ผมคิดว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศไม่พัฒนาคือเราขาดคนทำงานระดับ technician ที่มีทักษะดีครับ

เพราะถ้าพูดว่าไม่เจริญด้วยเหตุที่ว่าคนเก่งส่วนใหญ่เป็นหมอเนี่ย มันต้องไล่กันหลายเรื่องเลยนะครับ

- ระบบราชการและสวัสดิการของประชาชน
- การกระจายความเจริญ
- การผูกขาดและได้เปรียบ/เสียเปรียบทางการค้า
- การเข้าถึงและมาตรฐานของการศึกษา
- ตลาดที่รองรับแรงงาน

ตอนนี้ผมนึกออกแค่ 5 ข้อ แต่คิดว่าน่าจะมีมากกว่านี้ ซึ่งถ้าลง detail จริงๆแม่งลึกกว่าที่คิดเยอะ

แล้วเกี่ยวพันกันหลายเรื่องด้วย

เห็นด้วยเลยครับ แต่ผมบอกเลยว่าปัญหาคือสมองไหลแน่นอน
ย้อนกลับไป ก็ไม่น่าเรียนหมอเหมือนกันครับ งานหนัก สภาพการทำงานแย่ แล้วไม่ได้เป็นสายความงามด่้วยก็ทำงานไถนาไป

จริงๆอีกความชอบคือวิศวะ ถ้าเรียนก็คงไปต่อนอก และถ้าต่อนอกผมก็คงทำงานอยู่ต่างประเทศไปแล้ว
เพราะฐานรายได้มันมากกว่าเยอะ

รัฐต้องสนับสนุนเอกชนมากกว่านี้ให้สายอาชีพเยอะมันเกิดมากๆ

ไม่เกี่ยวเลยมันปลายเหตุ ต้นเหตุเดียวเลยคือ คนมันไม่มีจิตสำนึกครับ เพื่อปากท้อง โกงแค่ไหนก็ทำ เอื้อประโยชน์ให้นายทุน สุดท้ายธุรกิจกลาง เล็ก มันเลยไปไม่รอด ไม่ต้องพูดถึงแข่งขันกับต่างชาติ ขนาดเศรษฐกิจ​เลยเล็ก ตำแหน่งงานเงินเดือนสูงๆ มันเลยน้อย อาชีพเฉพาะทางเนี่ยเลยเป็นที่หมายปองของคนเก่ง คนเก่งๆ ที่บ้านไม่ได้มีกิจการหรือฐานะร่ำรวย เขาก็มองหาอาชีพที่รายได้สูงก่อนอยู่แล้ว

เด็กเก่งประเทศอื่นๆที่พัฒนาแล้วไม่ได้มุ่งจะเป็นหมอหมดคร้บ อย่างอินเดียตอนนี้เน้นไปทางสายเทค IT กันค่อนประเทศ

ยุโรปก็สายวิจัยเต็มไปหมด วิจัยยา วิจัยนวัฒกรรม วิจัยอีกมากมาย

เด็กเก่งไทย ไม่เรียนชีวะ เยอะแยะครับ

แทบทุกประเทศในโลกนี้

คนเรียนหมอ คือ กลุ่มคนที่เรียนหนังสือ เก่งที่สุด ของรุ่น


ออสเตรเลีย จะเรียนหมอ ต้องมีคะแนนระดับ TOP 1% แรกเท่านั้น

สหรัฐ จะเรียนหมอ ต้องจบ ปริญญาตรีก่อน และ ควรจะได้เกรด ปริญญาตรี เกิน 3.6 ขึ้นไป
เมียพรี่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก จบมัธยมที่ 1 ของโรงเรียน จบ ป ตรี ชีวะ จากฮาร์วาร์ด เกียรตินิยมอันดับ 1 ไปเรียนต่อ หมอ ที่ UCSF

แคนาดา จะเรียนหมอ ต้องเรียน ปริญญาตรี อย่างน้อย จบ ปี สอง และ ได้เกรด 3.6 ขึ้นไป ถ้ามหาลัยดังๆ อย่าง โตรอนโต แมคกิลล์ อาจจะ 3.9 ขึ้นไป

อังกฤษ ต้องได้คะแนน UCAS ในระดับ AAA

ส่วนประเทศในโซนเอเชีย อย่าง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ คนเรียนหมอ คือ ระดับ TOP บนสุดของโรงเรียนเหมือนกันหมด

หลายอย่างครับ ของเรานอกจากไม่ช่วยแล้วยังไปห้ามพัฒนาอีก อะไรๆก็ต้องรอพระมหากรุณาธิคุณ ทำอะไรก็ไปขัดโครงการไม่ได้ งานวิจัยก็ไม่มีอิสระเต็มที่ สรุปมันไม่พัฒนาไปไหนหรอก ได้แค่นี้หละ ประเทศนี้ รอวันเฉาตายไป

