกเลยว่า ไม่น่าเวิร์ค สำหรับทีมอังกฤษที่กำลังจะสร้างทีม

น่อลใช้โมเดลนี้ตอนอูไนเช้ามาคุมทีม เรื่องซื้อขายให้ ซานเยฮี กับ มิลินสตัด เลือกเข้ามาให้

สิ่งที่ได้คือดีลอย่าง เปเป้ เกวนดูซี่ ซาลิบา เทียร์นี่ เลโน่ ซึ่งทั้งหมด ผ่านไป 5 ปี ซาลิบา ผ่านคนเดียว แถมกว่าโค้ชจะได้พร้มใช้ก็ผ่านไป 2 ปี ละ

ไม่ใช่พวกนี้ไม่เก่ง แต่ทีมเลือกนักเตะที่โค้ชไม่ได้อยากได้เข้ามา ผมงานมันก็ไม่ได้

ตอนต้าเข้ามา ก็เป็นแค่ head coach เหมือนกัน แต่ผ่านไปซักพักก็ให้เป็น manager เพราะทีมคงเห็นกว่า ควรจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากกว่านี้

ลองคิดดูว่า ผจก.อยากบิ้วอัพเกมจาก ผู้รักษาประตู แต่ทีมประเคยเลโน่มาให้ คงได้โดนไล่ออกไปบิ้วอัพกับทีมอื่นก่อนแน่ๆ

นึกว่าตำแหน่งเดียวกัน แค่เรียกต่างกันซะอีก ต่างกันตรงอำนาจตัดสินใจ ผุู้จัดการทีมมีอำนาจมากกว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนแค่นั้น

ที่เป็นอยู่ Jk ก็เป็น head coach นะ แค่มีสิทธิ veto ซื้อขายเฉยๆ และผมเห็นด้วยกับระบบนี้นะ แค่งานคุมซ้อม, บริหารความพอใจ squad 25 คนก็เหนื่อยพอละ จะเอาเวลาไหนมา scout นักเตะร้อยๆคน เป็นไปไม่ได้เลย

จะเวิร์คไม่เวิร์คผมว่ามันคืออยู่กับรายละเอียดในแผนงานนะ หลายทีมทำแล้วดี หลายทีมทำแล้วไม่ดี มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอย่างอื่นด้วย ฝีมือโค้ชเองก็เกี่ยว ทีมงานคัดเลือกนักเตะก็เกี่ยว มันขึ้นอยู่กับการ Merge การทำงานระหว่างสองแผนกทำยังไงให้ Data มันสามารถไปในทิศทางเดียวกันได้ ผมว่านี้แหละคือคีย์ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ การวางระบบของการประสานของทั้งฝั่ง Managing กับ Coaching ถ้าเกิดวางแผนกันได้ดี โอกาศประสบความสำเร็จก็มีมากว่า 50% แต่นี้คือ 1 ในปัจจัยแค่นั้นมันมี Details เยอะแยะมากมายที่ต้องคิด แต่ผมอยากให้ถึงซีซั่นหน้าไวๆแล้วอยากดูว่าเอ็ดจะเก่งมากขนาดไหน เจ้าของทีมถึงไปยอมง้อกลับมา

โค๊ชก็มีส่วนเรื่องผู้เล่นอยู่นะครับ สมมุติอยากได้กองหลังก็สามารถกำหนดสเปคเช่น ถนัดเท้าซ้าย เล่นบอลบนพื้นดี มีความเร็ว ที่เหลือทีมงานแมวมองหลังบ้านที่ออกไปเก็บข้อมูลนักเตะทั่วโลกก็ไปคัดมาอีกทีให้ใกล้เคียงสเปคที่โค๊ชอยากได้ ไม่ใช่อยากจะซื้อใครก็ซื้อเข้าทีม แบบนี้ผมว่าดีกว่า มันมีโค๊ชไม่กี่คนบนโลกหรอกครับที่จะเก่งทั้งคุมทีมทั้งเรื่องเลือกซื้อนักเตะพร้อมกัน

เหมือน หลายๆคอมเม้นต์บอกมาน่ะครับ

หัวหน้าผู้ฝึกสอน

ก็สามารถลิสต์มาได้นะครับ ว่าอยากได้ตำเเหน่งไหน แบบไหน

แล้วก็ปล่อยให้คนอื่นไปหามา สมมุติ ได้ มา 1 2 3 คน โค๊ช ก็ค่อยจิ้มเลือกอีกทีนึง

แต่ หัวหน้าผู้ฝึกสอน จะมาไม่สามารถ เลือกคนที่ 4 นอกเหนือจากในลิสต์ที่ เขาหามาให้น่ะ



