ลองทำดูก็ได้ครับ

แต่หลักการออมจริงๆคือ ต้องแยกเงินออมออกก่อน แล้วเงินที่เหลือ ค่อยเอาไปใช้จ่ายครับ

รายได้ - เงินออม = ค่าใช้จ่าย

แบบนี้ถึงจะทำได้นานครับ

เพราะบางที บางเดือน เราก็ไม่เหลือ

ส่วน 5 ปี ผมคิดว่ามันยังสั้นไปครับ อย่างต่ำๆน่าจะต้อง 10 ปี

มันเป็นคล้ายๆการลดความเสี่ยงครับ ยิ่งถือนาน ความเสี่ยงจะยิ่งลดลง

เพราะมันมีการเฉลี่ย ความเสียหาย และ กำไร

เค้าถึงเรียกว่า ผลตอบแทนเฉลี่ย ไม่ได้เรียก ผลตอบแทน ณ ปีนั้นๆ

เพราะสมมุติ 2 ปีแรก เป็น บวก 3 ปีหลังเป็น ลบ

พอมาดูผลตอบแทน 5 ปี สรุปขาดทุน ท่านก็จะตีโพยตีพายไปว่า เนี่ยไม่เห็นได้เลย

อย่ามาซื้อหุ้นกันนะ มีแต่ขาดทุน

5 ปีของท่าน อาจจะอยู่ตรงนี้ก็ได้ครับ

ในทางกลับกัน คิดแบบเป็นหนี้
สมมุติบ้าน 3 ล้าน ผ่อน 30ปี คิดแบบไม่ตัดต้นเลย ไม่รีไฟแนนซ์ เบ็ดเสร็จ 5ล้านกว่านะ ดอกเบี้ย 2.Xล้าน

เข้า excel กดดูก็รู้แล้วครับว่ามันจริง เงินเก็บเปลี่ยนหลักได้เลย

หมอ หมอฟัน ที่มีอายุนิดนึง ฝากเงินในสหกรณ์มา 20 ปี+ มีเกิน 50M เยอะแยะ ฝากไปเรื่อยๆไม่เน้นเสี่ยง ดอก 3-5% ก็เหลือๆแล้ว

ท่าน dca ในตลาดทางไหนครับผม

จะทำแบบนั้นได้ต้องถอดสมอง DCA ครับแล้วต้องเป็นเงินที่น้อยเทียบกับรายรับต่อเดือน ถ้าคุณ DCA เงินเยอะแล้วเวลาตลาดลงคุณจะรู้สึกไม่สบายใจเพราะคุณ DCA ด้วยเกินกำลังตัวเอง แต่ถ้าลงเงินน้อยสมมติเงินเดือนแสนคุณ DCA ห้าพันหมื่นนึงต่อเดือน คุณจะไม่รู้สึกอะไรมากเลยเพราะมันเทียบเงินน้อยกับรายรับ

เริ่มจากคืนนี้เลยครับ CPI 3.5% เยอะกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ทำให้มีโอกาสที่ FED จะชะลอการลดดอกเบี้ยกลางปี หุ้นไหลเทเป็นน้ำละครับคืนนี้ ลองดูครับว่าท่านๆทนกันได้มั้ย

หุ้นเมกาเตรียมลงแล้วเหรอครับ

ได้จริงครับ แต่ที่ยากคือจะหาจากไหน 8%

พวกธุรกิจมันเลยโตเร็วไง เพราะธุรกิจมันได้มากกว่า 8% และเงินมันเอาไปทบต้นได้ ส่วนคนธรรมดา เอาจริงหา 5% แบบไม่เสี่ยงยังยากเลย

https://www.set.or.th/th/market/statistics/market-statistics/main

ลองศึกษาเองจากเว็บดูครับ ผมสนใจหุ้นไทยแค่บางตัวเลยไม่ได้ดู เอาจริงปมยังมองว่าหุ้นไทยความโปร่งใสน้อย เหมาะกับปันผลและเข้าได้แค่บางตัว เลยไม่ได้มองภาพรวมเท่าไหร่ ที่จะบอกคือ8%มันไม่ได้ยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนี้นครับ