หรือเราสนับสนุนให้ใครก้อได้เปนหมอดี แล้วรอดูผล

เด็กเก่ง ควรไปเป็นครู ครับ พัฒนาการศึกษาให้ดี ต่อยอดความเก่ง เหมือนประเทศ ฮ่องกง
ครูเงินเดือน เยอะมาก แล้วก็สอบยากมากด้วย ..เป็นอาชีพ 1ใน3ที่ เด็กๆ ใฝ่ฝัน

ถูกต้องครับแต่คนที่เรียนสายเทคก็คือคนเก่งไม่แพ้สายแพทย์อาจจะต่างกันแค่นิดหน่อย
ตัดภาพมาที่ไทยสมมุติสายแพทย์คะแนนเต็ม 100 สายโปรแกรมเมอร์ วิดวะเฉลี่ยแค่ประมาณ 70-80 เอง
ในมุมมองผมนะ อย่างมหาวิทยาลัยเบอร์ต้นๆของโลกก็ต้อง MIT สายงานที่โดดเด่นคงไม่ต้องอธิบาย
ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือสายการเงินการลงทุน ในเมื่อเอ็งไม่สามารถสร้างนวัตกรรมด้านเทคได้
เอ็งก็ต้องสร้างนวัตกรรมด้านการเงินการลงทุนสนับสนุนสายเทคหรืองานด้านอื่นๆ
อย่างที่ผมบอกสายแพทย์ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรือไม่สำคัญ สำคัญมากครับ
แต่มันไม่ได้สร้างนวัตกรรมให้ได้เหมือนกับนสายเทค แพทย์เก่งให้ตายคุณก็อาจจะสามารถเป็นเจ้าของ
รพ. ได้ แต่สายเทคเก่งมากๆคุณแทบจะเป็นศูนย์กลางของโลก

ผมบอกตรงไหนว่าสนับสนุนใครก็ได้เป็นหมออะครับ เด็กเก่งควรเป็นหมอถูกแล้วแต่ไม่ใช่ว่าเราต้องเทเด็กเก่งเกือบทุกคนเป็นหมอตามค่านิยมของสังคม เข้าใจมั้ยครับ

เรื่องการศึกษาในมุมมองผมนะมันสะท้อน ภาพรวมของสังคม และเศรษฐกิจนะ
ถ้าพ่อแม่มีรายได้ดีก็ต้องการให้ลูกหลานมีการศึกษาที่ดีก็พร้อมที่จะลงทุนกับการศึกษา
สิ่งที่ตามมาคืออาชีพครูก็จะยกระดับขึ้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าสังคมมีรายได้ที่ดี
การศึกษาก็จะยกระดับขึ้นเองครับ กลับกันถ้าพ่อแม่ไม่สนใจการศึกษาต่อให้ครูดี
แต่พ่อแม่ไม่ใส่ใจเด็ก สิ่งที่ได้กลับมามันไร้ประสิทธิภาพครับ
แต่ถามว่าควรยกระดับมั้ยมันก็ควรแหละ ถึงจะฝืนๆหน่อยแต่ก็ดีกว่าตอนนี้
ตรงนี้แนวคิดของครอบครัวสำคัญมากๆ พวกประเทศอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน
แนวคิดเรียนการศึกษาสำคัญมาก แล้วไม่ได้พึ่งเป็นแต่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ
ลองดูแค่คนไทยแท้ๆ กับคนไทยเชื้อสายจีน ก็เห็นความต่างของความสำคัญในด้านกานศึกษามากแล้ว

จริงๆ ช่วง ม.ปลาย เด็กเก่งหายไปเยอะอยู่นะ

แต่ไปเข้าเตรียมทหาร

ปํญหาบ้านเรา ไม่ใช่คนเก่งแห่กันไปเรียนหมอ ประเทศไหนๆ พวกเรียนหมอ ก็คือตัวท็อปด้านวิชาการ


แต่ระบบการศึกษาของเรา สร้างคนเก่งด้านวิชาการออกมาได้น้อย


ประเทศไทย โรงเรียนแพทย์รับคนเรียนหมอ ได้ปีละ 2800 คน แค่นี้ ก็เอาเด็กเก่งไป ซะเยอะแล้ว


โรงเรียนแพทย์ในอังกฤษ รับคนเรียนหมอ ได้ปีละ 9000 คน แต่ก็ยังมีคนเก่งๆ แบ่งไปเรียน วิศวะ เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อีกเพียบ

ถือว่าเป็นสายงานระดับพิเศษสำหรับประเทศไทย อนาคตคุณอาจจะได้เป็นนายพลกินเงินเดือนชิวๆ
เป็น สว. หรืออาจจะได้เป็นถึงนายก เลยด้วยซ้ำ