ส่วนตัวผมชอบนะแบบนี้
ได้ focus งาน ในส่วนของในสนามล้วนๆ

อันนี้ผมมองว่าปัญหาจากการสื่อสารป่ะฮะ ถ้าทีมอยากบิ้วอัพเกมจากผู้รักษาประตู ก็ต้องแจ้งคุณลักษณะโกล์ที่ถนัดเล่นแบบนี้

ถ้าแจ้งแล้วยังได้ประตูยืนติดเส้น ไม่ถนัดใช้เท้า ผมว่าผิดที่ฝั่งวิเคราะห์อ่ะฮะ (เช่นอยากบิ้วอัพ แต่ไปจัดเลโน่, เดกอามาให้)

ไม่ได้ผิดมาจากรูปแบบการบริหารป่ะฮะ

ไม่แปลกใจ เพราะ ทีมอื่นในยุโรปก็ใช้ การทำงานแบบนี้ โดยเฉพาะในเยอรมัน ถึงจะเฮดโค้ช ก็รีเควสนักเตะได้นิ ให้ทาง ผอ. จัดหาให้ได้ ลิสได้เลย ดีออกจะได้ไม่ต้องควบหลายตำแหน่งแล้ว ทำให้งานคุมทีมแกว่ง

กลางตารางแน่นอน ทีมอื่นทำได้เพราะงบประมาณซื้อตัวนักเตะมันสามารถซื้อนักเตะเก่งๆ และค่าตัวสูงๆได้ แต่กับลิเวอร์พูลไม่ได้มีเงินขนาดนั้น

แบบนี้ภาพยิ่งชัดว่า ตาแว่นแกมีปัญหากับบอร์ดแน่นอน

ไทม์ไลน์มันใช่มาก เผลอๆๆอาจจะมีปัญหากับเจ้าของทีมนั้นแหละ

คนบ้าอะไรอยู่ดีๆๆจะมาบอกหมดไฟ ทั้งที่สัญญายังเหลืออีกตั้ง 1 ฤดูกาล

ระดับแกคงวางแผนไว้หมดแล้วนั้นแหละ ไม่งั้นคงไม่ต่อสัญญาขนาดนั้นหรอก

ช่วงที่บอกประชุมบอกกับบอร์ดว่าขอไม่อยู่แล้ว ก่อนจะประกาศออฟฟืเชียล

ผมว่าช่วงนั้นแหละที่คุยไม่ลงตัว คงเป็นเรื่องการซื้อขายนักเตะและการจัดการอะไรหลายๆอย่าง

ที่ไม่ถูกใจแก สังเกตดูแกสัมเวลามีข่าวซื้อขายนักเตะช่วงหลังเหมือนปล่อยวางแล้ว บอกเป็นหน้าที่ของบอร์ดอย่างเดียวเลย คิดดูปีที่ได้แชมป์แทนที่จะต่อยอดทีมออกไปเสือกไม่ทำอะไร จนสุดท้ายนักเตะเจ็บไม่พอหมุน กระเสือกกระสนจนได้ที่ 4 ไป UCL แล้วปีต่อมาก็ทุ่มไปกับอีหนูนแค่นั้น หักลบกับขายออกไป จ่ายไม่เยอะเลย บอกมีแต่รายจ่ายอย่างอื่นอีก เช่นทำสนาม จนเข้าสเต็ปเดิมๆนักเตะเจ็บ ตัวสำรองงั้นๆ ช่วยอะไรไม่ได้ สุดท้ายฤดูกาลที่แล้วไม่รอดได้แค่ไป UEL มาฤดูกาลนี้ก็ตามสภาพที่เห็น ทำทรงเป็นทุ่มซื้อ แต่เมิงมาทำเอาวันสุดท้ายของตลาด ก่อนหน้านี้กะจะรอดึงราคาถูกๆ ทั้งที่โค้ชเขาก็บอกว่าต้องการเวลาเตรียมทีมก่อนเปิดฤดูกาล ซึ่งปัญหาหลักคือ กองกลาง ชุดที่ผ่านมาไม่ไหวแล้วจริงๆ ยิ่งกลางรับยิ่งหนัก

ควรเอามาคนแรกเลยก่อนโซบอสไลด้วยซ้ำ แต่ติดเรื่องเงินอย่างเดียว ต้องขายออกก่อนไรงี้ เจอเจ้าของแบบนี้

ไม่แปลกที่จะหมดไฟเร็ว

น่าจะมีแค่อังกฤษกับแถบๆ UK ที่ใช้ระบบ Manager ที่อื่นเป็น Head Coach กันมานานมากแล้ว

ข้อดี : เวลาผลงานห่วย จะได้อ้างได้ว่า ไม่มีผู้จัดการนะ...มีแต่หัวหน้าผู้ฝึกสอน